แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ชีวิตนางฟ้าของ เติ้น-รัชนีวรรณ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอต้องผ่านด่านวัดใจอีกหลายด่าน โดยเฉพาะเรื่อง แต่งหน้าแต่งตัว ที่ดูไม่น่าใช่ปัญหาของแอร์ แต่กลายเป็นปัญหาสำหรับ ทอม อย่าง เติ้น นี่ยังไม่นับที่เธอต้องเจอผู้โดยสารเหวี่ยงวีนตามอำเภอใจ และประสบการณ์ลุ้นระทึกระหว่างบิน เติ้น จะรับมืออย่างไร ตามมาฟังจากปากของเธอเลยดีกว่า
“เป็นแอร์ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นแอร์มืออาชีพยากกว่าเยอะ”
มีอะไรกดดันมั้ยเหรอ ไม่มีนะ เพราะความอยากเป็นมันทำให้ไม่สนคำครหา ชั้นมั่นใจว่า ชั้นสวย มีแต่คนชมว่า สวยเหมือน เจี๊ยบ โสภิตนภา กล้าพูดเนอะ (หัวเราะอารมณ์ดี)
กดดันตอนเทรนนี่แหละ พอครูเค้ารู้ว่า ชั้นเป็น ทอม เค้าเลยมาเข้มงวดกับชั้นมากหน่อย เรื่องแต่งหน้าทาปากอะไรพวกนี้ แต่ชั้นแรดเกิน ทอม ก็เลยสบาย ในที่ทำงาน ถ้าไม่บอกว่าเป็น ทอม ก็ไม่มีใครเชื่อนะ คือเราไม่โดนเข้มงวดมานานเนอะ นึกออกมะ ตอนอยู่มัธยมก็ไว้ผมยาว มัดผมรวบตึง อยู่มหาลัยก็ไม่ได้ strict อะไรเลย แค่ใส่ชุดนิสิตให้ถูกระเบียบ ปกติไปเรียน แต่งตัวไม่เกินสิบนาที ขนาดวันรับปริญญาก็ไม่แต่งหน้า ทาแค่แป้งโคโดโมะ ก็สวยได้ เพราะสวยธรรมชาติอยู่แล้ว (หัวเราะ) พอเข้าการบินไทย ถูกเข้มงวดทุกอย่าง เลยเครียดนิดนึง
แต่อย่างที่บอกว่า ความอยากเป็นแอร์การบินไทยทำให้ชั้นแรดได้ ทำทุกอย่างที่เค้าอยากให้ทำ แต่งหน้า ทาเล็บ เซ็ตผม พรมน้ำหอม ใส่กระโปรง สวมถุงน่อง ถอดแว่น ใส่คอนแทคเลนส์ ชั้นทำทั้งหมดที่บอกไปเรียนทุกวันนะจ๊ะ
กว่าสองเดือนที่ชั้นก็ต้องหัดแต่ง หัดใส่ให้เป็น แต่จนป่านนี้ยอมรับว่า สีเขียนตา สีเขียนคิ้ว สีทาแก้ม บอกตรงๆ ชั้นยังจำสลับกันอยู่เลย (แสดงว่า ตอนนั้น แต่งมั่ว) ก็สีคล้ายๆ กัน แต่งๆ ไป ไม่มีใครจับได้หรอก เฮ้ย-ย-ย ไม่มั่วๆ (หัวเราะ) ตอนนั้นแฟนชั้นน่ารักมาก (หันไปสบตากับ พี่โรส แฟนสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกลกัน แล้วยิ้มหวานให้หนึ่งที) เค้าใช้ปากกาเมจิกสีชมพูสะท้อนแสงเขียนชัดๆ ว่า “แก้ม” “คิ้ว” “ตา” ” ิ “ (สระอิ หมายถึง ขอบตาบน) จะได้ไม่งง ไม่อย่างงั้น ชั้นอาจเอาสีทาแก้มมาทาตาก็เป็นได้ ยกเว้นมาสคาร่า ชั้นจำได้นะ เอาไว้ปัดขนตา ใช่มั้ย (เก่งมาก-ก-ก พี่โรสชมเสียงหวาน)
