MOVIE SHADES : MOONLIGHT อนาคตในความมืดมิด

WHY : MOONLIGHT บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของการเติบโตมาในสังคมของคนผิวดำที่ย่ำแย่ สะท้อนให้เห็นว่า ทำไม คนผิวดำจึงเติบโตขึ้นมาท่ามกลางปัญหา และต้องดิ้นรนที่จะมีชีวิตรอด ยิ่งไปกว่านั้น การเป็นเพศที่สาม ที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ … มันไม่ใช่เรื่องง่าย

 

ในปี 1985 บริษัทผลิตรองเท้ากีฬา Nike ได้ทำรองเท้าบาสเก็ตบอลหุ้มข้อสีดำแดงที่เป็นสีเอกลักษณ์ของทีม Chicago Bulls ออกมาขาย โดยมีโลโก้เป็นรูปนักบาสกำลังกระโดดฉีกขา แล้วเรียกชื่อแบรนด์ของรองเท้าคู่นี้ว่า Air Jordan ตามชื่อของ Michael Jordan ชู้ตติ้งการ์ดดาวรุ่งของทีม Chicago Bulls พรีเซนเตอร์ของรองเท้าคู่นี้ โดยรองเท้า Air Jordan รุ่นที่ 1 นี้ ได้ฉีกขนบและกฎระเบียบของรองเท้าบาสที่เคยมีมาโดยสิ้นเชิง เนื่องจากว่ารองเท้าบาสในสมัยนั้น ควรต้องมีสีขาวเรียบๆ ไม่ใช่สีแดง-ดำแบบนี้ จึงทำให้ทาง NBA ต้องปรับ Michael Jordan เป็นเงิน 5000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ทุกครั้งที่เขาใส่ลงเล่นในสนาม จนทำให้รองเท้าระดับตำนานคู่นี้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่ารุ่น “banned”

ด้วยความที่ Michael Jordan คือไอคอนของคนผิวดำ ที่มีความสามารถทางด้านกีฬา และสามารถไต่เต้าขึ้นไปจนมีชื่อเสียงและเงินทองมากมายได้ ทำให้รองเท้า Air Jordan 1 รุ่น Banned เปรียบเหมือนสร้อยทองเส้นโต เหมือนของมีค่าของคนดำ เพราะการที่จะมีรองเท้ารุ่นนี้สักคู่นั้น นอกจากจะต้องมีเงินพอที่จะซื้อแล้ว ยังต้องมีความกล้าและความเก๋ามากพอตัวที่จะใส่เดินไปเดินมาในย่านเสื่อมโทรมของคนผิวดำ โดยที่ไม่กลัวถูกฆ่าทิ้งเพื่อขโมยรองเท้า และนั่นคงจะเป็นความฝันอันสูงสุดของวัยรุ่นคนดำที่ฝันแค่ได้มีรองเท้ารุ่นนักกีฬาคนโปรดไว้ใส่ และอยากจะรวยให้ได้อย่าง ไมเคิล จอร์แดน โดยไม่สนใจว่าจะไปสู่จุดนั้นได้อย่างไร

คุณภาพชีวิตของคนผิวดำเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการศึกษา ยาเสพติด หรืออาชญากรรม ส่งผลให้คนผิวดำที่อาศัยอยู่ในย่าน ghetto (เก็ตโต้) หรือว่าย่านเสื่อมโทรม ไม่เคยคาดหวังที่จะมีชีวิตที่ดี หรือมีอนาคตอะไรมากมาย เพราะ “มันเป็นเรื่องที่ไกลตัว” คิดแต่เพียงว่า ขอให้รวย(อย่างผิดกฎหมาย) และมีช่วงชีวิตที่ดีในระยะเวลาสั้นๆ ก็เพียงพอแล้ว เช่นเดียวกันกับ Chiron (ไชโรน) เด็กผิวดำที่มีแม่ติดโคเคน และเติบโตมาในย่านเสื่อมโทรมแห่งหนึ่งในไมอามี่ ที่ไม่เคยแม้แต่คิดหวัง ว่าชีวิตนี้จะได้มีอะไรดีๆ รออยู่ในอนาคต

