ขึ้นชื่อว่าบีเอ็มดับเบิลยู คุณก็สัมผัสได้ถึงความเหนือชั้นของรถยนต์ระดับพรีเมียมที่ไม่ได้มากแค่ฟังก์ชั่นและดีไซน์ แต่ปีนี้ยังเพิ่มนวัตกรรมที่ช่วยในการขับขี่ให้คุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี Reversing Assistant ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ขับขี่ขณะถอยจอดหรือถอยออกจากที่แคบอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยฟังก์ชั่น Reversing Assistant นี้ เป็นส่วนหนึ่งของระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากบริเวณที่มีพื้นที่แคบ เช่น อาคารจอดรถ ทางเลี้ยวเข้า หรือทางตัน ได้อย่างง่ายดายแม้จะมีมุมมองที่จำกัด
ซึ่งทางบีเอ็มดับเบิลยูได้จัดการทดสอบทั้งหมด 3 Station ให้เราได้ลองเพื่อวัดผลกันไปเลยว่าบีเอ็มดับเบิ้ลยู ไม่ใช่แค่รถที่ขับดีบนทางเรียบเท่านั้น แต่ในเส้นทางออฟโรด บีเอ็มดับเบิลยูก็มีดีไม่แพ้กัน เริ่มตั้งแต่การทดสอบความเร็วจากขุมพลังของเครื่องยนต์บนสนามแข่ง การทดสอบความคล่องตัวและความปราดเปรียวในการขับขี่แบบ Gymkhana พร้อมการทดสอบฟังก์ชั่น Reversing Assistant ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ส่วนการทดสอบการขับขี่บนถนนจริง เราได้สัมผัสถึงการใช้งานรถยนต์ทั้งสองรุ่นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าสมรรถนะของระบบช่วงล่างแบบ Adaptive M และระบบการขับเคลื่อนต่าง ๆ บนเส้นทางแบบออฟโรด ทั้งทางลูกรัง พื้นหญ้า และเนินดินกันอย่างเต็มที่
ส่วนความโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ นอกจากดีไซน์สปอร์ตโฉมใหม่สะดุดตาและเทคโนโลยีการขับขี่ที่ล้ำสมัยแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ยังเหนือกว่าในด้านการประหยัดเชื้อเพลิง ด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยที่ 21.7 กิโลเมตรต่อลิตร บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport นอกจากจะถือเป็นหนึ่งในรถที่มีความประหยัดน้ำมันที่สุดในเซกเมนต์แล้ว ยังผ่านการรับรองมาตรฐานยูโร 5 ซึ่งเป็นมาตรฐานมลพิษของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 2,959,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 3,359,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
ซีรี่ส์ 3 ที่ป็นตำนาน หลังจากที่ได้เปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อปี พ.ศ. 2518 การกลับมาอีกครั้งในเจเนอเรชั่นที่ 7 กับการพัฒนาทั้งในด้านดีไซน์ ระบบช่วงล่าง เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีการขับขี่ เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับยิ่งขึ้น อันเป็นหัวใจสำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ มาในดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตา ตอกย้ำความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ด้วยเส้นสายที่แข็งแกร่งและคมชัด ด้านหน้าของตัวรถมาในรูปลักษณ์ที่ดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้นในกรอบที่เชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาวดีไซน์ใหม่ล่าสุด รับกับช่องดักอากาศรูปทรง T เพิ่มความโดดเด่นให้แก่ด้านหน้าของรถ ด้านข้างของตัวรถโดดเด่นด้วยกรอบหน้าต่างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar มอบมิติไร้ขอบหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และ ท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม
การออกแบบโครงสร้างและเทคโนโลยีแชสซีใหม่ล่าสุดในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 มอบการควบคุมที่เฉียบคมและปราดเปรียวยิ่งขึ้น ผสมผสานทั้งความสปอร์ตและความนุ่มสบายไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยประสิทธิภาพของชุดเบรกที่เหนือชั้น จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 นอกจากนี้ ตัวรถยังมีน้ำหนักที่เบาลงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 55 กิโลกรัม จากการใช้วัสดุอลูมิเนียมในชิ้นส่วนและโครงสร้างต่าง ๆ เช่น กระโปรงและกันชนหน้า ส่วนการออกแบบด้านอากาศพลศาสตร์ในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำถึง 0.26 ลดลง 0.03 จากรุ่นก่อนหน้า ทั้งจากระบบ Active Air Flap แผ่นปิดด้านในกระจังหน้าไตคู่เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด และการจัดระเบียบทิศทางการไหลของอากาศผ่าน Air Curtains ที่ช่วยลดแรงเสียดทานอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มิติของตัวรถ มีความกว้างเพิ่มขึ้น 16 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 76 มิลลิเมตร ฐานล้อมีขนาด 2,851 มิลลิเมตร กว้างขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 41 มิลลิเมตร ทำให้บริเวณห้องโดยสารด้านหลังมีพื้นที่กว้างขวาสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนล่าสุด มอบพละกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาทีจากเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบของบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ส่งกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550 – 4,400 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยทั้งสองรุ่นรองรับระบบ Driving Experience Control ที่มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งในโหมด COMFORT, SPORT และ ECO PRO
บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอย 18 นิ้วลาย V Spoke และชุดแต่ง BMW Individual high-gloss Shadow Line ด้วยขอบหน้าต่าง ขอบช่องดักอากาศ และซี่บริเวณกระจังหน้าไตคู่สีดำเงาเช่นเดียวกับภายใน ซึ่งตกแต่งด้วยวัสดุอลูมิเนียมลาย Mesheffect พร้อมพวงมาลัยและที่นั่งด้านหน้าแบบสปอร์ต ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport โดดเด่นด้วยชุดแต่ง M Sport ที่ช่วยเสริมทั้งรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวและสมรรถนะปราดเปรียว ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วงล่าง ชุดเบรก และชุดแอโรไดนามิคส์ แบบ M Sport ล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้วลาย Double Spoke และพวงมาลัยหนังแท้ M ภายในตกแต่งด้วยวัสดุอลูมิเนียม Tetragon
ส่วนห้องโดยสารได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นหัวใจสำคัญ พร้อมแผงหน้าปัดและจอ Control Display ในดีไซน์ใหม่ สะดวกสบายด้วยพื้นที่ด้านหน้าและด้านหลังที่กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมถึงพื้นที่จุสัมภาระถึง 480 ลิตร เบาะนั่งสามารถพับได้แบบ 40:20:40 บรรยากาศหรูหราด้วยไฟ ambient light และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 ตอน
นอกจากระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ที่ติดตั้งมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport และทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบ BMW Live Cockpit Professional แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด (Parking Assistant) ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ระบบเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (Park Distance Control) ในบีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ที่มาพร้อมระบบ BMW Live Cockpit Plus รวมถึงระบบการเชื่อมต่อ BMW ConnectedDrive เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด และระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport
อีกหนึ่งก้าวสู่อนาคตแห่งรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของบีเอ็มดับเบิลยู คือ ฟังก์ชั่น Reversing Assistant ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ขับขี่ขณะถอยจอดหรือถอยออกจากที่แคบอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งอื่น ๆ ในเซกเมนต์ โดยฟังก์ชั่น Reversing Assistant นี้ เป็นส่วนหนึ่งของระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากบริเวณที่มีพื้นที่แคบ เช่น อาคารจอดรถ ทางเลี้ยวเข้า หรือทางตัน ได้อย่างง่ายดายแม้จะมีมุมมองที่จำกัด ซึ่งฟังก์ชั่นดังกล่าวจะจดจำองศาการเลี้ยวของพวงมาลัยขณะขับเข้าไปยังพื้นที่แคบได้เป็นระยะทางไกลสูงสุด 50 เมตร ขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถเริ่มใช้งานโดยกดปุ่ม Reversing Assistant ขณะจอดนิ่งที่เกียร์ P หลังจากนั้น รถยนต์จะถอยหลังอัตโนมัติตามเส้นทางที่ขับเข้าไปล่าสุด ผู้ขับขี่จะมีหน้าที่เพียงแค่แตะเบรกหรือคันเร่ง โดยความเร็วในการถอยอัตโนมัติจะอยู่ที่ความเร็วสูงสุด 9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งระบบจะสามารถจดจำองศาการเลี้ยวภายในระยะ 50 เมตรสุดท้ายไว้ได้เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถแม้กระทั่งถอยออกจากที่จอดรถได้แม้จะจอดทิ้งไว้ข้ามคืนหรือเป็นระยะเวลาหลายวัน
บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sport
ราคาจำหน่าย: 5,699,000 (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
ปลายปี 2561 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยได้เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X5 เจเนอเรชั่นที่ 4 ที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานสมรรถนะและความสะดวกสบายอย่างเหนือระดับ เสริมความแข็งแกร่งให้แก่รถยนต์ในตระกูล Sports Activity Vehicle ด้วยหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตระกูล X
บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ยังคงรูปลักษณ์อันเฉพาะตัวของ Sports Activity Vehicle แต่มาในดีไซน์ใหม่ที่เรียบหรูยิ่งขึ้น ด้วยพื้นผิวตัวถังที่ราบเรียบ ตัดกับเส้นสายที่เฉียบคมและดุดัน เพิ่มลุคสง่างามให้แก่
