เป็นหนึ่งในซีรีส์ทางช่อง Netflix ที่ได้รับกระแสความนิยมอันล้นหลามสำหรับ “13 Reasons Why” หรือชื่อไทยที่ว่า “13 บันทึกลับหัวใจสลาย” ซีรีส์แนว Drama/Thriller ที่สร้างจากนิยายวัยรุ่นขายดีของ Jay Asher ออกฉายทางช่อง Netflix เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา
“13 Reasons Why” เริ่มต้นที่ “เคลย์ เจนเซน” ได้รับกล่องพัสดุปริศนาที่จ่าหน้าด้วยชื่อของตนเอง ภายในนั้นประกอบไปด้วยเทปคาสเซ็ทที่บรรจุถ้อยคำบันทึกเสียง 13 เหตุผลที่ต้องจบชีวิตลงของ “ฮันนาห์ เบเกอร์” อดีตแฟนสาวของเขา โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อภายในบันทึกได้เอ่ยถึงชื่อของบุคคลใด คนก่อนหน้าจะต้องส่งต่อเทปเหล่านี้ไปให้บุคคลนั้นได้รับรู้และทำตามที่เทปบอก มิเช่นนั้นแล้วความลับต่างๆและสาเหตุการตายของเธอจะถูกเปิดเผยให้ผู้คนทั้งโลกได้รู้
และวันนี้เรามี 13 เหตุผลที่วัยรุ่นทุกคนต้องไม่พลาดซีรีส์เรื่องนี้มาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลยครับ
“13 Reasons Why” สร้างจากนิยายประเภท Young Adult ขายดีชื่อดังของ Jay Asher บอกเล่าเรื่องราว 13 เหตุผลที่ทำให้ ฮันนาห์ เบเกอร์ ตัดสินใจจบชีวิตตนเองลง นิยายเรื่องนี้ได้ถูกสำนักพิมพ์ Classact Publishing ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลเป็นภาษาไทยในชื่อว่า 13 บันทึกลับหัวใจสลาย
“Netflix” คือยักษ์ใหญ่ของแวดวงสตรีมมิ่งในสหรัฐอเมริกาที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2007 ผลงานดังๆที่ผ่านมาของช่องนี้ก็เช่น iZombie , The Crown , House of Cards , Daredevil , Lilyhammer เป็นต้น
และการที่ Netflix ได้ขยายสาขาการให้บริการในอีก 130 ประเทศทั่วโลกในปีที่แล้ว ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีซับไทยมาให้แฟนๆชาวไทยได้รับชมกันภายในตัว โดยค่าบริการจะแบ่งออกเป็น 280 บาท สามารถรับชมที่ความคมชัดระดับ SD , 350 บาท สามารถรับชมที่ความคมชัดระดับ HD และ 420 บาท สามารถรับชมที่ความคมชัดระดับ UHD (ทั้งหมดนี้สามารถทดลองชมฟรีได้ในเดือนแรก)
ถึงแม้ซีรีส์เรื่องนี้จะเริ่มฉายเมื่อ 31 มีนาคมที่ผ่านมาแต่ก็ได้ปล่อยคอนเท้นท์ออกมาทั้งหมด 13 ตอนให้รับชมกันจนจบได้ภายในรวดเดียว ทำให้ไม่ต้องรอคอยตอนต่อไปกันข้ามอาทิตย์
แต่เดิมซีรีส์เรื่องนี้เกือบจะสร้างเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์โดยได้วางตัว “Selena Gomez” นักร้องสาวทีนไอดอลชื่อดังของสหรัฐฯนำแสดง แต่เมื่อเวลาผ่านไปจึงได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาของบทให้เป็นเวอร์ชั่นซีรีส์เพื่อฉายทางช่อง Netflix ซึ่ง Selena Gomez ก็ได้ใช้ประสบการณ์งานแสดงที่ผ่านมาของเธอในการมาเป็น Executive Producer ให้กับซีรีส์เรื่องนี้อีกด้วย
ความดราม่าและบีบคั้นอารมณ์ใน 13 Reasons Why ทั้งหมดนั้นเป็นผลพวงจากการได้ “Tom McCarthy” ที่เคยฝากฝีไม้ลายมือเอาไว้ในภาพยนตร์ตีแผ่วงการศาสนาดีกรีออสการ์ปี 2016 อย่าง “Spotlight” มาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน
การได้ “Dylan Minnette” นักแสดงทีนไอดอลชื่อดังมารับบท Clay Jensen หรือ “Katherine Langford” มารับบท Hannah สาวสวยสุดฮอตที่ต้องจบชีวิตตนเองลงเพราะ 13 เหตุผลนั้น ล้วนเป็นการแคสติ้งที่ผู้คนต่างให้ความเห็นว่าตรงตามคาแรคเตอร์ในหนังสือแบบสุดๆ
นอกจากกระแสจะดีแล้ว คะแนนในเว็บไซต์ IMDb ยังอยู่ในระดับดีมากคือ 9.0 เต็ม 10 เลยทีเดียว
ถึงแม้จะเป็นซีรีส์จากฝั่งอเมริกาแต่ 13 Reasons Why ก็ได้สะท้อนถึงสภาพสังคมของวัยรุ่นในปัจจุบัน ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนทุกคนก็ต้องเคยเจอเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น การแบ่งชนชั้นในโรงเรียน การชิงดีชิงเด่นเพื่อต้องการให้คนอื่นยอมรับ การดูถูกและคอยกลั่นแกล้งคนที่แตกต่าง เป็นต้น
ภายใน 13 Reasons Why ผู้ชมจะได้เห็นเด็กป๊อปในโรงเรียนเป็นลูกครึ่งเอเชียหรือแม้กระทั่งลาตินอเมริกา ซึ่งแสดงออกถึงความเท่าเทียมมากกว่าซีรีส์อื่นๆที่มักจะให้บทเด่นๆแก่ชาวอเมริกันเพียงเท่านั้น
ซีรีส์หลายเรื่องเลือกที่จะตีแผ่ชีวิตของวัยรุ่นแต่ไม่ได้ลงลึกเท่าที่ควร แต่ภายในซีรีส์เรื่องนี้จะเจาะลึกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นของวัยรุ่นตั้งแต่การถูกกลั่นแกล้ง การเมินเฉย การสร้างปมให้กับเด็ก รวมไปถึงการกดดันและการหาทางออกที่ตามมา
หนึ่งในข้อคิดหลักของเรื่องนี้คือการที่ไม่ควรตัดสินใครจากสิ่งที่เห็นเพียงด้านเดียว หลายๆครั้งที่เรามองว่ามันเป็นเรื่องที่โง่เขลาแต่ที่จริงแล้วมันอาจจะเป็นทางออกเดียวที่ดีที่สุดสำหรับเขาคนนั้นก็เป็นได้
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้สมบูรณ์แบบคือบรรดาเพลงประกอบที่เข้ากับอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี อาทิ Kill Em With Kindness (Acoustic Version) , Only You , Bored และ Love Will Tear Us Apart เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก:
เรื่องโดย: Nomad609
ภาพประกอบ: Netflix