เรื่องใส่คอนแทคเลนส์ก็เป็นปัญหานะ จำได้ว่าตอนแรกทรมานมาก ตอนใส่ ใส่ได้สบายไม่ยากมาก แต่ตอนถอด กว่าจะถอดได้เป็นชั่วโมง ตอนนี้เหรอ ไม่ถึงสามวินาที จบค่ะ (หัวเราะ) ส่วนเรื่องทาเล็บก็กลายเป็นเรื่องขำๆ ตอนนั้นบริษัทอนุญาตให้ทาได้สามสี แดง ส้ม ชมพู ชั้นเลือกสีแดงเลยค่ะ ชัดๆ กันไป แต่เคยลองทาเองแล้ว ไปไม่รอด สุดท้ายเข้าร้าน จ้างเค้าทาสิคะ สวย เนียน เป๊ะ อยู่ได้หลายวันกว่าสีจะลอก ช่วงนั้นหลังเทรนเสร็จตอนเย็นก็เปลี่ยนชุดไปหาข้าวกินตามห้าง ต้องเดินกำมือตลอดค่ะ เพราะชุดกับสีเล็บมันไปด้วยกัน…ดี๊ดี (พูดประชด) เวลาไปซื้อของ บางทีเผลอหยิบของขึ้นมาดู เด็กที่ร้านชอบเงยหน้าขึ้นมามอง คงคิดในใจ ตกลงเป็น ทอม หรือตัวอะไรกันแน่วะ (หัวเราะร่า)
ไฟล์ทแรกเหรอ ไฟล์ทนั้นเค้าเรียกว่า SN (Supernumerary) คล้ายๆ ไปทดลองงานมากกว่า เหมือนเป็นตัวแถม แล้วแต่หัวหน้าไฟล์ทนั้นเค้าตัดสินใจว่า จะให้เราทำเลย หรือแค่ตามไปดูรุ่นพี่ทำงาน โชคดี ไฟล์ทนั้นบินไปกรุงมะลิลา ฟิลิปปินส์ ผู้โดยสารน้อย เราก็เลยได้ทำงานจริง โดยมีพี่เลี้ยงอยู่ในครัวคอยมองดูเราทำงาน
มีสิ เจอดีเลย มีผู้โดยสารเป็นลุงฝรั่งแก่ๆ นั่งมองชั้นตลอดเวลา ก็คิดว่า ลุงต้องปิ๊งชั้นแน่เลย เพราะชั้นสวย พูดเล่นนะ ชั้นทำอะไรก็มอง ชั้นแจกผ้าร้อนให้เค้า มีผู้หญิงนั่งข้างๆ ลุงแกก็บอก lady first แล้วก็มองตามจนชั้นเริ่มไม่มั่นใจว่า ตกลงชอบชั้น หรือว่าชั้นทำอะไรผิดวะเนี่ย รอบสุดท้ายที่เดินผ่าน ลุงแกก็ถามชั้นว่า คุณชื่ออะไร เข้าใจมะ เด็กใหม่อ่ะ เวลาถูกถามชื่อ ก็นึกในใจว่า ไฟล์ทแรกก็จะโดน complain ซะแล้ว ประมาณว่า โดนด่าแน่เลย เป็นแอร์ไม่รอดแล้วช้าน-น-น พอชั้นบอกชื่อไป ชั้นก็เริ่มเครียด ลุงคงสังเกตเห็นว่า ปากแดง แก้มแดง แต่หน้าซีดมาก-ก-ก (หัวเราะ) เลยบอกว่า ผมจะเขียนชมคุณนะ พอได้ยินอย่างนั้น ก็ใจชื้นสิคะ บอกลุงกลับไปว่า ตอนแรกนึกว่าชั้นทำอะไรผิดซะอีก นี่คือไฟล์ทแรกของชั้นเลยนะ ลุงทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก็พูดย้ำ ผมกำลังจะเขียนชมคุณจริงๆ โอ้ววว โล่งอกเลยสิคะ เกือบไม่รอดซะแล้ว
