8 โมงตรงเราเริ่มสตาร์ทกันที่ย่านสาธร ย่าน CBD และเป็นถนนในเมืองที่คราคร่ำไปด้วยการจราจรค่อนข้างหนาแน่น ขับเคลื่อนไปกันแบบสบายๆ ด้วยรถยนต์ Mercedes-Benz GLC แม้ภายในจะดูโอ่โถงแต่วงเลี้ยวและการลัดเลาะของ Mercedes-Benz GLC 250d ทำได้ดีในช่วงเวลาที่ค่อนข้างติดแบบนี้ หลังจากหลุดออกจากเมืองได้ เรามุ่งหน้าต่อไปทางถนนกาญจนาภิเษก อัตราการเร่งความเร็วถือว่าทำได้ดีเยี่ยม พวงมาลัยน้ำหนักเบาที่ทำให้เรารู้สึกสบายค่อนข้างมาก อัตราการเร่งจังหวะสปีดไม่มีแรงถ่วงมากจนต้องตะบี้ตะบันเหยียบคันเร่ง
ซึ่ง Mercedes-Benz GLC มาพร้อมกับปรัชญาทางการออกแบบที่ต้องการสื่อถึงความสวยงามและเรียบง่าย สะท้อนผ่านเส้นสายลวดลายที่โค้งมน ซึ่งในปัจจุบัน ได้นำเสนอรถยนต์สปอร์ตเอสยูวีใน 2 ดีไซน์ ได้แก่ GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic
เราใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงก็มาถึง “ตลาดริมธารโอ๊ะป่อย” ซึ่งที่นี่ได้ถูกจำนองให้เป็นสถานที่สำหรับแกลมปิ้ง “แกลมปิ้ง” ก็คือ Glamorous + Camping หรือการจัดแคมปิ้งในแบบหรูหรามีระดับเหมาะกับไลฟสไตล์คนขับ GLC ซึ่งตลาดแห่งนี้โดยปกติจะจัดแค่ในวันเสาร์และอาทิตย์ เป็นตลาดที่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของผู้ประกอบการ ชุมชน วัด โรงเรียน รวมถึงภาครัฐท้องถิ่น ซึ่งคำว่า โอ๊ะป่อย เป็นภาษากะเหรี่ยง หมายถึง “พักผ่อน” ใช้ชื่อนี้เพราะอยู่ติดลำธารมีน้ำไหลผ่านตลอดปี บวกกับบรรยากาศโดยรอบที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ ให้ความร่มเย็น เมื่อทุกคนมาเที่ยวที่ตลาดแห่งนี้ จึงจะสัมผัสได้กับความสดชื่น เหมือนร่างกายได้ชาร์จแบต และสุขใจไปพร้อม ๆ กัน
ส่วนวันนี้ตลาดแห่งนี้ได้เนรมิตให้กลายเป็นสถานที่แกลมปิ้งของชาว GLC นอกจากจะได้ทานอาหารแบบบาร์บีคิว ล้อมวงสนทนาไปพร้อมชมธรรมชาติ เรายังได้ฟังประสบการณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางอย่าง “คุณเปิ้ล-ณัฐบูร ไตรณัฐี” นักธุรกิจและดีไซเนอร์หนุ่มไฟแรงผู้ชื่นชอบการผจญภัยเป็นชีวิตจิตใจ มาแชร์ประสบการณ์และทิปส์น่ารู้ต่างๆ ของการตั้งแคมป์ นอกจากนี้ยังได้สนุกสนานกับกิจกรรมการผจญภัย ฝึกยิงธนูกับ “ครูฟิล์ม – ขวัญชัย โพธิ์หิรัญ” ครูผู้ฝึกสอนมืออาชีพ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าเป้าคะแนนสูงสุดไม่ได้กินเราหรอก เพราะเข้าขอบบ้าง เข้า no point บ้างสนุกสนานกันไป
พอแดดร่มลมตกก่อนที่จะหมดวัน ทางทีม Mercedes-Benz GLC ยังคงจัดความอร่อยกันต่อเพื่อดูแสงสวยยามพระอาทิตย์ตกดินที่ร้าน“Octospider” อาหารไทยฟิวชั่นสุดเก๋ที่อยู่ในอาคารรูปทรงปลาหมึกแมงมุมกลางทะเลสาบใกล้กับร้าน PASAYA เมื่อ GLC ที่จอดเรียงรายกระทบกับแสงยามเย็นที่กำลังจะลับขอบฟ้า บอกได้ทำเดียวว่าหล่อ เท่ สมกับราคาและสมรรถนะ ก่อนที่เราจะอิ่มท้องแล้วเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ อีกครั้ง
ในที่นี้ถ้าจะพูดเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ของรถรูปแบบเอสยูวี คลาสเดียวกัน เราว่ายังทำได้ดีสมเป็น Mercedes-Benz แม้จะไม่เงียบและรายเรียบเหมือนเครื่องยนต์ซีดาน แต่ก็ถือว่าไม่กระเทือนหนักเท่ารถรุ่นอื่น แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดๆ เลยของ Mercedes-Benz GLC คือความสบายที่ขับไปเหมือนเหาะ ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยใดๆ กับการเดินทาง ชิวๆ เหมือนเดินไปหน้าปากซอยแล้วกลับมานั่งทำงานต่อ เพราะเบาะนั่งที่ถูกปรับให้เข้ากับสรีระของผู้ขับขี่ วิสัยทัศน์ของกระจกมุมกว้างที่ชัดเจนโดยไม่ต้องโน้มตัวหรือชะโงกหน้าในการมองจังหวะต่างๆ รวมถึงเราได้ลองขับทั้งโหมด COMFORT,SPORT และ SPORT+ ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกันเมื่อใช้ขับเดินทางไกล โดย COMFORT จะช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, SPORT และ SPORT+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยในการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อม PARKTRONIC เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่อีกด้วย
