เนื้อเพลงที่ดูรุนแรง บ่งบอกการเป็นผู้ค้าและเสพยาเสพติดในเนื้อร้อง สะท้อนสังคมและอารายธรรมของชาวฮิปฮอป ทำไมเพลงฮิปฮอปต้องสอดคล้องสัมพันธ์กับยาเสพติด จริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณปี 80s ‘กัญชา’ (Marijuana) เริ่มเข้ามามีอิทธิพล แต่ก็ยังไม่ได้นิยมมากมายซะทีเดียว เพราะว่านโยบายทางการเมืองในเวลานั้นตึงเครียดในการปราบปรามยาเสพติดที่ไม่ได้มีฤทธิ์รุนแรงมากออกไปจากสังคมอย่างจริงจัง จนกระทั่งมาถึงปี 90s กัญชาก็ถูกใช้อย่างแพร่หลาย จนกระทั่งพฤศจิกายน 2016 รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เริ่มจำหน่ายกัญชาเพื่อสันทนาการได้ถูกต้องตามกฎหมายในปริมาณที่กำหนด และผู้ซื้อจะต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป ซื้อปริมาณกัญชาสูงสุดได้ครั้งละ 1 ออนซ์ ราวๆ 28.35 กรัม
แต่เมื่อกัญชาก้าวข้ามกฏหมายมาสู่ความถูกต้องได้ แน่นอนว่ายาเสพติดประเภทอื่นๆ ก็เริ่มส่งอิทธิพลต่อเนื่องทั้งโคเคน เฮโรอีน และยิ่งตอกย้ำความเกี่ยวข้องกันระหว่างแร็ปเปอร์กับยา เมื่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ จับกุม “21 ซาเวจ” หรือ ชา ยาอา บิน อับราฮัม-โจเซฟ วัย 26 ปี แร็ปเปอร์ชื่อดังที่เคยได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแกรมมี่ ในข้อหาลอบอาศัยในประเทศ หลังย้ายจากอังกฤษเข้าสหรัฐฯตั้งแต่วัยรุ่น โดยใช้วีซ่าในปี 2548 ซึ่งหมดอายุในปีถัดมา และต้องคดีมีความผิดทางอาญาเกี่ยวกับยาเสพติดที่รัฐจอร์เจียเมื่อปี 2557 ขณะที่ยังไม่แน่ชัดว่าเขาได้รับสิทธิ์คุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองเยาวชนจากครอบครัวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย (DACA) หรือไม่
ย้อนกลับไปในยุคอดีตความนิยมของกัญชาสูงขึ้นเรื่อยๆ วัดได้จากการเกิดขึ้นมากมายของเพลที่พูดถึงกัญชากันเป็นว่าเล่น สถิติวพบว่าการเล่นกัญชาในปี 90s มีอัตราสูงกว่าปี 80s ถึงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์โดยวัดจากจำนวนเพลงที่พูดถึงกัญชาของทั้งสองปี เหล่าบรรดาแร็ปเปอร์เริ่มสร้างเป็นธุรกิจจนกลายเป็นวัฒนธรรม อย่าง Snoop Dogg ที่เริ่มขายกัญชาครั้งแรกตอนเรียนมัธยมที่ Long Beach Polytechnic High School โดยตอนแรกสนู๊ปไม่เคยถูกจับได้ว่ามีประวัติเรื่องการเป็นพ่อค้าเลยซักนิด จนกระทั่งดาราฮอลลีวูดสาวคนดัง Cameron Diaz เพื่อนร่วมโรงเรียนเก่าได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ Lopez Tonight ตอนปี 2011 ว่าชั้นเคยซื้อกัญชาจากสนู๊ปด้วย สนู๊ปหันมาสนใจธุรกิจกัญชาตั้งแต่ปี 2015 ทั้งให้บริการส่งกัญชาถึงบ้านภายใน 10 นาที เป็นเจ้าของสื่อออนไลน์ที่คอยอัปเดตข่าวคราววงการกัญชา ไปจนถึงการมีขายกัญชาภายใต้ชื่อแบรนด์ของตัวเองอย่าง Leafs By Snoop จนล่าสุดได้เข้าไปซื้อหุ้นของบริษัท Canopy Growth ที่ดำเนินธุรกิจขายกัญชาที่ใหญ่ที่สุดของโลก และการที่เขาเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทนี้ จึงทำให้เขากลายเป็นเจ้าของธุรกิจกัญชารายใหญ่ที่สุดของโลกไปโดยปริยาย
กัญชาดูจะเป็นเรื่องเด็กๆ ไปเลย เมื่อเราได้รับข่าวว่า Jay – Z เคยขายยาเสพติดชนิด แคร็ก โคเคน สมัยยังเป็นหนุ่มแถวเมือง บรุกลิน นิวยอร์ก เค้าขายและน่าจะเสพผงขาวด้วยตั้งแต่ตอนที่ลุงของเขาถูกฆ่าตายและพ่อก็ออกจากบ้านไปพร้อมกับเลิกกับแม่ของเขาเพราะติดยาขนาดหนัก เจซีรู้ว่าแม่ของเขาเองรู้มาตลอดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่แต่ถึงกระนั้นเองเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ในที่สุดเขาก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ แล้วกลับตัวกลับใจกลายเป็นศิลปินฮิปฮอปที่ได้ประสบความสําเร็จอย่างมหาศาล
หลังจากพ้นความนิยมของโคเคน ในช่วงปี 2000 ปลาย ๆ (ประมาณ 2009) เหล่าแร็ปเปอร์ทั้งหลายก็ได้ก้าวขาไปสู่วงการยาประเภทใหม่ที่ชื่อว่า ‘MDMA‘ หรือในวงการผู้เสพเรียกกันว่า ‘Molly‘ แต่มอลลี่ก็มีอายุไม่นานนักเพราะเริ่มถูกกำจัดอย่างจริงจังและค่อย ๆ หายไปในปี 2013
หลายครั้งที่เรามักจะเห็นศิลปนและอาร์ตติสใช้ยามาผสานกับทางดนตรี โดยอ้างว่าเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการคิดผลงาน แต่จากที่เสพในปริมาณเล็กน้อยก็กลายเป็นปริมาณมากและเข้าสู่วงการค้าในที่สุด ก่อนที่ Molly จะจากไป ยังมีอีกประเภทที่ยังถูกใช้อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน นั่นคือ Xanax ซึ่งเป็นยาที่ทางการแพทย์ใช้เพื่อรักษาผู้อยู่ในสภาวะป่วยจากอาการซึมเศร้า ซึ่งพอหลังจากกินเข้าไปแล้วยาจะเปลี่ยนแปลงการทำงานของสารสื่อประสาทในสมองมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันแร็ปเปอร์เริ่มถอยออกจากวงการยา และหันมาทำเพลงสีขาวซึ่งสะท้อนผ่านบทเพลงของพวกเขามากขึ้น และหวังว่าท้ายที่สุดภาพจำของวงการฮิปฮอปกับความดาร์คอีกด้านของสังคมจะค่อยๆ ลดเลือนหายไปในที่สุด