คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คนไทยเรานิยมที่จะออกกำลังกายกันมากขึ้น และเทรนด์การรักษาสุขภาพ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ใครหลายคนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการวิ่ง ที่มีนักร้องคนดังมาวิ่งนำเพื่อหาเงินบริจาคเพื่อการกุศล หรือการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ๆ ที่ยิมและฟิตเนสต่างๆพอกันสรรหามาเพิ่ม เพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่ๆ รวมไปถึงการรับประทานอาหารคลีนซึ่งก็ได้กลายเป็นกระแสนิยมไม่แพ้กัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ผู้คนพากันหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น แต่บางครั้งก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ว่าเรากำลังแบ่งแยกระหว่างคนที่ใส่ใจสุขภาพ กับคนที่มีความสุขในเรื่องของการกินหรือเปล่า
โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง เป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ของค่ายหนัง TMoment ที่เป็นการร่วมมือกับระหว่าง ไท เอ็นเตอร์เทนเมนท์ กับ Mono Technology หลังจากที่ ไท เอ็นเตอร์เทนเมนท์ได้แยกตัวออกมาจาก GTH เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ คือภาพยนตร์เรื่องแรก ที่เป็นภาพยนตร์คอเมดี้ ที่ไม่ได้เน้นในส่วนของความโรแมนติกซักเท่าไหร่นัก ด้วยการหยิบเอาประเด็นของตำรวจ 4 คน ได้แก่ จ่าหยอย (ปราโมทย์ ปาทาน) , จ่าแคน (ศรัณย์ ชินสุวพลา) , จ่าโอ (ศุภชัย ทรัพย์ประเสิร์ฐ) และจ่าปลื้ม (สมยศ มาตุเรศ) ที่ทั้งหมดนี้มีหุ่นที่อ้วนเกินกว่าที่ผู้กำกับสน.จะยอมรับไหว จึงได้มอบหมายหน้าที่ให้ผู้กองเจตน์ (ศุภวิชญ์ มีเปรมวัฒนา) ให้คอยดูแลลูกน้องใต้บังคับบัญชาให้มีน้ำหนักตัวที่น้องลง ผู้กองจึงให้ มีน (ณัฐจารี หรเวชกุล) เทรนเนอร์สาวมาคอยดูแลคอร์สลดน้ำหนักให้ตำรวจหนุ่มทั้ง 4 คน ซึ่งระหว่างนั้นตำรวจกลุ่มนี้ ก็ต้องพิสูจน์ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาและประชาชนได้เห็น ว่าพวกเขาเป็นตำรวจที่มีศักยภาพ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหุ่นที่ผอมเพรียวก็ตาม
ภาพยนตร์ตลกโอเวอร์ไซส์ ทลายพุงที่ใช้มุขและจังหวะตลกแตกต่างจากหนังไทยที่เราคุ้นเคย แม้ว่าจะเป็นหนังที่ไม่ได้คาดหวังมาก แต่ก็สามารถสร้างเสียงตลกได้มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะบทบาทของจ่าหยอย ที่รับบทโดย ปราโมทย์ ปาทาน ศิลปินอารมณ์ดี ที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ก็สามารถสร้างสีสันให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงพวกมุมกล้องต่างๆ ที่ถูกใส่เข้ามาให้เกิดความแตกต่างบ้าง ก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถดูได้เพลินๆอย่างไม่คิดอะไร
โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง เป็นภาพยนตร์ที่เน้นความเป็นคอมเมดี้ และไม่ได้ใส่รายละเอียดลงไปในฉากแอ็คชั่นหรือพล็อตเรื่องมากนัก แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างน่าพอใจ สำหรับผลงานชิ้นแรกของสองผู้กำกับใหม่อย่าง ภูวนิตย์ ผลดี และ ชานนท์ ยิ่งยง อีกทั้งยังเป็นผลงานเรื่องแรกของค่าย TMoment ที่พยายามจะฉีกภาพจำของภาพยนตร์ของค่าย GTH ที่ส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์โรแมนติก ให้เป็นภาพยนตร์ที่หยิบจับประเด็นที่แตกต่างออกไป ถือว่าเป็นเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่น่าจับตามอง ของค่ายหนังค่ายนี้
เครดิต : T Moment