เป็นการสร้างภาพที่น่ามองของ Tokyo 2020 กับเหรียญรางวัลจากขยะอิเล็คทรอนิค

WHAT: เซอร์ไพรส์จาก ‘โตเกียว 2020’ กับการนำมือถือเก่าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคมารีไซเคิลและผลิตเป็นเหรียญประกาศชัยชนะของนักกีฬา ในแนวคิด Green Initiative

แม้ว่าข่าวของการนำขยะอิเล็คทรอนิคมารีไซเคิลเพื่อทำเป็นเหรียญรางวัลในโอลิมปิก 2020 นี้จะไม่ใช่ข่าวใหม่แกะกล่อง แต่เดิมข่าวนี้ยังคงเป็นเพียงโปรเจ็คที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะทำได้จริงหรือไม่ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้จัดการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ก็ได้ออกมาสร้างเซอร์ไพรส์ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า โอลิมปิกอีก 4 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นเหรียญจากขยะอิเล็คทรอนิคเป็นครั้งแรก

เซอร์ไพรส์ครั้งนี้มาพร้อมกับคำประกาศของ โคจิ มูโรฟูชิ (Koji Murofushi) ผู้อำนวยการในการจัดการแข่งขันโอลิมปิก โตเกียว 2020 ว่า ในเดือนเมษานี้ทางญี่ปุ่นได้จัดเตรียมถังขยะพิเศษ เพื่อขอรับบริจาคสมาร์ทโฟนเก่าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคจากประชาชนทั่วทั้งญี่ปุ่น แล้วจะนำขยะเหล่านั้นไปรีไซเคิล ผลิตเป็นเหรียญรางวัล ซึ่งเป้าหมายของการบริจาคขยะอิเล็คทรอนิคอยู่ที่ 8 ตัน (16,000 ปอนด์ แบ่งเป็นทอง 40 กก. เงิน 4,920 กก. และทองแดง 2,944 กก.) และหลังจากผ่านกระบวนการรีไซเคิลก็จะได้โลหะจำนวน 2 ตัน (4,000 ปอนด์) สำหรับการผลิตเหรียญจำนวน 5,000 เหรียญ เพื่อมอบแด่นักกีฬาทั้งโอลิมปิกเกมส์และพาราลิมปิกเกมส์ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง

เหตุผลหนึ่งที่ทางญี่ปุ่นเลือกที่จะผลิตเหรียญจากขยะอิเล็คทรอนิคเป็นเพราะอยากสร้างจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อม ให้คนทั้งโลกได้หันมาตระหนักถึงภัยคุกคามจากเทคโนโลยี โดยเฉพาะขยะอิเล็คทรอนิคที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จากจุดนี้จึงเกิดเป็นแนวคิด Green Initiative

ส่วนคำถามว่า ‘ญี่ปุ่นสามารถผลิตเหรียญจากขยะอิเล็คทรอนิคได้จริงหรือ?’ คำตอบนี้อยู่ในบันทึกรายงานปี 2014 ซึ่งญี่ปุ่นได้ทำการสดักโลหะมีค่าจากขยะอิเล็คทรอนิคได้มากมาย แบ่งเป็นทองคำ 143 กก., เงิน 1,566 กก. และทองแดง 1,112 กก. ซึ่งเป็นปริมาณที่มากพอสำหรับการผลิตเหรียญ เมื่อเทียบกับสถิติโอลิมปิก 2012 ณ กรุงลอนดอนที่ใช้จำนวนทองคำ 9.6 กก., เงิน 1,210 กก. และทองแดง 700 กก. นอกจากนี้ไอเดีย Green Initiative ยังแฝงเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดและยังเป็นการชักชวนให้ประชาชนญี่ปุ่นได้มีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งกับการจัดการแข่งขันโตเกียว 2020 อีกด้วย


ภาพ : www.thisisinsider.com

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.