บันทึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับมนุษย์ที่มีแมวเป็นสัตว์เลี้ยงนั้น ถูกค้นพบเมื่อปี 1983 ที่เกาะไซปรัส ที่อยู่ทางตอนใต้ของตุรกี โดยนักโบราณคดีได้ค้นพบ ซากกระดูกขากรรไกรของแมวบนเกาะ ที่มีอายุมากกว่า 8000 ปี ซึ่งนั่นสามารถอธิบายได้ว่า มนุษย์ได้นำแมวมาด้วย เพื่ออยู่อาศัยบนเกาะ
จากนั้นต่อมาในปี 2004 ในย่านที่อยู่อาศัยเก่าแก่บนเกาะไซปรัส นักโบราณคดีได้ค้นพบหลุมศพที่ได้มีการฝังแมวลงไปพร้อมกับศพของมนุษย์ ซึ่งเมื่อได้ตรวจสอบแล้ว จึงได้พบว่าโครงกระดูกแมวตัวนี้ เก่ามากกว่าที่เคยค้นพบเมื่อครั้งก่อนอีกถึง 1500 ปี ก่อนที่จะมาใช้วิทยาการทางวิทยาศาสตร์ตรวจเช็คข้อมูลทางพันธุกรรมย้อนหลัง และทำให้พบว่าแท้ที่จริงแล้ว แมวนั้นได้เป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์มากแล้วมากกว่า 12000 ปี
แต่ถึงแม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์มานานเป็นหมื่นปีอย่างที่ได้มีการค้นพบมาแล้วนั้น แต่คนที่เลี้ยงแมวทุกคนต่างก็รู้ดีว่า พวกเขาไม่ใช่ เจ้านาย หรือ เจ้าของ ของเจ้าแมวเหล่านั้น นั่นก็เพราะว่าแมวแต่ละตัว ต่างมีลักษณะนิสัยเฉพาะตัวของมัน และล้วนต่างใช้ชีวิตอย่างเอกเทศตามความต้องการของมัน โดยที่มนุษย์ไม่สามารถมาบังคับ หรือฝึกสอนอะไรมันได้ทั้งนั้น จนถึงขั้นมีงานวิจัยออกมายืนยันว่า “แมวนั้นเข้าใจเรา แต่เลือกที่จะไม่สนใจเรา” ให้ทาสแมวอย่างเราๆทำใจเล่น ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้บรรดาคนรักแมว หรือ บรรดาทาสแมวทั้งหลาย จะเลิกรักแมวเสียเมื่อไหร่กัน
บุคคลิกที่แตกต่าง ผสมผสานเข้ากับบุคคลิกที่ทรนง ที่สวนทางกับท่าทางออดอ้อนที่เมื่อได้เจอแล้วต้องใจอ่อน คือเสน่ห์ที่น่าหลงไหลของ “แมว” และนั่นคงเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้นครอิสตันบูล เมืองหลวงของประเทศตุรกี กลายเป็น “เมืองแมว” ที่เต็มไปด้วยทาสแมวก็เป็นได้
Kedi เป็นภาษาตุรกีที่แปลว่า แมว และถูกนำมาใช้เป็นชื่อของสารคดีเกี่ยวกับแมวในเมืองอิสตันบูล ที่กำกับโดย Ceyda Torun ที่เล่าเรื่องราวความผูกพันระหว่างคนกับแมว ผ่านชีวิตประจำวันของแมวหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น Sari แมวรักลูก , Bengu แมวนักรัก , Psikopat แมวเถื่อน หรือ Aslan นักล่าหนู ทุกตัวล้วนถูกถ่ายทอดในมุมมองน่ารักๆ ที่ทำให้คนเข้าใจแมว และหลงรักในตัวตนของมัน บวกกับเรื่องเล่าของคนรักแมว ที่ห่วงใยบรรดาเพื่อนตัวน้อยเหล่านี้ และคอยดูแลเอาใจใส่พวกมัน
Kedi เป็นหนังสารคดีแมวที่มีความยาว 1 ชั่วโมง 19 นาที ที่ทำให้ดูได้อย่างสบายๆ ไม่มีประเด็นอะไรให้เครียด และไม่มีพิษมีภัย อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงน้ำใจของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนและสัตว์ รวมไปถึงความกังวลต่อการขยายของเมืองและการเพิ่มขึ้นของตึกสูง ที่ทำให้พื้นที่อยู่อาศัยของแมวและมนุษย์น้อยลง จนทำให้เกิดคำถามว่า เมื่อเมืองเจริญมากขึ้น ทำให้แมวไม่มีที่อยู่ และคนต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น แล้วสิ่งเหล่านี้จะสามารถทดแทนความสุขเดิมๆ ที่เคยได้จากแมวเหล่านี้ได้ไหม เพราะรอยยิ้มจากความสุขเหล่านี้ คือความสุขที่เกิดขึ้นด้วยใจ ไม่ใช่ความสุขที่ได้มาจากความเจริญที่มาจากวัตถุเพียงอย่างเดียว