เจาะลึกชีวิตในและนอกสังเวียนของ 2 นักสู้ MMA : “เดชดำรงค์” และ “สะเก็ดดาว”

เจาะลึกชีวิตในและนอกสังเวียนของ 2 นักสู้ MMA

เคยสงสัยไหมว่า มีเหตุใดอะไรที่ทำให้คนๆ หนึ่งตัดสินใจเลือกเดินบนเส้นทาง ‘นักสู้’ เส้นทางที่หลายคนมองว่ามีแต่บาดแผลจากการขึ้นชกในแต่ละไฟต์

ด้วยจังหวะและโอกาสจาก ONE Championship ทำให้เราได้พูดคุยกับ 2 นักสู่เลือดไทยไกลถึงสิงคโปร์ “เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค” นักมวยที่สู้บนสังเวียนมวยไทยมาตลอด 20 ปี พร้อมชัยชนะมากกว่า 300 ครั้ง ซึ่งขณะนี้ได้ผันตัวมาเป็นนักสู้ในกีฬา MMA ให้กับ ONE Championship แถมยังเคยครองแชมป์รุ่นสตรอว์เวท และ “สะเก็ดดาว เพชรพญาไท” เจ้าของฉายาดาวมฤตยู ที่เพิ่งคว้าชัยชนะจากเวที ONE Championship เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา …เราจึงขอนำเสนอเรื่องราวทั้งในสังเวียนและนอกสังเวียนของพวกเขามาให้ได้ฟังกัน

• จุดเริ่มต้นบนเส้นทาง “เวทีมวยไทย” ก่อนผันตัวมาเป็น “นักสู้” ให้ MMA

สะเก็ดดาว: ก็เริ่มมาจากความลำบาก ผมอยากหารายได้ช่วยพ่อแม่ คือเป็นกีฬาอะไรก็ได้ ที่ทำคนเดียว สู้คนเดียว ที่ผมสามารถเก่งได้ ผมก็คิดว่าการต่อยมวยไทย ผมก็น่าจะแบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้บ้าง

• แล้วผันตัวมาเป็นนักสู้ MMA ได้ยังไง

สะเก็ดดาว: ตอนแรกเลยเห็นพี่เขา (เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค) ได้แชมป์ MMA มันเป็นแรงจูงใจ พอเห็นพี่เขาได้แชมป์ผมก็อยากมา ก็มาเป็นครูมวยที่นี่ก่อน (ยิม Evolve ที่สิงคโปร์) แล้วผมรู้สึกว่าถ้าผมปล่อยร่างกายทิ้งเฉยๆ ซึ่งผมอายุยังน้อยครับ ก็น่าจะหันมาเล่นกีฬา มาออกกำลังกาย มาซ้อมมวยไทยดีกว่า

ตอนแรกก็ไม่ประสบความสำเร็จคือพอมาแล้วรู้สึกว่า MMA ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เลยหยุดไปพักหนึ่ง แล้วพอมาครั้งที่สอง ผมก็เริ่มโอเค พี่เขาก็คอยแนะนำตลอดว่า ต้องสู้ยังไง ซ้อมยังไง มีพี่เขาช่วยผลักดันเราขึ้นมา ทำให้ได้มาอยู่ในทีมเดียวกัน ได้ชกครั้งแรกที่เมืองไทย ก็ชนะ ประสบความสำเร็จ เราก็เลยชกมาเรื่อยๆ

เดชดำรงค์: ตอนแรกเข้ามาก็หวังจะได้เป็นครูมวย เมื่อก่อนอยู่ที่ญี่ปุ่น 5 ปี แล้วก็มีเพื่อนแนะนำมาที่นี่ แต่เราก็ไม่เคยคิดว่าจะมาได้ชก MMA เพราะว่าในใจก็ไม่ค่อยอยากชกด้วย แต่พอมาอยู่ที่นี่ (ยิม Evolve ที่สิงคโปร์) ก็ได้มาเห็นเพื่อนชาวบราซิล เขาชก MMA ทุกคนเขาเก่ง แล้วเขาก็มาเรียนมวยไทยกับเรา แล้วเราก็มีของดีอยู่ในตัว ก็เลยลองหันมาเล่น

