จะจบปีทั้งที เราก็อยากรู้ว่าตลอด 12 เดือนที่ผ่านมามีหนังเรื่องไหนเด็ด เรื่องไหนดีบ้าง เผื่อเก็บเป็นลิสต์ไว้ดูในช่วงปิดยาวนี้ แต่ใช่ว่าเราจะกำหนดหนังขึ้นตามใจชอบ โดยลิสต์ 5 หนัง The Best Movies of 2017ที่เรานำเสนอนี้มาจาก The New York Times นั่นเอง รับรองว่าหนังเกือบทุกเรื่องจะทำให้คุณแปลกใจเลยทีเดียว!!
ต้องบอกว่าเกินคาดไปมาก เมื่อ The New York Times จัดอันดับหนังเรื่องแรกเป็น ‘หนังสงคราม’ แต่เมื่อได้เห็นชื่อผู้กำกับก็ต้องร้องอ้อ!! เพราะ Dunkirk กำกับโดย “คริสโตเฟอร์ โนแลน” (Christopher Nolan) ผู้กำกับชื่อดังในทศวรรษนี้ที่ไม่เคยได้เข้าชิงรางวัลออสการ์เลยสักครั้ง แถมเรื่องนี้เขายังเป็นคนเขียนบทเองอีกด้วย
เนื้อหาของหนังเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ “ยุทธการณ์ดันเคิร์ก” ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้รับความร่วมมือในการสร้างหนัง 4 ประเทศด้วยกันคือ เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ซึ่งยกกองไปถ่ายทำที่สถานที่จริงคือ เมืองดันเคิร์ก ประเทศฝรั่งเศส แถมยังถ่ายทำด้วยกล้อง IMAX 65 มม. ผสมกับการถ่ายภาพด้วยกล้อง 65 มม. เพื่อสร้างภาพที่มีขนาดมหึมา เกิดความสมจริงจนกลายเป็นสิ่งที่ทำให้หนังรื่องนี้โดดเด่น
สิ่งที่น่าสนใจของหนังสงครามเรื่องนี้ไม่ใช่การแสดงความรุนแรงหรือความโหดเหี้ยมแบบเลือดสาด แต่คือ ‘ความสมจริง’ ที่สื่อให้คนดูสามารถเข้าถึงอารมณ์ ณ ช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่ทุกคนตระหนักถึงสภาวะคับขันขณะอยู่ในสมรภูมิรบ คริสโตเฟอร์ โนแลนเล่าเรื่องผ่านมุมมอง 3 ไทม์ไลน์ ซึ่งประกอบด้วยภาคอากาศ ภาคพื้นดิน และทางน้ำ ผนวกกับความพิถีพิถันและเก็บรายละเอียด ทำให้หนังสงครามเรื่องนี้สะเทือนอารมณ์คนดูได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่มีฉากดราม่าคร่ำครวญก็ตาม
ชื่อหนังเรื่องนี้อาจไม่คุ้นเคยสักเท่าไร เพราะ Ex Libris – The New York Public Library เป็นหนังสารคดีสัญชาติฝรั่งเศสที่ไม่ได้ฉายในไทย แต่ไม่ใช่สารคดีไก่กาที่ไหน แต่หนังเรื่องนี้ยังติด 1 ใน 15 หนังสารคดีที่จะเข้าชิงรางวัลออสก้าร์ในปีหน้าอีกด้วย แถมยังเข้าชิงรางวัลสิงโตทองคำ (Golden Lion – รางวัลสูงสุดที่มอบให้ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส) และอีกหลายสาขารางวัล
Ex Libris – The New York Public Library เป็นหนังเรื่องที่ 42 ของผู้กำกับเฟรเดอริก ไวส์แมน (Frederick Wiseman) ซึ่งเรียกได้ว่าเขาเป็นเจ้าพ่อกำกับหนังสารคดีเลยก็ว่าได้ เพราะหนังของเขาทั้งหมดล้วนเป็นหนังสารคดีทั้งสิ้น แถมเขายังเป็นคุณปู่นักทำหนังสารคดีด้วยอายุที่มากถึง 87 ปี
หนังสารคดีเรื่องนี้นำเสนอเกี่ยวกับวัฒนธรรมของห้องสมุดสาธารณะในนิวยอร์กกับการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่ยังคงรักษาเสน่ห์ดั้งเดิมของสังคมการอ่านเอาไว้ได้อย่างน่าทึ่ง และด้วยชื่อเสียงของผู้กำกับที่ถ่ายทอดภาพห้องสมุดขนาดใหญ่ผ่านวิสัยทัศน์และมุมที่แสนธรรมดา แต่งดงามก็การันตีได้ถึงความดีงามของหนังเรื่องนี้ โดยมีเสียงวิจารณ์ต่างส่งต่อมาว่า ‘การติดตามห้องสมุดนิวยอร์กใน Ex Libris เป็นอีกหนึ่งงานสำรวจสุดคลาสสิก ที่พาเราไปใกล้ชิดกับผู้คนหลากหลายในสังคมห้องสมุด พร้อมซึมซับวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ที่เปิดกว้างสำหรับชาวเมืองนิวยอร์กมาเป็นเวลากว่าร้อยปีอย่างแน่นอน’
หนังสารคดีอีกเรื่องที่ติดอันดับ The Best Movies of 2017 เพียงแต่ Faces Places มีรางวัลภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมประจำปี 2017 มาการันตีความดีงาม สิ่งที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือได้ 2 ศิลปินต่างวัยมาทำหน้าที่กำกับ คนแรกคือผู้กำกับหญิงคนแรกที่คว้าออสการ์เกียรติยศ “อานเญส วาร์ดา” (Agnès Varda) ขณะที่อีกคนคือศิลปินสายสรีทอาร์ต “เจอาร์” (JR)