The GLC คือยนตรกรรมที่มาพร้อมกระจังหน้าแบบสามมิติ มีสัญลักษณ์โลโก้เมอร์เซเดส-เบนซ์ขนาดใหญ่ตรงกลางบนลาย 2 แถบ ลายเส้นด้านข้างถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้าย
เสริมโครงสร้างตัวรถให้ดูทรงพลังและสง่างามไปพร้อมกัน โดย GLC 250 d 4MATIC
OFF-ROAD จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ในขณะที่ GLC 250 d 4MATIC
AMG Dynamic จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว, ชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง) รวมถึงหลังคาแบบพาโนรามิคเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
สำหรับ ดีไซน์ภายใน ถูกออกแบบโดยเน้นความหรูหรา ทันสมัย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายของความสปอร์ตเอาไว้เช่นเดิม โดย GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD ถูกตกแต่งด้วยลายไม้แบบ Open-pore brown ash wood พร้อมพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน ส่วน GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic ตกแต่งด้วยลายไม้แบบ Open-pore black ash wood พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด นอกจากนี้ ทั้ง 2 รุ่นนี้ยังประกอบไปด้วย ระบบวิทยุ-ซีดี MB Audio 20 ระบบแผนที่นำทาง Garmin® และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Bluetooth
ด้านเทคโนโลยี GLC ทั้ง 2 แบบ มาพร้อมกับระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่ 5 แบบ คือ ECO ที่ช่วยปรับการขับขี่เข้าสู่ระบบประหยัดน้ำมัน, INDIVIDUAL ที่สามารถบันทึกรูปแบบการขับขี่ที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ได้, COMFORT ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, SPORT และ SPORT+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยในการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อม PARKTRONIC เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่อีกด้วย
Mercedes-Benz GLC มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ และเกียร์อัตโนมัติ แบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 2,143 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600 -1,800 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กม./ชม
สำหรับใครที่สนใจสามารถติดต่อทดลองขับรถยนต์ และสอบถามรายละเอียดเงื่อนไขได้ที่ ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศไทย พร้อมรับแคมเปญส่งเสริมการขาย อาทิ ลูกค้าที่ออกรถยนต์รุ่น GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic สามารถเลือกระหว่าง รับอัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อระยะเวลา 48 เดือน หรือส่วนลดเงินดาวน์สำหรับทุกประเภทสัญญา เมื่อซื้อรถยนต์ทั้งในรุ่น GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic และรับ iPhone XS Max 256 GB มูลค่า 49,900 บาท จำนวนจำกัด สำหรับลูกค้าที่รับรถยนต์ GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD, GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic และ GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus ในระหว่างวันที่ 7 มีนาคม – 30 เมษายน 2562
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : www.mercedes-benz.co.th หรือติดตามข้อมูลข่าวสารของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ที่ www.facebook.com/MercedesBenzThailand