(ขวา) สะเก็ดดาว เพชรพญาไท และ (ซ้าย) เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค

• เมื่อได้ชก MMA แล้วรู้สึกประทับใจไหม

เดชดำรงค์: ผมคิดว่า MMA เป็นศิลปะที่ท้าทายตัวเอง ศาสตร์กีฬาการป้องกันตัว มันมีมนตร์ขังอยู่ในตัว แล้วเราเอามาประยุกต์ใช้มาในรูปแบบการต่อสู้ ผมชอบกีฬาที่มีศาสตร์ที่มีมนตร์ขังอยู่ในตัวครับ

ตอนนี้ MMA ที่เมืองไทย คนเริ่มรู้จัก เริ่มเปิดรับกว้างขึ้นแล้ว เพราะว่ามีการถ่ายทอดให้ได้ดู คนก็เริ่มรู้ว่าการสู้ของกีฬา MMA ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด เหมือนผม เมื่อก่อนผมก็คิดว่า การต่อยมวยแบบนี้มันไม่ใช่ มวยไทยเราจะมีความเป็นสุภาพบุรุษ ล้มแล้วห้ามซ้ำ คือเราถูกปลูกฝังมาอย่างนั้น แต่มวย MMA เราต้องเปลี่ยนกฎใหม่ แต่ข้อดีของ MMA คือถ้าเราไม่ไหวเรายอมแพ้ได้ หรือกรรมการสั่งให้แพ้ได้ แต่ถ้าเป็นมวยไทยต้องชกต่อเนื่อง

สะเก็ดดาว: ตอนแรกผมก็ไม่ชอบครับ ผมก็ไม่รู้ว่า MMA มันเป็นแบบไหน แต่ว่าพอได้มาคลุกคลี ได้มาซ้อมดู ก็ไอเคครับมันไม่อันตรายอย่างที่คิด คือถ้าคู่ชกเราสู้ไม่ได้ หรือเราสู้ไม่ได้ กรรมการจะยุติ คือจะเซฟตัวนักมวย ต่างจากมวยไทย คือมวยไทยถ้าเราสู้ไม่ได้ เราก็ต้องสู้ครับ จนถึงยกสุดท้าย แต่ MMA เขาจะเซฟนักมวย คือถ้านักมวยเจ็บ นักมวยสู้ไม่ได้ เขาจะยุติครับ ตรงนี้ทำให้ผมชอบ MMA ครับ

แล้ว MMA มีเสน่ห์อย่างหนึ่งครับ มันทำให้เรารู้สึกตื่นตัว มันเป็นกีฬารูปแบบใหม่ เป็นกีฬาที่ดีครับ ตอนแรกผมคิดว่ามันอันตรายและน่ากลัว พอเราทำความรู้จักและเข้าใจ เราก็พบว่ามันเป็นกีฬาที่ดีสำหรับตัวเรา

การสู้ทุกครั้ง ผมไม่ยอมแพ้ ถึงผมจะพลาดพลั้งไป แต่ผมไม่ได้หยุดที่ตรงนั้น ผมสามารถกลับมายืนหยัดใหม่ได้… – เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค

เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค (ภาพจาก onefc.com)

• เดชดำรงชก MMA มา 3-4 ปีแล้ว ชกมาหลายไฟต์แล้วด้วย ประทับใจไฟต์ไหนที่สุด

เดชดำรงค์: ไฟต์ที่ประทับใจคือไฟต์ที่ผมมีโอกาสได้ชิงแชมป์ แต่ผมชก MMA มา ผมก็ประทับใจทุกไฟท์ แต่ว่าที่ประทับใจที่สุดคือ ไฟต์ที่เราสามารถเดินมาทางสาย MMA ได้ครองแชมป์ เพราะ MMA เป็นกีฬาที่แปลกใหม่สำหรับผมและผมสามารถทำได้ ผมอยากให้เด็กไทยมีโอกาสที่จะได้ขึ้นมาบนเวทีมวยกรง ซึ่งแต่ก่อนในบ้านเราไม่มี จนกระทั่ง One championship ได้ไปจัดที่บ้านเรา ทำให้เด็กไทยอยากชกขึ้นมา ผมภูมิใจตรงนั้น

