เวลาดูหนังบางเรื่องทีไรก็อดคิดไม่ได้ว่า ตัวเอกหรือสัตว์ประหลาดของเรื่องเก่งกาจขนาดนี้ ถ้ามาเจออีกตัวละครที่เก่งพอๆ กันจะเจ๋งเท่าในหนังของตัวเองรึเปล่า ใครจะอยู่ใครจะไป งานนี้มีคำตอบให้ใน 7 หนังที่นำตัวเอกข้ามเรื่องมาแลกหมัดกันดุเดือดทะลุจอ
แน่นอนว่าหลายคนเฝ้ารอให้มีหนังที่ปะทะกันดุเดือดเลือดพล่าน เหมือนกับการนั่งเชียร์บอล ที่คุณอาจจะอยู่ฝั่งเดียวกันหรือฝั่งตรงข้ามในการนั่งเชียร์และนั้นคือความมันที่เกิดขึ้น ตลอดปี 2016 เราได้เห็นการข้ามเรื่องต่อสู้ของหนังบางเรื่องมาเป็นน้ำจิ้ม บางคนสมหวังบางคนผิดหวัง แต่นั้นแหละคือเกมที่แสดงให้เห็นว่าใครแกร่งกว่าคือผู้อยู่รอด
จากการเปิดตัว Teaser หนังเรื่องล่าสุด Skull Island การกลับมาของคิงคองยักษ์ที่ตัวใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยสร้างมา ในตัวอย่างอาจไม่ได้ดูน่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับการแอบปูทางเล็กๆ ไว้ว่าจะมาแน่นอนสำหรับการปะทะกันครั้งดุเดือดของอภิมหาสัตว์ประหลาดยักษ์ คิงคอง และ ก็อดซิลล่า คาดว่าจะมาปี 2020 Skull Island นำเรื่องราวของ King Kong เวอร์ชั่นต้นฉบับมาบอกเล่าใหม่ โดยเนื้อเรื่องของหนังจะเกิดขึ้นในยุค 70 มีตัวละครที่นำแสดงโดย Tom Hiddleston รับบทเป็นผู้กองเจมส์ คอนราด อดีตเจ้าหน้าที่ SAS (หน่วยรบพิเศษทางอากาศแห่งกองทัพอังกฤษ) และหัวหน้าทีมสำรวจนำคนกลุ่มหนึ่งออกเดินทางสู่เกาะหัวกะโหลกอันลึกลับด้วยจุดประสงค์ส่วนตัวของใครบางคน
Alien vs. Predator (2004) เอเลียน ปะทะ พรีเดเตอร์
แค่มาตัวเดียวก็แย่แล้ว มาทำไมตั้งสองตัว ภาพน้ำลายยืดสยดสยองและการหลงใหลการไล่ล่าอย่างดุดัน พาให้เอเลี่ยนและพรีเดเตอร์โคจรมาเจอกัน ในเรื่อง Alien vs. Predator จริงๆ ชื่อเดิมของเอเลี่ยนนั้นคือ ” Xenomorph(ซีโนมอร์ฟ) ” แต่ที่ใช้คำว่า “Alien” เป็นคำกลางๆใช้เรียกสิ่งมีชีวิตต่างดาวทั้งหมด “Predator” ก็เป็นเอเลี่ยนชนิดหนึ่งเช่นกัน แต่เผอิญคำนี้ถูกนำมาใช้เรียกเอเลี่ยนพันธุ์ “ซีโนมอร์ฟ” ผ่านทางภาพยนตร์จนโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อพูดถึงเอเลี่ยนเราจึงมักเข้าใจว่าคำนี้เป็นชื่อเฉพาะของซีโนมอร์ฟไปโดยปริยาย รูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟนี้มีเค้าโครงกึ่งเครื่องจักรกึ่งสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะลักษณะผิวหนังที่ดูคล้ายเป็นท่อปล้องของเครื่องยนต์ ส่วนพรีเดเตอร์ หรือ ย้วดจา (Yautja) นี่น่าสนใจตรงทรงผมคล้ายๆ เดดร็อคนี่แหละ มันเป็นเผ่าพันธุ์ต่างดาวที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง โดยจะชื่นชอบการล่าเป็นชีวิตจิตใจ ในแต่ละวัน พวกมันจะเดินทางไปยังดวงดาวแต่ละดวง เพื่อแสวงหาคู่ต่อสู้ที่คู่ควร
