รวมสุดยอด 30 ไอเท็มส์ไลก้าหายากจาก Leica. Das Wesentliche

ในช่วงเปิดตัว ไลก้า สโตร์ แบงค็อก เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากเราจะได้เห็นไอเท็มส์ใหม่ๆ ของไลก้าในสโตร์แห่งนี้แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เราสะดุดตาและถูกสะกดใจ คือ นิทรรศการ Leica. Das Wesentliche (ไลก้า ดาส วีซินลิเฌอ) ที่รวบรวมกล้องไลก้าหายากจากนักสะสมกิตติมศักดิ์ในเมืองไทยกว่า 30 ไอเท็มส์ มารวมไว้ที่นี่ที่เดียว วันนี้เราจึงขอนำภาพกล้องไลก้าหายากรุ่นต่างๆ จากนิทรรศการนี้มาฝากชาว FAVFORWARD ทุกคน

Owner: ศักดิ์ชัย กาย – Sakchai Guy

กล้องรุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษและเป็นเซ็ทที่สวยที่สุดเท่าที่ Leica MP ถูกผลิตขึ้นมา ซึ่งเซ็ทนี้เป็นเซ็ทที่ 32 จากทั้งหมดจำนวน 500 เซ็ท มาพร้อมกับกล้อง LEICA MP Edition Hermèsที่ทางบริษัท Leica Camera AG ประเทศเยอรมันนีริเริ่มไอเดียนำเสนอความพิเศษของกล้อง Leica แบบ Rangefinder ให้แฟนไลก้าได้สะสมกันในทุกๆปี ซึ่งกล้องรุ่นนี้พิเศษแตกต่างด้วยการใช้หนังลูกวัว Bareniaจากแบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง Hermèsมาผลิตเป็นตัวกล้อง

Owner: ดร.ธรรม์ จิราธิวัฒน์ – Ton Chirathivat

ตัวเลนส์มีขอบเป็นโลหะชั้นแกร่งและคุณาพเยี่ยม และยังเป็นวัสดุสีดำที่ทำขึ้นในจำนวนจำกัด เพียง 1,000 ตัวเท่านั้น ด้วยคุณสมบัติของเลนส์ที่มีดีไซน์สวยงามและใช้ FilterLeica E4 1 และฮูดจากOLLUX รวมไปถึงที่ล็อคจุดโฟกัสอีกด้วย นอกจากนี้ ถึงแม้Leica M3 ไม่รองรับเลนส์ 35มม. ทางไลก้าจึงออกแบบอุปกรณ์ต่อเลนส์สำหรับรุ่น M3 โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับระยะโฟกัสได้ดีขึ้น แต่หลังจากนั้นไม่นานวัสดุที่ใช้ในการผลิตนั้นขาดตลาดจึงได้มีการหยุดการผลิตไว้ที่ จำนวนแค่ 2,000 ตัวเท่านั้น

Owner: จำนงค์ ภิรมย์ภักดี – Chamnong Bhirombhakdi

ในปี พ.ศ. 2535 บริษัท Polyphoto S.P.A. ผู้แทนจำหน่ายแบรนด์ไลก้าในประเทศอิตาลีได้สั่งผลิตกล้อง Leica M6 Colombo’92 จำนวน 200 ตัวเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 500 ปีที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) นักสำรวจชาวอิตาลีเดินเรือรอบโลกจนค้นพบทวีปอเมริกาเป็นครั้งแรก โดยกล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับเลนส์ที่เข้าเซ็ทกันอย่างเลนส์  Summicron-M 2/50mm “Columbo 92” ที่มีการสลักรหัสเลขเครื่อง 1-200 ตามจำนวนกล้องที่ผลิตในครั้งนี้ อีกทั้งยังมีการสลักทางด้านบนและด้านหลังของตัวกล้อง เป็นข้อความว่า “500 Columbo’92” และ “1492~1992 500′ SCOPERTA DELL ‘AMERICA, ITALIA” ไว้เป็นที่ระลึกความทรงจำอีกด้วย

Owner: จำนงค์ ภิรมย์ภักดี – Chamnong Bhirombhakdi

ไลก้าได้เปิดตัวกล้องดิจิตอลLEICA M9 ‘Titanium’ กล้องรุ่นที่ผลิตด้วยช่างฝีมือสุดพิเศษที่งาน Photokinaเมื่อปี 2010 ด้วยความร่วมมือและฝีมือการออกแบบจากคุณวอลเตอร์เดอซิลว่า (Walter de’Silva) หัวหน้านักออกแบบจากโฟล์คสวาแกน (Volkswagen) การร่วมมือครั้งนี้นับเป็นการตีความแบบใหม่ของกล้องรุ่น M9 ซึ่งกล้องรุ่นนี้มีเพียง 500 ตัวทั่วโลกเท่านั้น