เค้าชมว่า มารยาทดี ยิ้มแย้มแจ่มใส อะไรประมาณนี้ อยากเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้เหมือนกัน แต่ต้องส่งกลับเข้าบริษัท ตอนนั้นไม่ทันคิด พอได้รับคำชมก็มีกำลังใจนะ เหมือนมาถูกทางแล้ว ผู้โดยสารประทับใจในการบริการของชั้น ตามระเบียบบริษัท หลังบินจบสองไฟล์ทจะต้องกลับไปเล่าให้ครูฟัง ไปบินแล้วเป็นยังไง เจออะไรมาบ้าง ชั้นก็เล่าให้ครูฟังว่า หนูได้จดหมายชม ครูก็ไม่พูดไร แต่ชั้นคิดว่า ครูต้องภูมิใจกับลูกศิษย์คนนี้แน่ๆ (มโนเองหรือเปล่า ) ไม่มโนนะ ชั้นเห็นครูแอบยิ้มให้ชั้นจริงๆ (หัวเราะร่า)
ไป เกาหลี-ฮ่องกง ไฟล์ทแรกไปกับเพื่อนในห้อง ต้องใส่ชุดไทย คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้หญิง แต่พอดีชั้นเป็น ทอม ที่ใส่สไบไม่เป็น พยามติดสไบอยู่ในห้องน้ำนานมาก แต่ก็ติดไม่ได้ซะที ต้องโดนด่าแน่ๆ ประมาณว่า บินไฟล์ทแรกก็อู้แล้ว สุดท้ายเดินถือสไบออกมาบอกพี่เค้าว่า หนูใส่สไบไม่ได้ พี่เค้าเลยสอนใส่สไบให้ มีวิธีให้จำง่ายๆ พูดถึงเรื่องนี้ชั้นอยากจะกลับไปขอบคุณพี่เค้านะที่ทำให้ชั้นใส่สไบได้ตลอดสิบปีจนถึงทุกวันนี้
แขกข้ามคืน คือ บินหกโมงเย็นวันนี้ แล้วบินกลับมาหกโมงเช้า มันไม่ได้นอนเต็มอิ่ม ได้นอนแค่ชั่วโมงเดียว ต้องนั่งพัก ไม่มีที่นอนให้ รวมถึงพฤติกรรมความเยอะของแขกด้วย (เรื่องนี้ได้ยินแอร์บ่นกันเยอะ) ใช่ เหนื่อยจริง เยอะจริง
สำหรับเรานะ ชาติที่น่ากลัวที่สุด อาจจะน่ากลัวกว่าแขกก็ได้มั้ง ขอละไว้ได้มั้ย (บอกอักษรย่อก็ได้) ไม่ต้องย่อหรอก จะบอกก็ได้ ชาติไทยนี่แหละ (นั่นไงคิดไว้แล้ว) ชาติไทยน่ากลัวสุด แขกมันเรื่องมากจริง แต่มันจบนะ คนไทยไม่จบ เวลาคนไทยขึ้นสายการบินอื่น คนไทยจะนั่งเรียบร้อย ไม่เยอะ ไม่เรื่องมาก แต่เมื่อไหร่ที่คนไทยขึ้นสายการบินไทยด้วยกันเอง คนไทยจะเยอะแบบบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่พวกเรา(ลูกเรือการบินไทย)ไม่เคยคิดว่า ต้องบริการฝรั่งดีกว่าคนไทยเลยนะ
ไม่มี๊… นั่นมันมีแต่ในหนัง สี่แพร่ง เรื่องจริงเค้าไม่ทำกันหรอก ถามว่าเคยหมั่นไส้ผู้โดยสารมั้ย ตอบเลยว่า มี แต่ทำไม่ได้อ่ะ เม้าท์กันแล้วก็จบ เคยมีเคสกดเรียกขอโค้กหนึ่งแก้ว แล้ววิธีทำโค้กบนเครื่องบิน ไม่ได้แปลว่า เดินเข้าไปในครัวแล้วตักน้ำแข็งจากถังที่ตั้งไว้แล้วเทน้ำได้เลยเหมือนในร้านอาหารนะ มันต้องเปิดตู้หยิบที่คีบน้ำแข็ง เปิดอีกตู้หยิบถังน้ำแข็ง เปิดอีกตู้หยิบแก้ว เปิดอีกตู้หยิบโค้กแล้วเท นึกออกมั้ย ทำโค้กหนึ่งแก้วมันต้องใช้เวลา บางทีผู้โดยสารไม่เข้าใจ รอนาน ยังไม่ได้ซักที ก็ขอซ้ำกับแอร์อีกคนหนึ่ง โดยที่ไม่บอกว่าขอไปรอบนึงแล้ว แต่ยังไม่ได้ แล้วแอร์ก็ไปยืนทำโค้กคู่กันให้ผู้โดยสารคนเดียวกันนี่แหละ จริงๆ ก็ไม่ได้แกล้งนะ แต่ขอสองครั้ง ก็ได้สองแก้ว ตรงไปตรงมา แต่บางทีเจอเคสขอซ้ำแบบนี้ ก็เดินไปบอกเลยนะ พี่คะ หนูเห็นพี่ขอน้องอีกคนไว้ใช่มั้ยคะ คราวหน้ารบกวนพี่บอกน้องคนนั้นหน่อยนะคะว่า ได้ขอแอร์อีกคนนึงไปแล้ว (ยิ้มเย็น ยิ้มสวย) เป็นแอร์ต้องไม่โกรธ ไม่จิก ไม่วีน ไม่เหวี่ยง ค่ะ ตามนั้นค่ะ (ยิ้มสวยอีกรอบ)
มันเป็นเคสที่ไม่ถึงกับหนักหนาอะไรนะ อย่างไฟล์ทบินใกล้ๆ เช่น ไปขอนแก่น นั่งเครื่อง 40 นาที ไม่รวม take-off และ landing บริการจริงๆ 20 นาทีหรือน้อยกว่านั้น มีผู้โดยสารประมาณ 200 คน แล้วแอร์ข้างหลังมี 4 คน ฝั่งละสอง เท่ากับว่า มีเวลาน้อยมาก สมัยก่อนการบินไทยจะเสิร์ฟอาหารเป็นกล่องใหญ่ๆ ก็ไล่ไปจนถึงสุดทางแล้วค่อยกลับมาเสิร์ฟน้ำ ไล่ตามสเต็ป จะเจอประมาณว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมขอโค้กแล้วไม่ได้ซักที คือเวลาผู้โดยสารนั่ง จะไม่ได้หันไปดูว่า มันมีอีกกี่แถวข้างหลังเรา ก็ไม่เข้าใจ พอตอนเก็บก็มีขอ นู้น นี่ นั่น เพิ่มอีก ได้แต่บอกไปว่า ไม่ทันแล้วค่ะ คือ ตอนเก็บ เครื่องบิน landing เสร็จแล้วนะ เชื่อป่ะว่า ไฟลท์แรกที่ไปขอนแก่น รักแร้เปียกสองข้างเลย หลังจากนั้นก็กลับไปบอกญาติพี่น้องทุกคนว่า ไปขอนแก่นอย่าขอโค้ก คือ ถ้าอยากกินโค้ก ซื้อในเซเว่นที่กรุงเทพก็ได้ เข้าใจตรงกันนะ
ใช่ เจอไฟลท์แขกเคสนึง แขกมักชอบขอหมดทุกสิ่งอย่าง คือ เอาให้คุ้ม ตอนเดินใกล้กลับเข้าครัวแล้วเจอแขกด่าว่า อยู่ใกล้ครัว ทำไมยูว์ช้า ทำไมวิสกี้หมด ยูว์นั่น ยูว์นี่ ชั้นถึงกับลงไปนั่งแล้วบอกแขกไปว่า ยูว์หันไปมองข้างหลังนะ (ทำเสียงสั่นมาก) ชั้นออกมาจากตรงห้องน้ำแล้วยูว์เห็นมั้ยว่า ไฟล์ทมันเต็มทุกที่นั่ง ยูว์เห็นมั้ยว่า ชั้นเดินคนเดียว รถคันเล็กๆ คันเดียว แล้วทุกคนก็ขอแบบยูว์นี่แหละ คนละแก้วสองแก้วกว่าจะมาถึง ก็หมดพอดี ชั้นขอโทษด้วยนะยูว์ แต่อยากให้ยูว์รู้ว่า ทำไมชั้นถึงมาช้า ไม่ใช่ว่าชั้นอยากมาช้า นางก็เดินเข้าไปในครัว ไปขอจดหมาย complain ซวยละช้าน-น-น แต่กลับเป็นว่า จากด่ากลายเป็นเขียนชมชั้น ซะงั้น แต่ฉบับนี้ชั้นถ่ายเก็บไว้ดูนะ ตอนนั้นชั้นมีไอโฟนถ่ายได้แล้ว (หัวเราะ) เค้าบอกว่า You are my angel เลยนะ การบินไทยควรจะเพิ่มเงินเดือนให้แอร์คนนี้ งานนี้ก็ปลื้มสิคะ
เคยโดนครั้งนึง คือ ผู้โดยสารทำน้ำหกใส่เบาะตัวเอง จนนั่งไม่ได้ แล้วมา complain ว่า เราทำน้ำหกใส่ แล้วบอกว่าเราทำงานช้า ไม่รีบมา เข้าใจมะ ผู้โดยสารคนนี้นั่งแถวที่สามจากด้านหน้า เดินเสิร์ฟเสร็จกว่าชั้นจะกลับเข้าครัวก็ไม่ได้ยินเสียงตอนกดเรียกไง (เสียงกดเรียกจะได้ยินเฉพาะในห้องครัว เพื่อไม่เป็นการรบกวนผู้โดยสารคนอื่น) พอชั้นเข้าครัวแล้วเห็นมีไฟผู้โดยสารเรียกติด ก็รีบวิ่งกลับไปทันที ปกติถึงครัวจะต้องเคลียร์รถก่อน ถ้าไม่เคลียร์ ถือว่าผิดมาก ไม่รู้จักหน้าที่ ไม่รับผิดชอบ เค้าเรียกว่า ผู้กอง คือ กองไว้ให้คนอื่นทำแทน แต่เวลานั้นชั้นวิ่งกลับไปทันที จริงๆ ตอนนั้นก็มีสจ๊วตอยู่ในครัวนะ แต่เค้าก็ไม่ออกมาไง งานนี้สจ๊วตไม่โดน complain แต่ แอร์โดนแทน สุดท้ายเค้าว่าชั้นมาช้า ชั้นเสียใจมาก (เรื่องดูซีเรียส แต่คนเล่าหน้าตาเปื้อนยิ้ม เล่าไป ขำไป)
ไฟล์ทพม่า ครั้งแรกไปกำลังจะ take-off วิ่งๆ อยู่ เบรกเอี๊ยด-ด-ด แล้ววิ่งวนกลับมาใหม่ เพราะเจอพายุฝนอยู่ข้างหน้า รอบแรกยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ อย่างน้อยเครื่องยังอยู่บนดิน
อีกรอบคือ บินไปถึงพม่าแล้ว กัปตันบอกว่า ล้อยางรั่วเดี๋ยวต้องรอเปลี่ยนอะไหล่ แล้วค่อยดีเลย์ไฟลท์กลับ แต่พม่าไม่มีของต้องรอช่าง ระหว่างรอ กัปตันดันมาเล่าให้ฟังว่า ผมเพิ่งไปดูดวงมา หมอดูทักว่า ผมชะตาขาด (จะเล่าให้ฟังทำไมเนี่ย) แต่ก็ไม่เป็นไรนะ ผมไปสะเดาะเคราะห์มาแล้ว ผมไปนอนในโลง บังสกุลเป็น-บังสกุลตาย มาละ สักพักช่างวิ่งตัวเปียกซกมาเลย บอกว่าไม่มีของ กัปตันบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวเติมลมแล้วบินกลับกรุงเทพฯ เลยละกัน ระหว่างบินอยู่ กำลังเดินชา กาแฟ เครื่องลดระดับ เราก็ เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น เครื่องเพิ่งขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะถึงเร็วขนาดนี้ พอลดระดับก็เปิดสัญญาณรัดเข็มขัด บร๊ะเจ้าช่วย แล้วกัปตันก็ประกาศให้ลูกเรือทุกคนนั่งอยู่กับที่ (เพื่อให้ผู้โดยสารตั้งใจฟัง ไม่วอกแวกกับแอร์) กัปตันบอกว่า มีปัญหาที่ล้อ ไม่ใช่ล้อข้างหน้าที่รั่วก่อนหน้านั้นนะ แต่เกิดความร้อนขึ้นที่ล้อตรงกลางเครื่อง Main Gear ต้องลดระดับความสูงแล้วกางล้อกลางอากาศ เพื่อให้ลมพัดความร้อนออกไป นั่นคือรอบสอง
รอบที่สามน่ากลัวสุด พอเครื่อง take-off แล้วมีเสียงดังนิดนึงจากห้องเครื่อง ลูกเรือที่บินบ่อยๆ จะจับสังเกตได้ว่า เสียงไหนคือผิดปกติ ก็เอะใจตั้งแต่เครื่องขึ้นแล้ว เวลานั้นผู้โดยสารร้องไห้ไปแล้ว เราต้องเข้าไปปลอบ เราก็กลัวนะ แต่ด้วยหน้าที่ เราแสดงออกไม่ได้ ทำใจดีสู้เสือ สักพักมีโทรศัพท์จากข้างหน้าบอกว่า ล้อเก็บไม่ได้ 1 ข้าง ถือว่าอันตรายมาก เพราะเป็นจุดศูนย์ถ่วงของเครื่องบิน ต้องบินกลับทันที หลังผ่านความลุ้นระทึกถึงสามครั้งก็ขยาด ไม่กล้าบินไปพม่าอีกเลย
ความสุขของชั้น คือ เป็นนางฟ้าทำงานบริการอยู่บนเครื่องบิน อย่างที่บอกแหละ แต่มีครั้งนึงที่ได้บริการผู้โดยสารที่นั่ง wheel chair ไปแข่งพาราลิมปิค วันนั้นมีประมาณ 20-30 คนได้ เป็นต่างชาติ เป็นไฟล์ทบินกลับจากการแข่งขัน เราต้องดูแลเขา ต้องอุ้มเขาเข้าห้องน้ำ ลุ้นมากกลัวจะทำเขาตกโถส้วม รู้สึกดีมากนะที่เราได้ดูแลพวกเขา
มีอีกไฟล์ทที่ประทับใจมาก คือ ได้บินกับ พี่วิลลี่ (วิลลี่ แมคอินทอช) ชั้นชอบพี่วิลลี่มาก ขอพี่โอ สจ๊วตอีกคนหนึ่งว่า ปล่อยทางนี้เดี๋ยวหนูดูแลเอง (หัวเราะ) แล้วชั้นก็เดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ คืออยากจะถ่ายรูปคู่ด้วยนะ แต่ไม่กล้า ชั้นจะเขินมากเวลาได้เจอคนที่ชอบจริงๆ จนเครื่อง landing จะถึงพื้นอยู่แล้ว พี่โอเห็นเลยเดินไปบอกพี่วิลลี่ว่า น้องเติ้นเขาอยากถ่ายรูปด้วย เลยได้ถ่าย (ยิ้มเขินๆ)
สำหรับเราคือ ช่วงเข้าปีที่ 9 บางคนจะเจอกับอาถรรพณ์ Seven Year แต่ช่วงนั้นกำลังสนุกสนานอยู่นะ การบินไทยจะเกษียณอายุที่ 60 ปี สำหรับลูกเรือตั้งแต่รุ่น 2003 เป็นต้นไป มีสัญญา 45 ปี ถ้า 45 แล้วยังบินไหวก็บิน ที่นี่คนเกษียณ 60 ปี เยอะนะ