การผจญภัยที่น่าสะพรึงกลัวเริ่มต้นขึ้น Alien vs. Predator เมื่อนักธุรกิจพันล้าน ชาร์ลส บิชอบ เวย์แลนด์ (แลนซ์ เฮนริคสัน) รวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญ ในหลายสาขาจากนานาประเทศ ทั้งนักโบราณคดี นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ซึ่งนำทีมโดย อเล็กซา เล็กซ์ วู้ดส์ (ซานา เลแธน) ผู้เชี่ยวชาญปัญหาสิ่งแวดล้อมและนักผจญภัย เพื่อสำรวจตรวจสอบ “กระแสความร้อน” ที่ผุดกระจายขึ้นมาจากห้วงลึกของทวีปแอนตาร์คติก สิ่งที่พวกเขาได้ประจักษ์ต่อสายตา ในความลึก 2,000 ฟุตใต้ผิวน้ำแข็ง สร้างความตื่นเต้นให้ในตอนแรก แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว พวกเขาได้ค้นพบพีรามิด ซึ่งเป็นการผสมกันของวัฒนธรรมแอซเทค, อียิปต์ และกัมพูชา ภายในพีรามิด พวกเขาได้พบกับบรรดาห้องที่ถูกสร้างเรียงเป็นแถว โดยใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากจนเห็นได้ชัดว่า อิทธิพลจากต่างดาว ได้เข้ามามีบทบาทมานานนับพันๆ ปีแล้ว ผนังของห้องเปลี่ยนโครงร่างได้โดยไม่มีใครคาดฝัน ทำให้ลูกทีมต้องติดอยู่ภายใน และทำให้พวกเขาถูกตัดขาดจากการติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน ในขณะที่กำลังเคลื่อนที่จากห้องหนึ่งไปสู่อีกห้องหนึ่ง ความจริงก็เผยตัวเองออกมา เอเลียน ปะทะ พรีเดเตอร์ อสุรกายนักล่าจากต่างดาว มีชีวิตอยู่ด้วยการเฝ้ารอการวางไข่ทุกๆ 100 ปีของ ราชินีเอเลี่ยน โดยบรรดานักรบผู้ล่าต่างดาวรุ่นใหม่ จะได้รับการทดสอบโดยการต่อสู้กับตัวอ่อนของเอเลี่ยน …ทีมงานจึงต้องล้มลุกคลุกคลาน อยู่ท่ามกลางพิธีกรรมของเรื่องราวที่เหลือเชื่อ และสงครามระหว่างเอเลี่ยนและพรีเดเตอร์นักล่าต่างดาว
Batman v Superman: Dawn of Justice (2016)
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หลังจากได้เห็นเทรลเลอร์หนังก็เฝ้าจับตารอคอย มีบางคนที่ชอบแบทแมนในขณะที่ไม่ชอบซูเปอร์แมน เมื่อพระเอกตลอดกาลในหนังของตัวเองต้องมาฟาดฟันกัน จุดเริ่มต้นของความเกลียดชังนั้นคงเป็นเพราะต่างมีอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน สำหรับมุมมองของซูเปอร์แมนนั้น จะไม่ชอบการกระทำที่ดูเป็นศาลเตี้ยใช้แต่กำลัง และใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ขณะที่ฝ่ายแบทแมนเองก็เกลียดซูเปอร์แมน จากความหวาดระแวงในพลังอำนาจมหาศาลที่สามารถทำลายล้างโลกได้ จนเชื่อว่าซูเปอร์แมนเป็นตัวอันตรายที่ต้องจับตา
หากย้อนกลับไปแบทแมนระแวงซูเปอร์แมนเพราะบังเอิญเข้าไปเห็นเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งคาบเกี่ยวมาจากซูเปอร์แมนในภาค Man of Steel โดยอ้างอิงเหตุการณ์ต่อสู้ระหว่างซูเปอร์แมนกับนายพลซ็อต ที่สร้างความเสียหายจนเมืองเมโทรโพลิสพังพินาศ ซึ่งบังเอิญ บรูซ เวย์ หรือ แบทแมน ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นได้เห็นถึงพลังอำนาจของซูเปอร์แมนที่เป็นได้ทั้งคุณและโทษ จนเมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี ซูเปอร์แมน ในนามของ คลาร์ก เคนท์ ได้ทำงานเป็นนักข่าว และต้องการสืบหาตัวตนของ แบทแมน ชายลึกลับที่ตั้งตนเป็นศาลเตี้ยกำจัดวายร้ายนอกกฎหมาย ความบาดหมางระหว่างแบทแมนกับซูเปอร์แมนที่ค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภัยคุกคามเบื้องหลังพวกเขาก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้มวลมนุษยชาติต้องตกอยู่ในอันตรายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
Captain America: Civil War (2016)
คำว่ามิตรแท้นั้นยังมีอยู่จริง แต่เพื่อนคนไหนจะสำคัญกว่าตัดสินได้ยาก ในเรื่อง Captain America: Civil War แม้กัปตันอเมริกาจะอยู่กลุ่มเดียวกับ โทนี่ Iron Man ใน The Avengers แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาเห็นโทนี่เป็นเพื่อนคนสำคัญเลย อย่างว่าเรื่องนี้มันย่อมมีปูมหลัง เพื่อนที่ช่วยเหลือกันมาตั้งแต่วัยเด็กอย่างบัคกี้ บาร์น นั้นก็อาจทำให้สตีฟ โรเจอร์เกิดความลังเลในความคิดของตัวเอง
ซึ่งการเริ่มต้นใน Captain America: Civil War สตีฟ โรเจอร์ส นำทีมอเวนเจอร์สกลุ่มใหม่ออกปฏิบัติการ พยายามปกป้องมนุษยชาติอย่างต่อเนื่อง หลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับเหล่าอเวนเจอร์สได้ทำให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบไปสู่ผู้บริสุทธิ์อื่น ๆ กลุ่มการเมืองได้กดดันให้มีการจัดระบบขอบเขตความรับผิดชอบที่นำโดยคณะกรรมการเพื่อควบคุมและกำกับดูแลพวกเขา สถานภาพใหม่นี้ได้สร้างรอยร้าวให้กับเหล่าอเวนเจอร์ส ส่งผลให้เกิดการแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งนำทีมโดย สตีฟ โรเจอร์ และความต้องการที่จะให้อเวนเจอร์สยังคงปกป้องมนุษยชาติได้อย่างมีอิสรภาพโดยปราศจากการแทรกแซงของรัฐบาล อีกหนึ่งทีมนำโดย โทนี่ สตาร์ค และการตัดสินใจที่น่าประหลาดใจในการสนับสนุนมาตรการในการถูกควบคุมดูแลโดยรัฐบาล
Dream 9 Toriko & One Piece & Dragon Ball Z Super Collaboration Special (2013)
ภาพยนตร์อะนิเมะชุดพิเศษที่ไม่คิดว่าทั้งสามจะโคจรมาพบกันได้ ใน Dream 9 พลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้าจาก Dragon Ball Z เจ้าลูฟี่แขนขายืดรวมถึงกวางน้อยช็อปเปอร์ จาก One Piece และ Toriko ทำงานร่วมกันเป็นพิเศษเพื่อออกอากาศในช่อง Fuji TV ในวันที่ 7 เมษายน 2013 ส่วนที่ถูกสร้างขึ้นในพิธีฉลองการเริ่มต้นของปีที่สามของซีรีส์อะนิเมะ Toriko