Owner: จำนงค์ ภิรมย์ภักดี – Chamnong Bhirombhakdi

ด้วยความหลงไหลในการถ่ายภาพและกีฬาแข่งรถมาตั้งแต่เด็ก คุณเรียวมะ คาชิวากิ (RyomaKashiwagi) ใช้เวลากว่า 12 ปีในการเป็นช่างภาพผู้สื่อข่าวที่ประสบความสำเร็จด้วยการลงพื้นที่ถึงตะวันออกกลาง ก่อนที่จะทำตามความฝันของตัวเอง ด้วยการหันมาเป็นช่างภาพแนวศิลปะและแฟชั่น และกล้องรุ่น Le Mans Classic 2014 นี้คือ ผลงานออกแบบระดับมาสเตอร์พีซของเขาเองซึ่งผลิตมาเพียงจำนวน10 ตัวเท่านั้น

Owner: รชฎ อิศรางกูร ณ อยุธยา – Rachod Isarangkurana Ayudhaya

กล้อง Leica M2 เป็นกล้องRangefinder รุ่นพิเศษสำหรับเลนส์ 35มม.โดยเฉพาะ ด้วยวัสดุทีทำมาจากเงินทั้งส่วนบนและส่วนฐานรวมไปถึงเกียร์กล้องด้วยเช่นกัน กล้องนี้ถูกผลิตขึ้นในช่วงปี 1957 ถึง 1969 เพียงจำนวน 8,300 ตัว โดยส่วนใหญ่ผลิตขึ้นในช่วงที่โรงงานผลิตErnst Leitzตั้งอยู่ที่เมืองเวตส์ลาร์ ประเทศเยอรมนี และอีก 1,500 ตัวผลิตในช่วงที่โรงงานนั้นย้ายไปอยู่ที่ประเทศแคนาดา

Owner: ลอว์เรนซ์ เบ็กเคอร์ – Lawrence Becker

กล้อง Leica M3 เป็นกล้อง Rangefinder35มม. ผลิตโดยบริษัท Ernst Leitz GmbH (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท Leica Camera AG ในปี 1954)ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของไลท์ซ(Leitz) ซึ่งต่อมาได้ผลิตแค่สกรูวให้กล้องไลก้าเท่านั้น โดยกล้องรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ Leica ซีรีย์M ทั้งหมด ด้วยยอดขายรวมกว่า 220,000 ตัวในปี 1966 ซึ่งเป็นปีที่สิ้นสุดการผลิตของกล้องรุ่นนี้และคุณลอว์เรนซ์เบ็คเกอร์ได้สะสมกล้องรุ่นนี้ไว้เป็นพิเศษพร้อมด้วยเลนส์ที่หาได้ยากทั้งเลนส์ Summicron-M 50mm/f2.0และเลนส์Hektor  135mm/f4.5ที่มีผลิตในช่วงปี 1933-1960 เท่านั้น

Owner: จำนงค์ ภิรมย์ภักดี – Chamnong Bhirombhakdi

กล้อง Leica M3 เป็นกล้องรุ่นต้นกำเนิดของกล้องไลก้าซีรียส์M ที่ผลิตขึ้นในปีพ.ศ. 2497 เป็นกล้อง rangefinder 35 มิลลิเมตรเครื่องแรกที่สามารถกะระยะโฟกัส (rangefinder) และช่องมองภาพ (viewfinder) ได้พร้อมกันและยังเปลี่ยน framelinesได้โดยอัตโนมัติอีกด้วย ตัวกล้องถูกออกแบบให้มีวงแหวนตรงเม้าท์ของตัวกล้อง (screwmouth) ไว้สำหรับเปลี่ยนเลนส์ ส่วนระบบเลื่อนฟิล์มนั้นก็ถูกพัฒนาให้ใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วด้วยคันโยกแบบหมุนในการกดชัตเตอร์  (wind-on lever) โดยคุณจำนงค์จะนำกล้อง Leica M3 นี้ใช้คู่กับเลนส์ Summicron 90  f/2 พกพาตามรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯโดยเฉพาะ ซึ่งเลนส์นี้ถูกผลิตขึ้นสำเร็จในปีพ.ศ. 2500 โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเลนส์ที่โด่งดังอย่าง ดร.วอลเตอร์แมนด์เลอร์ (Dr.WalterMandler) ณ ศูนย์วิจัยเลนส์ไลก้า, รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ซึ่งเลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์รุ่นแรกที่ใช้กระจกเลนส์แลนทานัม ออกไซด์ (Lanthanum Oxide) ในการผลิต ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งในเลนส์ที่มีคุณภาพเยี่ยมและเฉียบคมที่สุดในโลกก็ว่าได้