บีเอ็มดับเบิลยู X5 รุ่นล่าสุดนี้ และนอกจากนี้ ตัวรถยังมีขนาดใหญ่ขึ้น ยาว 4,922 มิลลิเมตร กว้าง 2,004 มิลลิเมตร และสูง 1,745 มิลลิเมตร ให้ความรู้สึกโปร่งสบายแก่ผู้โดยสาร พร้อมปริมาตรในการบรรจุของ 650-1,870 ลิตร
บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ปราดเปรียวยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics เสริมลุคสปอร์ตด้วยขอบหน้าต่างและราวหลังคาสีดำเงา กระจังหน้าทรงไตคู่ที่มีผิวอลูมิเนียมแบบด้าน พร้อมให้ความรู้สึกทรงพลังด้วยชุดเบรกและช่วงล่างแบบ M Sport และล้ออัลลอย M ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double-spoke
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic ทำงานคู่กับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ด้วยกำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บีเอ็มดับเบิลยู X5 ยังคล่องตัวด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อบีเอ็มดับเบิลยู xDrive เจเนอเรชั่นล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนากำลังขับเคลื่อนและควบคุมการทรงตัวได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการถ่ายแรงขับเคลื่อนอย่างนุ่มนวลระหว่างล้อหลังทั้งสองข้างบนเส้นทางออนโรดและออฟโรด
บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ยังมาพร้อมช่วงล่างแบบ Adaptive M ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Dynamic Traction Control) ระบบ Driving Experience Control สำหรับเลือกรูปแบบการขับขี่พร้อมโหมด ECO PRO และระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control) เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด พร้อมมอบความสปอร์ตคล่องตัวและความสะดวกสบายได้ตลอดเส้นทาง
ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ มอบความรู้สึกหรูหราและมีระดับ ด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม ดีไซน์ที่ลงตัว และระบบการควบคุมที่ล้ำสมัย แผงหน้าปัดดิจิทัลและจอ Control Display ได้รับการออกแบบทั้งกราฟฟิคและดีไซน์มาให้สอดรับกัน พร้อมด้วยเบาะนั่งหนังแท้ Vernasca และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ M Sport ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่โดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ยังมีหลังคากระจกแบบ Panorama ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเก่า 30%
นอกจากความสะดวกสบายและความเหนือระดับยิ่งขึ้นแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ยังสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย เบาะหลังพับได้แบบ 40 : 20 : 40 รองรับปริมาตรการบรรจุของตั้งแต่ 650 ลิตรถึง 1,870 ลิตร พร้อมประตูท้ายที่สามารถแยกเปิดสองส่วนเพื่อให้สะดวกต่อการขนย้ายสัมภาระ ซึ่งสามารถเปิดปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัย เช่น ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบ Reversing Assistant ช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ Parking Assistant Plus มาพร้อมกับกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera รวมทั้งวิวด้านบน วิวพาโนรามิค และรีโมท 3D วิวที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อเพื่อดูภาพของรถที่จอดทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ ผ่านระบบ BMW ConnectedDrive นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบ Driving Experience Control เลือกรูปแบบการขับขี่พร้อม ECO PRO ที่ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่
อีกหนึ่งความพิเศษของ Sports Activity Vehicle รุ่นนี้ คือระบบ BMW Live Cockpit Professional ที่โดดเด่นด้วยจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครัน ส่วน BMW Head-Up Display เจเนอเรชั่นล่าสุด ขนาด 7×3.5 นิ้ว สามารถแสดงภาพกราฟฟิคสามมิติได้ ขณะที่ระบบควบคุมผ่าน iDrive, BMW Gesture Control และจอ Control Display ระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ก็ยังเป็นทางเลือกเพื่อมอบที่สุดแห่งความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่ นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sport ใหม่ ยังมาพร้อม BMW ConnectedDrive มอบบริการการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัดระหว่างยานยนต์และผู้ขับขี่
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ยังมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองและรับมอบรถยนต์
บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2562 จะได้รับการขยายแพคเกจการบำรุงรักษาจากแพคเกจ BSI Standard ระยะเวลา 3 ปี / 60,000 กม. เพิ่มเป็นแพคเกจ BSI Plus ระยะเวลา 5 ปี / 100,000 กม. พร้อมรับฟรี บัตรเติมน้ำมันปตท. มูลค่า 30,000 บาท