เนื้อเรื่องและตัวละครจาก Dragon Ball Z, One Piece และ Toriko จะถูกแยกออกเป็นสองส่วนคือ “Hashire Saikyou Gundan! Toriko to Luffy to Goku!” (วิ่งไปเลย! สุดยอดแก๊ง โทริโกะ ลูฟี่และโกคู!) และ “Shijou Saikyou Collaboration vs. Umi no Taishokukan” ( การร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์! ปะทะ จอมตะกละแห่งท้องทะเล) ซึ่งโปรดิวเซอร์ Takagi Arisu ได้บอกมาว่า ผู้ชมจะได้เห็นการเผชิญหน้าในฝัน อย่างการต่อสู้ของพวกบ้าพลังระหว่าง Zoro vs Zebra vs Vegeta การดวลฝีมือยอดกุ๊กกระทะเหล็กระหว่าง Sanji และ Komatsu หรืออย่าง Chopper ผู้เห็นการฟิวชั่นของ Goten และ Trunk แน่นอนว่ามุขฮาๆ ยังมาจัดหนัก และการร่วมมือต่อสู้ของพระเอกทั้งสามคนก็มีแน่นอน ก่อนหน้านี้ตัวละครจากดราก้อนบอลและ One Piece เคยมาเจอกันแล้วในปี 2006 และตัวละครจาก One Piece และ Toriko ก็เคยเจอกันมาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ยังไม่มีครั้งไหนที่มาประลองความเก่งกันทั้ง 3 คน
Freddy vs. Jason (2013)
เสียงกรีดกรงเล็บอันน่าสยดสยองของ เฟรดดี้ หรือนิ้วเขมือบ ทำเอาเราไม่กล้านอนหลับอยู่ช่วงหนึ่งบวกกับใบหน้าเละจนแทบจะจำไม่ได้จากเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อครั้งยังมีชีวิต เฟรดดี้ ครูเกอร์ เป็นปีศาจที่ถูกสร้างขึ้นจากจินตนาการของ เวส คราเวน ผู้กำกับหนังสยองขวัญ โดยรูปร่างลักษณะของ เฟรดดี้ จะเป็นปีศาจร้ายที่มีบาดแผลพุพองเน่าเปื่อยหน้าสยดสยองตามผิวหนังเนื่องจากถูกไฟไหม้ ใส่ชุดสีแดงสลับกับลายทางสีเขียวเข้ม ใส่หมวกสีน้ำตาลเข้มเหมือนขอทานเพื่อปิดบังหนังหัวที่พุพองและไม่มีผมของตนเอง ใส่กางเกงขายาวสีดำ ใส่ถุงมือหนังสีน้ำตาลที่มือขวามีกรงเล็บเหล็กยาวติดอยู่ที่นิ้ว มีนิสัยเจ้าเล่ห์และมีอารมณ์ขันอยู่ตลอดเวลาและ เฟรดดี้ เกลียดที่เห็นคนอื่นมีความสุขโดย เฟรดดี้ มีความสามารถที่จะเข้าไปในความฝันของคนอื่นและมันจะหลอกหลอนและได้ทำการลงมือฆ่าอย่างสยดสยองและพิสดาร หากคนที่เป็นเจ้าของความฝันหนี เฟรดดี้ ไม่รอดหรือจนมุมคนที่เป็นเจ้าของความฝันคนนั้นก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสตื่นในโลกแห่งความจริงอีกเลยก็เป็นได้ มีวิธีการป้องกันทางเดียวเท่านั้นที่จะหยุด เฟรดดี้ ได้นั่นก็คือการหาวิถีทางเพื่อไม่ให้ตนเองไม่หลับฝัน
ส่วนความร้ายของเจสัน วอร์ฮีส์ ให้ย้อนนึกถึงตำนานศุกร์ 13 ฆาตกรปีศาจที่มีรูปร่างสูงใหญ่และใส่หน้ากากฮอกกี้ตลอดเวลา มีความเงียบขรึมเรียกได้ว่าเป็นไบ้เลยก็ว่าได้ เจสันคือเครื่องจักรสังหารที่ฆ่าไม่ตาย เหยื่อของเขามักจะเป็นนักศึกษาหรือนักท่องเที่ยว ฆาตกรเจสัน วอร์ฮีส์ ปรากฎตัวครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Friday the 13th ในปี 1980 และยังมีภาคต่ออีก 9 ภาค เจสัน วอร์ฮีส์ เป็นเด็กพิการ หน้าตาน่าเกลียด โดนเพื่อนแกล้งจนจมน้ำตาย โดยศุกร์ 13 เกือบทุกภาค ก็จะพยายามเล่าเรื่องเหล่านี้อย่างละนิดละหน่อยให้คนดูได้รู้เบื้องหลังของเจสันไปเรื่อยๆ เช่นภาคแรก แม่ของเจสันนั่นเอง ที่ออกฆ่าคน พอมาภาคสองเจสันก็มีตัวตนจริงออกฆ่าคนบ้าง ไปจนถึงภาคสาม