Owner (1): จำนงค์ ภิรมย์ภักดี – Chamnong Bhirombhakdi

Owner (2): ลอว์เรนซ์ เบ็กเคอร์  – Lawrence Becker

กล้องสุดพิเศษรุ่นนี้นั้นผลิตขึ้นในปี พ.ศ.2557 เพียงจำนวน 600 ตัวเท่านั้น และกล้องของคุณจำนงค์เป็นตัวที่ 9 ซึ่งนับเป็นลำดับต้นๆ ของการผลิตเลยทีเดียว กล้องรุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีที่แบรนด์ไลก้าเปิดตัวกล้องถ่ายภาพรุ่นแรกแห่งตระกูล M ซึ่งในช่วงงานเทศกาลถ่ายภาพระดับโลกโฟโตกินา (Photokina) ประจำปีพ.ศ. 2557 ณ เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนีนั้น ทางแบรนด์ได้ถือเป็นโอกาสพิเศษในการเปิดตัวกล้องถ่ายภาพรุ่นนี้ โดยนำเสนอความพิเศษเฉพาะตัวของรุ่นลิมิเต็ทอิดิชั่นนี้ ซึ่งก็คือพัฒนาการของทั้ง 4 ระบบหลักสำคัญของตัวเครื่อง ทั้งความสามารถปรับตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ (Shutter speed), รูรับแสง (Aperture), ระบบโฟกัส และระบบการควบคุมปริมาณแสงของกล้อง (ISO Sensitivity) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของภาพถ่ายให้เหนือระดับกว่าที่เคย ตัวกล้องนั้นดีไซน์โดย Audi และใช้วัสดุที่ทำมาจาก สแตนเลสสตีลเพื่อความสวยงามสุดคลาสสิคและคงทน ส่วนตัวเครื่องนั้นไม่มีจอภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ย้อนกลับไปสัมผัสถึงบรรยากาศเมื่อครั้งที่เปิดตัวกล้องซีรีส์M ในยุคเริ่มต้น กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับเลนส์ Summilux-M 35 mm f/1.4 ASPH และเพื่อแสดงความลิมิเต็ทนี้ แต่ละเครื่องจะถูกสลักด้วยคำว่า ‘Leica 60’, ‘Leica Camera Wetzlar’ และสลักชุดรหัสตัวเลข  001/600  ถึง 600/600  เพื่อระบุหมายเลขที่ผลิตขึ้นในโอกาสพิเศษนี้โดยกล้องของคุณจำนงค์นั้นเป็นตัวที่ 9 ของคอลเลคชั่นสุดพิเศษนี้ และในขณะเดียวกันนั้น Leica 60 มีผลิตรุ่น Prototype มาด้วยเป็นจำนวนเพียง11 ตัวเท่านั้น และตัวเลนส์อีกเพียง 15 ตัว ซึ่งคุณลอว์เรนซ์เบ็คเกอร์ ได้ครอบครองทั้งกล้องและเลนส์ Prototype ตัวที่ 9 ที่ผลิตในครั้งนี้

No.HM-009/700 Owner: มนัสชัย พรโสภากุล – Manuschai Pornsopakul

No.HM-055/700 Owner: จำนงค์ ภิรมย์ภักดี – Chamnong Bhirombhakdi

No.HM-700/700 Owner: มนัสชัย พรโสภากุล – Manuschai Pornsopakul

กล้องรุ่นนี้ผลิตขึ้นในปี พ.ศ.2539 โดยกล้องของคุณจำนงค์นั้นเป็นเครื่องที่ 55 จากจำนวนทั้งหมด 700 ตัวเท่านั้น กล้องรุ่นกาญจนาภิเษกนั้น ถูกผลิตขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ทั้งตัวกล้องและและเลนส์ Summicron 50mm f/2 ชุบด้วยทองคำ 24 กะรัตและหุ้มด้วยหนังสีแดงชั้นดี ราคาอยู่ที่เครื่องละ 10,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 354,000 บาท โดยเงินของผู้ซื้อจะถูกมอบให้กับทางมูลนิธิพัฒนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อนำเงินมาพัฒนาสิ่งแวดล้อมภายในกรุงเทพมหานคร

ความพิเศษอยู่ที่รหัสระบุรุ่น HM-XXX ซึ่งมีเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้นที่ถูกสลักรหัสเลขไว้ที่ช่องเสียบอุปกรณ์ด้านหนึ่ง และรหัสการผลิตแบบปกติอยู่อีกด้านหนึ่ง อีกทั้งยังมีรหัสรุ่น HM-XXX ที่ถูกพิมพ์ไว้ที่วงแหวนของเลนส์พร้อมกับหมายเลขประจำของเลนส์อีกด้วย (ตามปกติแล้ว ตัวเลขที่อยู่บนเลนส์ของกล้องไลก้าจะไม่ตรงกับเลขที่อยู่บนช่องเสียบอุปกรณ์) ทั้งนี้ตัวอักษรHM ข้างหน้าตัวเลขนั้นย่อมาจาก”HisMajesty”เพื่อเป็นการสื่อถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯนั่นเอง