ความรู้สึกส่วนตัวนะ ชั้นชอบบินกับแอร์เก่าๆ มากกว่าแอร์เด็ก เค้าเป็นมืออาชีพมากๆ แอร์การบินไทยรุ่นเก่าๆ จะเป็นแอร์ที่รักการบริการและทำงานแบบ Professional จริงๆ ส่วนเด็กรุ่นใหม่ๆ บางคน ย้ำว่า บางคน ติดค่านิยมอยากสวย อยากโก้หรู ต้องเป็น แอร์ แต่ไม่มีจิตวิญญาณของผู้ให้บริการจริงๆ
ก็ได้ทำตามฝันที่อยากจะทำแล้วเนอะ อิ่มตัวแล้ว ตอนนี้อยากทำอย่างอื่นบ้าง
ใช่ ถ้ามีโอกาสอยากจะลงเล่นการเมือง ชั้นไม่ได้เดินตามความฝันของพ่อนะ (คุณ สุวิทย์ คุณกิตติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี) ชั้นอยากเข้าไปผลักดันร่าง พ.ร.บ.จดทะเบียนสมรสและสิทธิก่อตั้งครอบครัวของกลุ่มคนเพศเดียวกัน ตอนนี้ชั้นก็รู้ว่าภาคประชาชนกำลังผลักดันร่างนี้กันอยู่ แต่ถ้าไม่มีคนในสภามาช่วยจริงๆ มันก็ลำบาก มันก็เป็นความฝันเล็กๆ เนอะ ว่าเมื่อไหร่ที่ลุงประยุทธ์(พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) อนุญาตให้เลือกตั้ง แล้วตอนนั้น พ.ร.บ.นี้ยังไม่ผ่าน ชั้นก็จะลง ได้เวลาของชั้นแล้ว เรื่องนี้ชั้นจริงจังนะ
ไม่ต่างนะ ก็อยู่กับมันมาทั้งชีวิต แต่ชั้นเป็นคนไม่บอกใครนะว่าเป็นลูกใคร ไม่จำเป็นต้องบอก ชั้นแค่มีพ่อทำอาชีพหนึ่งที่คนรู้จักในวงกว้าง ชั้นไม่เคยเอาชื่อพ่อไปอวดอ้าง ไม่ได้มีคนขับรถมาเปิดประตูรถให้ ไม่ได้เป็นคนรวยถือกระเป๋าแบรนด์ดัง แพงหรู อย่างไฮโซ ชั้นเองก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตเหมือนคนเมืองทั่วไป แล้วถ้าวันหนึ่งชั้นจะต้องไปทำอาชีพแบบพ่อ ชั้นก็ต้องยอมรับมันว่า ต้องมีคนด่า มีคนวิจารณ์ทั้งเรื่องส่วนตัวและครอบครัว ตอนเป็นแอร์ก็ถูกแอบด่าว่า หน้าแก่ นู่น นี่ นั่น ชั้นมองว่า ไม่ว่าทำอาชีพอะไรก็โดนด่าอยู่ดี
คนมีฝัน ต้องทำมันให้สำเร็จ มันไม่มีอะไรมาฉุดรั้งเราได้หรอก ทอม อย่างชั้นยังเป็น แอร์ ได้เลย ทำไมผู้หญิงสวยๆ จะเป็นแอร์ไม่ได้ ถ้าอยากจะเป็นจริงๆ
เมื่อความฝันติดปีกโบยบินแล้ว ก็ต้องไปให้ถึงฝั่งฝัน แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง เราจะภูมิใจในสิ่งที่เราทำ และสิ่งที่เราเป็น อย่าง เติ้น-รัชนีวรรณ คุณกิตติ ผู้หญิงที่ไม่เคยหยุดฝันแม้วันถอดปีก กลับมาเดินดิน…
Interview : ธนกฤต ชัยสุวรรณถาวร
Photo : วาระ สุทธิวรรณ, ภาพเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คของ เติ้น
Location : ร้าน Bricks & Bone รามคำแหง 24 แยก 20