Chiron (ไชโรน) รับบทโดยนักแสดง 3 คนโดยแบ่งเป็น 3 ช่วงอายุ โดยมี Alex R. Hibbert รับบทช่วงวัยเด็ก Ashton Sanders (Straight Outta Compton) รับบทช่วงวัยรุ่น และ Trevante Rhodes (The Night is Young , Lady Luck) รับบทไซโรนตอนโต โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้บอกเล่าเรื่องราว 3 ช่วงเวลาชีวิตของไซเรน ที่ต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรม และถูกรุมรังแก เพียงเพราะตัวที่เล็กและรสนิยมทางเพศของเขา ทำให้ในชีวิตวัยเด็กของเขา นอกจากแม่ที่ติดยาจนไม่สามารถพึ่งพาอะไรได้แล้ว เขามีแต่ Juan (Mahershala Ali) ที่เป็นคนค้ายา ที่เปรียบเสมือนคนคอยดูแลและให้ที่พำนักพักพิงให้กับเขาในบางครั้ง และเพื่อนเพียงคนเดียวของเขาที่ชื่อว่า Kevin (Jaden Piner , Jharrel Jerome , Andre Holland) ที่รู้และเข้าใจในตัวตนที่แท้จริงของเขา ราวกับว่าได้เห็นสีผิวและตัวตนจริงๆ ที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์

MOONLIGHT ภาพยนตร์เรื่องยาว ลำดับที่ 2 ของ Barry Jenkins (Medicine for Melancholy) ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของการเติบโตมาในสังคมของคนผิวดำที่ย่ำแย่ ซึ่งถ่ายทอดออกมาได้ดี และทำให้เห็นถึงความไร้อนาคตของกลุ่มคนและชนชั้นนี้ ตัวภาพยนตร์สะท้อนถึงปัญหาชีวิต และการดิ้นรนที่จะต้องมีชีวิตรอดและเติบโตขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การเป็นเพศที่ 3 ที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ “ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย” โดยทั้งหมดนี้ได้แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 3 พาร์ทใหญ่ๆ ตามช่วงวัยของตัวละคร แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางความคิดและความรู้สึกจนไปสู่จุดเปลี่ยนของตัวละครได้ดี

ในสภาวะที่ต้องเอาตัวรอดตลอดเวลา การที่ต้องใช้ชีวิตแบบนั้นทุกวัน ไม่ได้หมายความว่า ต้องทำตัวแข็งแกร่ง หรือมีเพียงแค่คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถเอาตัวรอดได้เสมอไป เพราะในสังคมใดสังคมหนึ่งนั้น ย่อมมีคนที่อ่อนแอและอ่อนโยนอยู่ร่วมเช่นกัน และเรื่องราวของคนอ่อนแอที่ต้องพยายามอย่างมากเพื่อที่จะเอาตัวรอดให้ได้ กลายเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของสังคม และความยากลำบากของมนุษย์คนหนึ่ง ที่ไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะเกิดและเติบโตในสภาพแวดล้อมใดๆ หรือมีรสนิยมทางเพศแบบนี้ แต่กลับต้องพบกับอุปสรรคในชีวิตซ้ำๆ เพียงเพื่อแค่มีชีวิตที่ธรรมดา จนสุดท้าย อาจกลายเป็นว่ากระแสคลื่นชีวิตที่บีบบังคับตัวตนของเขา ได้พัดพาเขาไปไกล จนต้องกลบเกลื่อนความเป็นตัวของตัวเอง

ความหมายของการได้เกิดมาในโลกใบนี้ อาจไม่มีสำหรับใครบางคน แม้ว่าจะคาดหวังแค่เพียงการได้มีความสุขอันเล็กน้อยกับคนที่เรารักก็ตาม ไม่ต่างอะไรกับ Michael Jordan หรือรองเท้า Air Jordan 1 ของเค้า ที่เริ่มต้นมาจากการพยายามที่จะหลุดพ้นจากสถานะอันธรรมดาของเขา เพื่อให้ได้พบกับความสุขของชีวิต และแม้ว่าใครจะปรามาสเราว่าเป็นรุ่น banned หรือรุ่นที่กรอบกติกาไม่ต้องการ แต่ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิต และได้มีความสุขที่จะเฉิดฉาย ภายใต้แสงจันทร์

เพราะชีวิตคือการค้นพบ และการได้มีความสุขกับตัวตนที่แท้จริง

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.