ภาคสี่และอีกหลายๆ ภาค จุดเด่นของเจสันที่คนโลกต่างทึ่งไปตามๆ กัน คือ ความเป็นอมตะของเค้า เจสันตายแล้วก็ต้องฟื้น ทำยังไงก็ไม่ตายชะที แต่สุดท้ายเจสันก็ถูกฝังความเป็นตำนานทั้งหมดไว้ภายใต้มีดกริดอาคม เป็นตัวละครที่หนึ่งที่ติดตาคนดูมากที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ในเรื่องนี้เฟรดดี้ พยายามพาเจสันกลับมาอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสังหารให้กับตน สุดท้ายไม่เป็นอย่างที่หวัง แต่เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามดูในหนัง
King Kong vs. Godzilla (1962)
ก่อนจะกลับมาพบคู่สัตว์ประหลาดหยุดประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ระหว่างคิงคอง และก็อดซิลล่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มาเรียกน้ำจิ้มกันก่อนเพราะคู่นี้เขาเจอกันมาแล้วตั้งแต่ปี 1962 นี่ยังไม่เกิดเลย โดยฉบับนี้ยังใช้เทคนิคโบราณใช้คนใส่ชุดสัตว์ประหลาดมาสู้กัน แต่ก็ได้รับเสียงชื่นชมพอสมควรในความแปลกใหม่ที่สามารถนำตัวละครที่โด่งดังระดับตำนานมาเจอกันได้
คิงคอง ปะทะ ก็อดซิลลา เป็นภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ไคจู ในปี ค.ศ. 1962 ผลิตโดยบริษัท โตโฮ กำกับโดย Ishirō Honda เป็นครั้งแรกของสองภาพยนตร์ที่ทำที่ญี่ปุ่นที่มีตัวละครคิงคองและยังเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคิงคอง และก็อดซิลลา ปรากฏในภาพยนตร์สีและแบบไวด์สกรีน การผลิตเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 30 ของโตโฮ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงประสบความสำเร็จมากที่สุดในเชิงพาณิชย์ของทุกภาพยนตร์ซีรี่ส์ก็อตซิลลา แต่ยังไงเสียรอลุ้นฉบับใหม่ที่กำลังจะฉายเร็วๆ นี้กันดีกว่า
Sadako vs. Kayako (2016)
เลือกเลยจะเอาผีออกมาจากบ่อน้ำหรือผีออกมาจากโทรทัศน์ดี แค่ได้ยินเสียงเอาะๆ อ่า……. ก็หลอนเขย่าประสาทเหลือเกิน ถ้าจะให้ดีไม่ต้องเลือกแล้ว ไปดูพร้อมๆ กันในหนังสยองขวัญที่นำสองผีตัวแม่อย่าง Sadako และ Kayako มาเจอกัน จากบริษัท Kadokawa และ NBCUniversal Japan จับมือเซ็นสัญญากันว่าจะผลิตหนังเรื่อง Sadako vs Kayako ออกมาโดยใช้บริการผู้กำกับโคจิ ชิไรชิจากหนังเรื่อง Grotesque มาดูแลโปรเจ็คต์นี้ โดยตัวหนังจะเริ่มถ่ายทำกันในช่วงเดือนมิถุนายน
การมาเจอกันครั้งนี้เริ่มต้นจากเรื่องราวของ คุราฮาชิ ยูริ นักศึกษาสาว ที่ได้เปิดดูม้วนเทปอาถรรพ์ของผี ซาดาโกะ กับเพื่อนของเธอในบ้านของผีแม่ลูก คายาโกะ จนทำให้ยูริและเพื่อนสาวของเธอ ต้องติดอยู่ท่ามกลางคำสาปจากความอาฆาตของผีทั้งสอง เมื่อวิญาณร้ายต่างปรากฏตัวขึ้น และเผชิญหน้ากันพร้อมกับความพยาบาทของพวกเธอ ระหว่างนั้นเอง ทาคาจิ ชูซูกะ สาวมัธยมปลายที่ผ่านมา ก็สัมผัสถึงพลังลึกลับบางอย่างจากบ้านของคายาโกะ จนนำให้เธอก้าวสู่วังวนของคำสาปจากวิญญาณร้ายอีกคน คำสาปของเหล่าผีผูกอาฆาตได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทวีความร้ายกาจขั้นกว่า เมื่อวิญาณร้ายอย่าง “ซาดาโกะ” และ “คายาโกะ ต้องมาปะทะกัน บทสรุปของเรื่องราวสยองขวัญนี้จะจบลงอย่างไร แค่คิดก็สนุกแล้ว