แต่ไฟต์ที่เสียแชมป์และไปเสียแชมป์ที่เมืองไทยด้วย คือไฟต์ที่เสียใจที่สุดในชีวิต การกลับมาครั้งนี้คือเรามุ่งมั่นมาก การได้แชมป์มา มันยาก และการรักษาแชมป์ยิ่งยากกว่า

• แล้วการที่เราเป็นมวยไทยมาก่อน ทำให้เราได้เปรียบมากไหม

สะเก็ดดาว: ก็ได้เปรียบครับ ได้เปรียบเยอะครับ เพราะเราเป็นมวยไทย พวกท่ายืนเราเลยได้อยู่แล้วครับ เวลาเราแตะออกไป ถ้าเราไม่มีหลักที่มั่นคง เขา take down เราลง เขาก็สามารถชนะเราได้อย่างง่ายดาย ถ้าเราป้องกันเรื่อง take down เราก็สามารถใช้มวยไทยเผด็จศึกหรือเอาชนะเขาได้เหมือนกัน เพราะว่าถ้ามวยไทย เขาสู้เราไม่ได้ ส่วนท่าต่อสู้แบบนอนหลายๆ ท่า ฝึกเยอะๆ สักวันหนึ่งเราก็สามารถก้าวขึ้นไปสู่ในจุดที่เราหวังไว้

สะเก็ดดาว เพชรพญาไท (ภาพจาก onefc.com)

• คิดว่าจุดเด่นของตัวเองคืออะไร

เดชดำรงค์: จุดเด่นของผมคือการสู้ทุกครั้ง ผมไม่ยอมแพ้ ถึงผมจะพลาดพลั้งไป แต่ผมไม่ได้หยุดที่ตรงนั้น ผมสามารถกลับมายืนหยัดใหม่ได้ ซึ่งผมก็ตั้งเป้าว่า ต้องทำให้ได้ ซึ่งมันเป็นเป้าหมายว่าเราต้องกลับมาเป็นแชมป์ให้ได้อีกครั้งหนึ่ง

สะเก็ดดาว: ถ้าจุดเด่นในแง่การชก คือสไตล์มวยไทย ถ้าสมมติว่าเขา take down เรา เราก็สามารถลุกขึ้นได้ จุดเด่นของผมคือ ศอกและเข่า ที่จะทำให้เผด็จศึกคู่ต่อสู้ได้

• มีไอดอลในดวงใจกันไหม

เดชดำรงค์: ตอนมาแรกๆ ในกีฬานี้ ผมยังไม่ได้มีไอดอลหรือความประทับใจ เราอาศัยแค่ว่าเราเป็นมวยไทย เรามีของดีอยู่แล้ว พอมาเรียนกับเพื่อนๆ มาชก แล้วประสบความสำเร็จ ผมก็ภูมิใจในตัวเอง สามารถดึงน้องๆ นักมวยไทยมา ให้น้องๆ ได้ลองสู้กับมวยกรงดู เพราะว่าน้องๆ บางคนก็เลิกเล่นมวยไทยแล้ว มวยไทยประมาณ 20 กว่าปีก็เลือกเล่นแล้ว แต่ว่า MMA ผมอายุ 30 กว่าก็ยังชกได้