Owner: จำนงค์ ภิรมย์ภักดี – Chamnong Bhirombhakdi

เซ็ทกล้องที่ไลก้าผลิตฉลองครบรอบ 100 ปีนี้ มีจำนวนจำกัดเพียง 101 เซ็ทเท่านั้น ซึ่งความพิเศษอยู่ที่การรวบรวมไอเท็มแห่งตำนานประวัติศาสตร์ของไลก้าไว้ด้วยกัน เป็นการนำกล้องและเลนส์มาเป็นตัวเอกเล่าถึงเอกลักษณ์ของไลก้าตลอดระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมา โดยมีกล้อง Leica M-A มาเป็นรุ่นที่สื่อถึงความดั้งเดิมของการถ่ายภาพด้วยฟิลม์ของกล้อง rangefinder ในเซ็ทนั้นควบคู่มากับกล้องอีกหนึ่งรุ่นสุดสำคัญอย่าง  Leica M Monochromซึ่งกล้องทั้งสองนี้เป็นดั่งสัญลักษณ์ของแบรนด์ไลก้าที่แสดงถึงการผสมผสานความดั้งเดิมและความทันสมัยร่วมไปด้วยกัน  กล้อง Leica M-A นั้นเป็นต้นตำรับคุณสมบัติของเทคนิคที่อยู่ในกล้องฟิลม์Leica MP ในขณะเดียวกันหากต้องการภาพถ่ายตามแบบอย่างของศตวรรษที่ผ่านมาในยุคสมัยของออสการ์ บาร์แน็ค (Oskar Barnack) ก็มีกล้อง Leica M Monochromกล้องดิจิตอลที่ถ่ายภาพออกมาเป็นโทนสีขาวดำสุดเฉียบคมมาให้เลือกใช้ และเซ็ทนี้นับเป็นครั้งแรกในประวัติกาลของไลก้าที่นำวัสดุอย่างสแตนเลสสตีลชั้นดีมาผลิตสำหรับทั้งตัวกล้องและเลนส์ โดยในเซ็ทนี้จะมาพร้อมกับเลนส์ Summilux-M ที่เคลือบด้วยอะลูมิเนียมชั้นเยี่ยมทั้ง 3 แบบของทางยาวโฟกัสเลนส์ (focal lengths) มีทั้ง 28, 35 และ 50 มิลลิเมตรมาให้เลือกใช้

Leica M Monochrom Serial no.1000010

Leica M-A  Serial no.1000010

Leica Summilux-M 1:1/4/28 ASPH Serial no.4310010

Leica Summilux-M 1:1/4/35 ASPH Serial no.4320010

Leica Summilux-M 1:1/4/50 ASPH Serial no.4330010

Owner: จำนงค์ ภิรมย์ภักดี – Chamnong Bhirombhakdi

กล้องรุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษและเป็นเซ็ทที่สวยที่สุดเท่าที่ Leica MP ถูกผลิตขึ้นมา ซึ่งเซ็ทนี้เป็นเซ็ทที่ 32 จากทั้งหมดจำนวน 500 ชุด มาพร้อมกับกล้อง LEICA MP Edition Hermèsที่ทางบริษัท Leica Camera AG ประเทศเยอรมันนีริเริ่มความพิเศษของกล้อง Leica แบบเรนจ์ไฟเดอร์ในทุกๆปี กล้องรุ่นนี้หุ่มด้วยหนังลูกวัว Bareniaจากแบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง Hermès

Owner: จำนงค์ ภิรมย์ภักดี – Chamnong Bhirombhakdi

นอร์ดิก โฟโต้ (Nordic Foto) ได้ให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับแบรนด์ Leica ด้วยการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีแห่งความสัมพันธ์อันดีงามนี้โดยการสร้างสรรค์ชุดกล้องพิเศษจำนวน 25 ชุด ซึ่งวางขายเฉพาะที่ประเทศเดนมาร์กและสวีเดนเท่านั้น

Owner: จำนงค์ ภิรมย์ภักดี – Chamnong Bhirombhakdi

กล้อง Leica M6 รุ่นพิเศษรุ่นนี้ผลิตมาเพียงจำนวน 150 กล้องเท่านั้นและถูกผลิตขึ้นในปี 1995 ซึ่งบริเวณส่วนบนของตัวกล้องมีการสลักคำว่า “LEICA HISTORICA 1975-1995” พร้อมกับเลขการผลิตที่เข้าคู่กับเลนส์Summicron-M 50/f2 ซึ่งสลักไว้ที่ตัวเลนส์เช่นกัน โดยรุ่นนี้ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อฉลอง German Leica Historica Society


ข้อมูลและภาพ : ไลก้า ประเทศไทย

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.