7 สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม Train to Busan ขึ้นแท่น หนังซอมบี้ที่ดีที่สุดแห่งปี มีอะไรน่าดูมากกว่าฉากวิ่งหนีตาย

หลังจากเปิดรอบสื่อมวลชนให้คนไทยได้ดูกันไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาสำหรับหนังซอมบี้สัญชาติเกาหลีอย่าง Train to Busan ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมากๆ จนกลายเป็นหนังท็อปฟอร์มที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็น “หนังซอมบี้ที่ดีที่สุดแห่งปี” และเป็น “หนังซอมบี้ที่ดีที่สุดในเอเชีย” พร้อมสร้างปรากฏการณ์ทำลายทุกสถิติอย่างถล่มทลาย ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ที่ทำได้รายสูงที่สุดตลอดกาลของ Box Office ประเทศเกาหลี ขณะนี้กวาดรายได้ไปแล้วกว่า 2100 ล้านบาทแค่เฉพาะในเกาหลี (อัพเดท 3 ส.ค. 59) เป็นที่เรียบร้อย

หนังเรื่องนี้ดูผ่านๆ ก็เหมือนหนังซอมบี้ทั่วๆ ไป พล็อตเรื่องก็ไม่น่าแตกต่างไปจากหนังซอมบี้เรื่องอื่นๆ มากเท่าไหร่นัก คือเริ่มจากการติดเชื้อ กลายเป็นซอมบี้แบบเฉียบพลัน ผู้คนถูกซอมบี้ไล่ล่าระบาดหนักไปทั่วเมือง ตัวละครหลักวิ่งหนีตาย และเหลือรอดแค่ไม่กี่คน แต่ Train to Busan กลับทำให้คนดูอินจัดกับความดราม่าที่สอดแทรกผ่านความสัมพันธ์ของ คู่พ่อ-ลูก สามี-ภรรยา คู่รักวัยรุ่น พี่น้อง และกลุ่มเพื่อน สะท้อนสังคมทั้งด้านมืดและด้านสว่างในจิตใจของมนุษย์ที่มีความเห็นแก่ตัว รักตัวกลัวตาย ความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ และการเสียสละ และแน่นอนว่า หนังสัญชาตินี้ทำได้ดีกับการสื่อสารอารมณ์ ความดราม่า ที่เอาคนดูอยู่หมัด จนมีคนสบถออกมาว่า “หนังซอมบี้บ้าอะไร ทำคนดูสะอื้นกันทั้งโรง” หยุดความดราม่าไว้สักครู่ เราขอไม่สปอยล์อะไรไปมากกว่านี้

และก่อน “Train to Busan” จะเปิดฉายรอบ sneak preview วันที่ 4 สิงหาคมนี้ และเข้าฉายจริงในไทยวันที่ 11 สิงหาคมนี้ เราอยากให้ทุกคนตามมาทำความรู้จักกับหนังเรื่องนี้เพิ่มเติมกันอีกสักนิด ตามมาดูกันว่า หนังซอมบี้เกาหลีเรื่องนี้ มีอะไรน่ารู้ มากกว่าฉากวิ่งหนีตายและความดราม่า อ่านต่อกันได้เลย

1. “Train to Busan” มีชื่อภาษาไทยว่า “ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง” อยากรู้จังใครเป็นคนคิดชื่อนี้ อุ๊บส์…

2. “Train to Busan” เป็นหนังซอมบี้สัญชาติเกาหลี เสมือนเป็นภาคต่อของ Animation แนวซอมบี้เรื่อง Seoul Station โดยเรื่องราวใน “Train to Busan” เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากนั้นเพียง 1 วัน

3. “Train to Busan” เป็นผลงานการกำกับของ ยอน ซังโฮ เจ้าพ่อหนัง Animation สายดาร์ก ที่เคยฝากผลงานไว้อย่าง The King Pigs และ The Fake ที่เน้นกลุ่มคนดูผู้ใหญ่ เพราะเนื้อหาอันหนักอึ้งเต็มไปด้วยเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน เช่น ด้านมืดของจิตใจมนุษย์ และท้าทายความเชื่อที่มนุษย์มีต่อศาสนา

4. ยอน ซังโฮ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากความฝันของเขาที่ชอบฝันเห็นเหตุการณ์หายนะ บวกกับเรื่องจริงที่ไวรัส MERS ที่ระบาดหนักในประเทศเกาหลี

5. “Train to Busan” เปิดตัวฉายครั้งแรกในรอบ Midnight Screenings เทศกาลภาพยนตร์ The 2016 Cannes Film Festival  และได้รับกระแสในเชิงบวก สร้างสถิติการลุกปรบมือยาวนานถึง 10 นาที หลังภาพยนตร์ฉายจบลง

6. นอกจาก กงยู พระเอกฝีมือขั้นเทพ ที่พลิกมาดของเจ้าชายกาแฟสุดโรแมนติก สู่บทบาทพ่อที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกสาวมีชีวิตรอด และสาวสวยมากความสามารถอย่าง โซฮี จากวง Wonder Girls สองนักแสดงหลักที่ถ่ายทอดบทบาทตัวละครได้เป็นอย่างดีแล้ว หนูน้อย คิมซูอาน นักแสดงนำที่เป็นเด็กเพียงคนเดียวในเรื่อง ก็แสดงได้ดีมากๆ และเป็นจุดพีคของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้

7. ถึงแม้ คิมซูอาน จะมีอายุเพียง 10 ขวบ แต่หนูน้อยคนนี้ผ่านงานแสดงมาแล้วมากกว่า 10 เรื่อง นอกจาก “Train to Busan” แล้ว หนูน้อยคนนี้เคยฝากผลงานการแสดงภาพยนตร์จากเรื่อง Love, Lies (2016) / The Exclusive: Beat The Devil’s Tattoo (2015) / Memories of the Sword (2015) / Coin Locker Girl (2015) / Late Spring (2014) / Cart (2014) / The Whistleblower (2014) / Gyeongju (2014) / Mad Sad Bad (2014) / Hide and Seek (2013) และ Sorry and Thank You | Miahnhae, Gomawo (2011) และละครซีรีส์เรื่อง Mom (MBC / 2015)


Story : The Fool

Photo : Major Cineplex, nangdee

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.