สะเก็ดดาว: ไอดอลผมคือครูรงค์ (เดชดำรงค์) ครับ

เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค

• แล้วมีคู่ชกในใจที่อยากลองขึ้นชกด้วยสักครั้งไหม

สะเก็ดดาว: ในใจลึกๆ ผมก็อยากต่อยกับ ‘มาร์ติน เหงียน’ (Martin Nguyen – แชมป์รุ่น Featherweight และรุ่น Lightweight) แต่ว่าชั้นเชิงและในรูปแบบ MMA ผมยังไม่ถึงเขา แต่ว่าเชิงมวยไทย ผมเชื่อว่าผมสามารถสู้ได้ แต่หากเป็นเวที MMA ผมยังไม่ถึงเขา

เดชดำรงค์: สำหรับผม ผมพร้อมเสมอ คู่ไหนก็ได้ เพราะทุกครั้งผมเตรียมตัวอย่างดี ก็เลยพร้อมกับทุกคน

…การได้แชมป์มา มันยาก และการรักษาแชมป์ยิ่งยากกว่า – เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค

• เคยรู้สึกท้อบ้างไหม แล้วทำยังไงจึงสามารถลุกมาใหม่ได้

สะเก็ดดาว: โอ้ย! เยอะครับ เวลาท้อผมก็จะเดินออกจากปัญหา แล้วกลับไปตั้งหน้าตั้งตาซ้อมใหม่ ผมจะกลับมาย้อนมองว่าปัญหามันเกิดจากตรงไหน แล้วเราก็ค่อยหันไปแก้ไข

เดชดำรงค์: คือเราเอาคำตำหนิที่ได้มา เป็นแรงผลักดันให้เราลุกขึ้นสู้ อย่างในท่านอนเราก็ไม่ได้ชำนาญมาตั้งแต่ต้น แต่ถ้ามวยไทย เราเต็ม 100% อยู่แล้ว แต่ท่านอนเราก็พยายามเรียนมาเรื่อยๆ เรียนมาตลอด เรียนทุกวัน

สะเก็ดดาว เพชรพญาไท

• วางเป้าหมายบนเส้นทาง MMA ไว้อย่างไรกันบ้าง

เดชดำรงค์: เป้าหมายของผมตอนนี้ คือต้องการเอาแชมป์กลับมาจากโนบิตะ (Yoshitaka Naito แชมป์รุ่น Strawweight เจ้าของฉายา Nobita) ให้ได้

สะเก็ดดาว : ก็ไม่ได้หวังอะไรมาก ยังไม่ได้หวังถึงแชมป์โลก แค่ทำไฟต์ต่อไฟต์ให้ดีที่สุดครับ อนาคตข้างหน้าก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง คือการเป็นแชมป์ ถามว่าเรามีโอกาสไหม ก็มีโอกาส ถ้าเราขยันและตั้งใจ ทุกคนก็มีโอกาสที่จะเข้าชิงแชมป์

• หากไม่เป็นนักมวย อาชีพในฝันอยากเป็นอะไรหรือทำอะไร

สะเก็ดดาว: ตำรวจครับ ทหารก็ได้ คือ หนึ่ง เป็นอาชีพราชการ ด้วยสวัสดิการต่างๆ จะเป็นประโยชน์กับพ่อแม่ แล้วเราก็เป็นผู้ชายเลยอยากเป็นทหารหรือตำรวจที่ช่วยเหลือประชาชนได้ แต่พอเบนเข็มมาเป็นนักมวย เราก็โอเค แต่เรามีวิชามวย เราก็มาสอนมวย มาสอนลูกศิษย์ เราก็มีความสุขกับตรงนี้

เดชดำรงค์: ผมอยากทำธุรกิจส่วนตัวมากกว่า เปิดร้านอยู่ที่บ้าน

…เราเอาคำตำหนิที่ได้มา เป็นแรงผลักดันให้เราลุกขึ้นสู้ – เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค

…เวลาท้อผมก็จะเดินออกจากปัญหา แล้วกลับไปตั้งหน้าตั้งตาซ้อมใหม่ – สะเก็ดดาว เพชรพญาไท


ภาพบางส่วนจาก onefc.com
เรื่องและภาพโดย Taliw


SEE MORE…

http://www.favforward.com/36149/trend/sport/mma/

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.