หลังจากฝุ่นพิษ PM 2.5 กลับมาเพิ่มปริมาณในอากาศค่าเฉลี่ยสูงขึ้นอีกครั้ง ทำให้เราอดนิ่งนอนใจไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้เราหายใจเอามลพิษใดๆ เข้าไปในปอดบ้าง ด้วยอนุภาคที่เล็กมากๆ จนไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้เห็น และเพราะเป็นห่วงสุขภาพตัวเองรวมถึงคนในบ้าน เราจึงซื้อเครื่องฟอกอากาศซัมซุงมาใช้ เพราะเชื่อในมาตรฐานคุณภาพการผลิตที่มีมายาวนาน และนอกจากสุขภาพการหายใจจะดีขึ้น ยังมีอีกหลายสิ่งที่เครื่องฟอกอากาศซัมซุงทำให้เราประหลาดใจหลังได้ลองใช้
บอกไว้ก่อนว่า เครื่องฟอกอากาศของซัมซุงนั้นมีให้เลือกหลายรุ่น ได้แก่ ซัมซุง คิวบ์ AX9500 และ บลู สกาย (Blue Sky) ที่มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน คือ บลู สกาย AX7500, AX5500 และ AX3300
แต่ตัวที่เราจะเล่าให้ทุกคนฟังคือ ซัมซุง คิวบ์ AX9500 รูปทรงสุดชิคที่ไม่มีใครเหมือน
ซัมซุง คิวบ์ AX9500 มาพร้อมกับสีเงินเมทัลซิลเวอร์ วางจำหน่ายที่ราคา 28,900 บาท สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/air-purifier/
ที่มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน คือ บลู สกาย AX7500, AX5500 และ AX3300 มอบอากาศบริสุทธิ์ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น ฟอกอากาศบริสุทธิ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่ที่หลากหลายพร้อมขนาดที่กะทัดรัดและดีไซน์สวยงามเข้ากับการตกแต่งภายในบ้าน
มาพร้อมกับเทคโนโลยี 3-Way Air Flow ออกแบบช่องรับอากาศไว้ด้านหน้าตัวเครื่องเพื่อดูดอากาศเข้า และปล่อยอากาศบริสุทธิ์กระจายออกพร้อมกัน 3 ทิศทาง และด้วยพลัง Dual Power Fan จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการฟอกอากาศได้ทั่วถึงครอบคลุมทั่วทุกมุมห้อง และรวดเร็วกว่าเดิมด้วยอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) ได้เร็วถึง 701 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง พร้อมแผ่นกรองอากาศ 3 ชั้น โดยจะดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ด้วยแผ่นกรอง Pre-Filter ที่สามารถถอดล้างได้ และแผ่นกรอง Activated Carbon ช่วยดูดซับแก๊สอันตรายต่างๆ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ขั้นสุดด้วยแผ่นกรอง HEPA กรองฝุ่นอนุภาคเล็กถึงขนาด PM0.3 ได้มากถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงยับยั้งแบคทีเรียได้อีกด้วย
ออกแบบมาให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก คล่องตัวทุกการใช้งานด้วยล้อซ่อนใต้เครื่อง 4 ด้าน ดีไซน์กะทัดรัดพร้อมสามารถวางชิดติดผนังได้โดยที่ยังคงประสิทธิภาพการฟอกอากาศบริสุทธิ์ได้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ของห้อง สามารถสั่งการผ่านแอปพลิเคชัน SmartThings และสั่งการผ่านผู้ช่วยคำสั่งเสียงอัจฉริยะ Bixby พร้อม Auto Mode ระบบที่คอยตรวจจับมลภาวะในบ้าน พร้อมปรับกำลังและความเร็วลมทั้ง 3 ระดับตามความเหมาะสม ควบคุมการฟอกอากาศบริสุทธิ์โดยอัตโนมัติ ช่วยประหยัดพลังงาน หมดกังวลเรื่องค่าไฟ และ Sleep Mode ระบบที่ออกแบบมาช่วยให้ผู้ใช้นอนหลับฝันดีตลอดคืน ด้วยสายลมที่นุ่มนวล เงียบ และปราศจากแสงไฟจากจอที่รบกวนการนอน
เครื่องฟอกอากาศที่พร้อมสร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆ ด้วยดีไซน์สวยงามลงตัวการันตีด้วยรางวัล IF Design Award 2017 มาพร้อม Air Sensing Light ระบบไฟอัจฉริยะ 4 สี แสดงคุณภาพอากาศได้อย่างชัดเจนแม้มองจากระยะไกล พร้อมหูหิ้วซ่อนภายใต้ตัวเครื่องที่ทำให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายอีกด้วย
ซัมซุง บลู สกาย รุ่น AX7500 วางจำหน่ายที่ราคา 29,900 บาท รุ่น AX5500 ราคา 20,900 บาท และรุ่น AX3300 ราคา 11,900 บาท สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/air-purifier/
ก่อนหน้านี้ทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ได้ออกมารณรงค์และเตือนภัยเกี่ยวกับอันตรายจากค่าฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐาน ซึ่งวิธีการป้องกันเบื้องต้นที่เราสามารถทำได้ทันทีและทำได้ง่ายที่สุดเมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ไม่บริสุทธิ์เมื่ออยู่นอกพื้นที่อาคาร คงหนีไม่พ้นการ ‘สวมหน้ากากอนามัย N95’ และหลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตอยู่นอกอาคารเพื่อป้องกันอันตรายจากการสูดดมมลพิษเข้าสู่ร่างกาย แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการอยู่ภายในบ้านหรือที่พักอาศัยก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะปลอดภัยจากฝุ่นละออง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะยังมีฝุ่นอนุภาคเล็ก ก๊าซอันตราย และสารก่อภูมิแพ้เล็ดลอดเข้าสู่บ้านโดยที่เราไม่ทันได้สังเกต จากการที่เราเปิดประตูหรือหน้าต่าง หรือแม้กระทั่งตัวเราเองที่เป็นคนนำฝุ่นและมลภาวะติดตัวจากภายนอกเข้ามาในบ้าน
จากผลการศึกษาของ United States Environmental Protection Agency หรือ EPA หน่วยงานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ระบุว่า คนเราได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศภายในอาคารมากกว่านอกอาคาร 2 ถึง 5 เท่า เนื่องจากประชากรเกือบทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่นั้น ใช้เวลามากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์อยู่ภายในอาคาร และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการจัดการอากาศที่อยู่ภายในอาคาร จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเพื่อให้เราได้อาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่ดีมากที่สุด