ทำไม adidas ใช้ระบบ Ultra Boost จากรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุดในรองเท้าสตั๊ดฟุตบอลเช่นกัน
ปุ่มสตั๊ดถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของรองเท้าฟุตบอล ในขณะเดียวกับที่รองเท้าวิ่งและรองเท้าบาสเกตบอลมีพื้นรองเท้าเป็นหัวใจสำคัญในการใช้งาน แต่รองเท้าเหล่านี้ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนมาใช้เดินถนนในชีวิตประจำได้ด้วย ลองสังเกตดีๆ จะมีใครบนโลกนี้ที่อัพรูปภาพโซเชียลในขณะที่ตัวเองกำลังเดินชิคๆ บนท้องถนนด้วยรองเท้าสตั๊ดบ้าง
แต่ adidas กลับถือเป็นเจ้าแรกในการก้าวข้ามระบบการดีไซน์รองเท้าวิ่งอย่าง Yeezy มาสู่รองเท้าสตั๊ดของนักอเมริกันฟุตบอล โดยที่ตัวรองเท้าสตั๊ดมีลวดลายเหมือน Yeezy ทุกอย่างแต่เพิ่มแถบซิกเนเจอร์ของแบรนด์และใส่ปุ่มสตั๊ดเข้าไป
โดยนำเทคโนโลยี Ultra Boost ที่ประสบความสำเร็จจาก Yeezy ภายใต้คอนเซ็ปต์”บางเบาแต่คล่องตัว” มาใช้พัฒนาเข้ากับรองเท้าฟุตบอล โดยเปิดตลาดด้วยการทดลองให้นักอเมริกันฟุตบอลNFL ที่มีชื่อเสียง อาทิ Deandre Hopkins, Von Miller และ Adrian Peterson ได้สวมใส่เอาไว้ใส่ลงซ้อม หรือลงแข่งในสนาม ภาพเหล่านี้ทำให้รองเท้า Yeezy กลายเป็น Rare Item ยิ่งกว่าเก่า ทั้งๆ ที่คู่ปกติจะหายากแล้วก็ตาม
การนำรองเท้าสตั๊ดเทคโนโลยีแบบเดียวกับ Yeezy 350 มาให้นักอเมริกันฟุตบอลไม่ใช่ขั้นตอนการทำตลาดของการวางจำหน่าย แต่ Adidas อยากรู้ว่าถ้านักกีฬาเหล่านี้ผู้ที่ต้องใส่รองเท้าระดับมาสเตอร์พีซ เมื่อใช้สตั๊ด Yeezy ลงสนามมันจะตอบโจทย์การใช้งานพวกเขาได้มากน้อยแค่ไหน และอาจจะวางจำหน่ายให้คนทั่วไปได้ซื้อในอนาคตเช่นกัน
อย่างไรก็ตามการที่เลือก Yeezy มาเป็นต้นแบบในการข้ามประเภทของรองเท้า ทั้งๆ ที่ Adidas ก็มีเทคโนโลยี Ultra Boost ในหลายรุ่น คงเป็นเพราะกระแสตอบรับและการได้รับความนิยมของ Yeezy ที่แค่เริ่มวางจำหน่ายก็ถูกจับจองเป็นเจ้าของจนหมดภายในไม่กี่วินาทีและมีความเป็นแฟชั่นสไตล์ ซึ่งไม่แน่ว่าในอนาคต เราอาจได้เห็นคนใส่รองเท้าสตั๊ดเดินชิลๆ บนท้องถนนจริงก็ได้เพราะ หนึ่งในทีมงานการออกแบบบอกว่าเขาเคยเห็นคนใส่รองเท้าสตั๊ดเดินในพื้นสนามบินมาแล้วเป็นเรื่องจริง…