อานเญส สื่อผ่านความคิดของเธอผ่านการถ่ายภาพ ขณะที่เจอาร์ สื่อผ่านงานศิลปะที่จัดแสดงกลางแจ้ง โดยมี “ภาพ” ทำหน้าที่เชื่อมทั้งสองเข้าด้วยกันจนกลายเป็นหนังสารคดีชวนอิ่มใจเรื่องนี้ เนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวคู่หูนักเดินทางต่างเพศ ต่างวัย และต่างแนว 2 คนร่วมเดินทางไปตามเมืองชนบทของฝรั่งเศส เพื่อพบปะกับคนจำนวนมาก รับฟังเรื่องราวและเรื่องเล่าของพวกเขา ก่อนที่จะมาถ่ายทอดในรูปแบบหนังสารดคี ด้วยภาพพอร์เทรทขนาดใหญ่ของคนเหล่านั้น
วาร์ดาพูดถึงคอนเซ็ปท์ของหนังเรื่องนี้ไว้ว่า “เราพยายามที่จะแจ่มใส โลกใบนี้มันช่างสับสนวุ่นวาย เราตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงความอลหม่านดังกล่าวไปมากกว่านี้ …บางทีเราก็ร่าเริง บางครั้งเราชอบที่จะยิ้มแย้ม บางคราว เราก็รักผู้คนทั้งหลายเหลือเกิน และเราก็อยากให้พวกคุณรักพวกเขาเช่นเดียวกัน”
หนังเรื่องนี้มีรางวัลออสก้าร์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมเป็นเดิมพัน แถมยังได้ผู้กำกับ “ฌอน เบเกอร์” (Sean Baker) ที่โด่งดังด้วยการใช้ iPhone 5s ในการถ่ายทำในเรื่อง Tangrine (2015) ทำหน้าที่ทั้งกำกับ อำนวยการสร้าง เขียนบท ถ่าย และตัดต่อด้วยตัวเองทั้งหมด
The Florida Project เป็นหนังดราม่าเรียกน้ำตา แต่นำเสนอผ่านภาพสีสดใสตามแบบสไตล์ฌอน เบเกอร์ แต่ความแตกต่างของภาพกับเรื่องราวทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับคำวิจารย์จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ว่า “ยอดเยี่ยม” เนื้อเรื่องนำเสนอความใสสื่อแสนซนของเด็กๆ กับความสุขในการผจญภัยในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นความสุขที่ตรงข้ามกับมุมของผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากและปัญหามากมาย พร้อมกับการหาทางออกให้ชีวิต โดยยังคงรักษาความสุขของลูกๆ เอาไว้ได้
อันดับสุดท้ายเป็นหนังสยองขวัญและหลอนประสาท แม้จะหลอนแค่ไหน Get Out กลับเป็นหนังที่ทำรายได้อันดับ 1 ในอเมริกา ซึ่งคาดว่ากวาดรายได้ไปมากกว่า 148 ล้านเหรียญ ขณะที่ทุนสร้างเพียง 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น เป็นหนังที่ทำกำไรได้มากที่สุดประจำปี 2017 เลยก็ว่าได้ ด้วยรายได้ขนาดนี้จึงการันตีความนิยมและความสนุกได้เป็นอย่างดี แถมยังเป็นหนังที่ได้รับคะแนนเสียงวิจารณ์สูงที่สุดประจำปี 2017 มากถึง 99% จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes อีกด้วย
Get Out เป็นผลงานกำกับของ “จอร์แดน พีล” (Jordan Peele) ผู้กำกับที่ถูกจับตามองคนหนึ่ง โดยล่าสุดเขายังถูกทาบทามให้คุมโปรเจกต์ Akira ฉบับรีเมกอีกด้วย หนังเกี่ยวกับหนุ่มอเมริกันผิวสีที่ไปเยี่ยมบ้านพ่อแม่ของแฟนสาวผิวขาว แต่แล้วการเดินทางครั้งนี้ทำให้เขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์แปลกประหลาด พร้อมกับเหตุผลอันน่าขนลุก ซึ่งนี่คือที่มาของความสยองขวัญ
พีลเล่าถึงไอเดียของหนังเรื่องนี้ว่า “ผมมีไอเดียอะไรบางอย่างตอนที่ บารัค โอบามา ได้รับเลือกตั้ง พร้อมกับความเชื่อที่ว่า เราคงไม่ต้องมานั่งพูดกันเรื่องการเหยียดผิวอีกต่อไปแล้ว เพราะนี่ไง เราเพิ่งแก้ปัญหาได้ด้วยการเลือกประธานาธิบดีผิวสีขึ้นมา เรากำลังอาศัยอยู่ในเมืองที่มีนโยบายว่าด้วยการเหยียดผิว เราทิ้งยุคสมัยที่ผู้คนทำเป็นว่าการเหยียดผิวไม่มีอยู่จริงไปแล้ว”
อ้างอิงข้อมูลและภาพจาก:
• https://www.nytimes.com/2017/12/06/movies/best-movies.html
• https://www.facebook.com/DekRakNang18/posts/1361564363892244:0
•https://movie.mthai.com/bioscope/218718.html
• https://konmongnangetc.com/2017/11/14/agnes-varda/
• http://www.kradaslang.com/the-florida-project/
• https://movie.mthai.com/bioscope/210770.html
• http://www.imdb.com
SEE MORE…
http://www.favforward.com/41076/tech-gadget/game/game-of-the-year-2017/
http://www.favforward.com/41223/trend/entertainment/best-songs-2017/