ขอปิดท้ายด้วยหนังที่ยังไม่มีการข้ามเรื่องมาสู้กันแต่อย่างไร แต่ก็มีคนอยากให้เจอ กันสักตั้งระหว่าง สการ์เล็ต วิทช์ Vs ดร.สเตรนจ์ 2 สายเวทย์แห่งมาร์เวล อยากจะวัดกันไปเลยว่าพลังใครเหนือกว่ากัน
หากกล่าวถึงสองสายเวทย์แห่งจักรวาลมาร์เวล หลายคนคงจะนึกถึง ดร.สเตรนจ์ แต่ก่อนหน้านี้ มาร์เวล ได้ส่งสการ์เล็ต วิทช์ สายเวทย์ตัวแม่มาลุยใน Avengers 2 และ Civil war ซึ่งพลังทำลายล้างของเธอค่อนข้างรุนแรง และควบคุมได้ยาก เรามารู้จักกับพลังของทั้งสองตัวละครสักนิด ก่อนที่เราจะมโนไปไกลว่าให้มาแบทเบิลกัน
สการ์เล็ต วิทช์ ใน X-Men เธอจัดอยู่ในประเภทของ มนุษย์กลายพันธุ์ แต่ในดิสนีย์มาร์เวล เธอกลายเป็นสาวพลังเวทย์ ที่สามารถสร้างพลังออกมาก่อนที่จะปล่อยออกไป รวมถึงสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องได้ด้วย ใน Civil War สการ์เล็ต วิทช์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องความวุ่นวายหลังจากที่เธอไม่สามารถควบคุมพลังของเธอได้ในวงจำกัดทำให้เกิดความเสียหายขึ้น หลังจากนั้นเธอเริ่มรู้สึกผิดในการใช้พลังและเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน จนในตอนท้ายของเรื่องเราได้เห็นความสามารถของเธอในแบบที่เอาอยู่ได้ในระดับหนึ่ง ฉากโหดใน Civil War คงจะหนีไม่พ้นฉากที่เธอจัดการกับวิชั่นให้ทะลุลงไปในพื้น นั่นคงจะทำให้เราได้เห็นภาพว่า พลังของสการ์เล็ต วิทซ์มีอานุภาพมากแค่ไหน และมันสามารถปลดปล่อยออกมาได้จากมือของเธอโดยที่ไม่ต้องมีเครื่องมือใดๆเลย
ดร.สเตรนจ์ เขาเป็นอดีตศัลยแพทย์มือฉมังผู้มีทั้งพรสวรรค์และความชาญฉลาดของมันสมอง การก้าวสู่สายเวทย์ของเขาคือการได้ไปเยียวยาร่างกายที่สำนักของแอนเชียนวัน ซึ่งเธอได้สอนการใช้พลัง การมองโลก และการศึกษาศาสตร์สายเวทย์ โดยในช่วงแรกเขาต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างมากและต้องก้าวข้ามกำแพงในใจที่ว่ามือของเขาไม่สามารถใช้งานได้ ดร.สเตรนจ์ อ่านหนังสืออย่างหนักก่อนที่จะเริ่มลงมือฝึกอย่างชำนาญ แม้อาจจะเทียบขั้นปรมาจารย์ไม่ได้ แต่พรสวรรค์ในการเรียนรู้ทำให้เขาสามารถเปิดดวงตาแห่งอกาม็อตโต้ หนึ่งในอัญมณีชิ้นสำคัญของอินฟินิตี้สโตนได้ ซึ่งพลังของมันสามารถทำให้เราควบคุมกาลเวลาได้ นอกจากนี้เขายังมีผ้าคลุมที่ทำให้เหาะเหินได้รวมถึงพลังเวทย์ที่ใช้เปิดมิติได้ด้วย พลังเวทย์ที่ได้มาจากกำเนิดกับเวทย์ที่เกิดจากการฝึกฝน ไม่รู้งานนี้ใครจะอยู่ใครจะไป ต้องหวังให้เขาทั้งสองมาประลองฝีมือในหนังกันสักครั้ง