ย้อนกลับไปในอดีตสมัยที่วัยรุ่นอังกฤษมักจะบิดมอเตอร์ไซค์ไปรวมตัวกันที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง (ที่เรียกกันในสมัยนั้น) เมื่อรวมตัวกันและความชอบที่เหมือนกัน จึงคิดหาความตื่นเต้นท้าทาย ท้ากันเป็นเกม โดยการเปิดเพลงจากตู้เพลง และ ขี่รถมอเตอร์ไซค์จากคาเฟ่ไปยังจุดหมายที่กำหนด โดยพยายามที่จะทำความเร็วให้ถึง 100 ไมล์ต่อชั่วโมง แล้วซิ่งกลับมาที่คาเฟ่เดิมก่อนที่เพลงนั้นจะจบลง เพลงมีความยาวประมาณ 2 นาที พวกเขาทำความเร็วได้ดีและมีสกิลในการขับขี่มากเลยทีเดียว โดยวัยรุ่นเหล่านั้นส่วนใหญ่จะนิยมฟังเพลงและแต่งตัวแบบร็อกเกอร์ เท่ในลุคชุดหนัง กางเกงยีนส์ ทำผมทรงเฟี้ยวๆแบบเจมส์ ดีนให้สาวๆกรี๊ด
1. แฮนด์จับโช้ค หรือ แฮนด์หมอบ แล้วแต่ความชื่นชอบ
2.ไฟหัวกระสุนใหญ่ ส่วนมาก 7 นิ้ว
3. ถังตีหลบเข่า เพื่อให้กระชับในการขับขี่นั่นเอง
4 เกียร์โยง เพื่อให้รับกับท่าขับขี่ในรถสไตล์นี้
5. เอาอะไหล่ส่วนต่างๆ ออก ดัดแปลงลดอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ต้าน ลม และเพิ่มน้ำหนักรถ
6. เบาะนั่งโดยสารเดียว ที่เรียกกันว่าเบาะตูดมด หรืออาจเป็นเบาะทรงอื่นก็ได้
เมื่อกระแสรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่มีสไตล์ได้รับความนิยมอีกครั้ง Royal Enfield จึงนำ Café Racer กลับมาสร้างสรรค์ในแบบที่ถูกใจคนเมือง โดยเฉพาะรุ่น
รถจักรยานยนต์สไตล์ Café Racer ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1965 ส่งต่อวัฒนธรรม Café Racer ของชาวร็อกเกอร์จากอังกฤษจากอดีตถึงปัจจุบัน Continental GT โดดเด่นด้วยการคงอัตลักษณ์ยุค 60 เอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ได้พัฒนาเครื่องยนต์ไปพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสเรื่องราวในช่วงเวลาของความตื่นเต้นแห่งการขับขี่ที่น่าประทับใจได้อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมสีใหม่ล่าสุด Continental GT Green
นอกจากนี้ยังมีอีก2 รุ่นสุดเจ๋ง มอบความคลาสสิกและตัวตนร็อกเกอร์ที่ชัดเจนให้กับคุณในปีนี้
จักรยานยนต์ที่ไร้กาลเวลาที่จะพาคุณหวนคืนสู่ช่วงเวลาแห่งความทรงจำ ด้วยดีไซน์ยุคหลังสงคราม เป็นที่ปรารถนามากที่สุดในประวัติศาสตร์แห่ง Royal Enfield สำหรับแฟนพันธุ์แท้ตัวจริงเท่านั้น
Royal Enfield Classic ได้ผสานขุมพลังและการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพเข้ากับความคลาสสิกอันเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความสง่างามที่สะกดทุกสายตาจนยากจะห้ามใจไม่ให้หันกลับไปมอง ทัศนียภาพยามขึ้นนั่งบน Royal Enfield Classic มีความงดงามเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นยามรถวิ่งหรือยามจอดนิ่งอยู่กับที่
Classic 500 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบหัวฉีดสมรรถนะสูงขนาด 500 ซีซี ภายใต้ดีไซน์ยุคหลังสงครามอันโดดเด่นสะดุดตา ทำให้ Classic 500 กลายมาเป็นรถจักรยานยนต์สุดยอดปรารถนาในประวัติศาสตร์แห่ง Royal Enfield สำหรับแฟนพันธุ์แท้ตัวจริง
Classic Desert Storm มาพร้อมโทนสีในแบบ “ผืนทราย” และ Classic Battle Green อันชวนให้ระลึกถึงยุคแห่งสงคราม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รถจักรยานยนต์ Royal Enfield ได้พิสูจน์ให้บรรดาทหารกล้าประจักษ์ถึงสมรรถนะและความคล่องตัวอันสมบูรณ์แบบในสมรภูมิสนามรบและทะเลทรายอันโหดร้าย นอกจากนี้ในทั้ง 2 รุ่นนี้ ยังคงชัดเจนด้วยสไตล์อันเป็นแบบฉบับเฉพาะของ Royal Enfield ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ก้านกระทุ้งระบายความร้อนด้วยอากาศแบบสูบเดียว ห้องเครื่องและกล่องเครื่องมือสไตล์ยุค 1950 สีสันในแบบดั้งเดิม และชิ้นส่วนเครื่องยนต์แบบขัดเงา สัมผัสสุนทรียะแห่งการขับขี่จักรยานยนต์ล้ำสมัย ที่ยังคงภาพสะท้อนแห่งสไตล์คลาสสิกเหนือกาลเวลา นอกจากนี้ยังมีสี Squadron Blue ดีไซน์ใหม่ของรุ่น Classic โดยมีแรงบันดาลใจมาจาก Royal Enfield ที่ใช้ในหน่วยรบกองทัพอากาศทั่วโลก ทั้งในอดีตและในปัจจุบัน
รถจักรยานยนต์ดีไซน์สูบเดียวแบบวาล์วเหนือสูบอันเป็นเอกลักษณ์จากอังกฤษ ที่มีต้นกำเนิดจาก Royal Small Arms Factory ในเขตเอ็นฟิลด์ กรุงลอนดอน ด้วยประวัติการผลิตต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1932 ทำให้ Bullet เป็นสายผลิตภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของรอยัล เอ็นฟิลด์
กว่า 8 ทศวรรษที่ผ่านมา Royal Enfield รุ่น Bullet ได้ร่ายมนต์สะกดผู้คนทั่วโลก ให้หลงใหลกับสไตล์อันสะดุดตาด้วยตัวถังสีดำขนาดใหญ่ที่ยังคงศิลปะการวาดลวดลายบนตัวถังด้วยมือทุกคัน โดดเด่นด้วยครอบไฟหน้าที่ตกแต่งไฟนำร่องแบบ “ตาเสือ” ผสานคุณสมบัติแห่งความล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยระบบ Electronic Fuel Injection
Royal Enfield สะท้อนภาพแห่งประวัติศาสตร์ในรูปของการตีความแบบปัจจุบัน ตอบสนองทุกความต้องการ ทำให้ Bullet 500 เป็นรถที่ควรค่าแก่การครอบครองอย่างแท้จริง ใหม่ล่าสุด Royal Enfield Bullet 500 Marsh Grey สีใหม่
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท General Auto Supply Company Limited ซอย สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) โทร. 0-2381-8811