Media Agency Association of Thailand (MAAT) คาดการณ์การใช้งบประมาณการโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์อย่างนิตยสารไตรมาสแรกของปี 2560 ว่าลดลงถึงร้อยละ 20 จากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมาสวนทางกับสื่อดิจิตอลที่โตขึ้นร้อยละ 31 คิดเป็นเม็ดเงินราว 12,000 ล้านบาท
ตัวเลขเหล่านี้กำลังบอกอะไร…?
อย่างไรก็ตาม แม้สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นใหม่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเก่าต้องหายไปเสียทั้งหมด
ย้อนกลับไปในยุคแห่งการเกิดขึ้นใหม่ของโทรทัศน์ หลายคนก็เคยตั้งคำถามกันไว้ตัวโตๆ ว่า แล้ววิทยุจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างไร?
อีกทั้งการเข้ามาของอินเตอร์เน็ตจะส่งผลกระทบแค่ไหนต่อธุรกิจโทรทัศน์?
ขณะเดียวกันทุกวันนี้โซเชียลมีเดียทรงอิทธิพลต่อผู้คนอย่างรุนแรง บนความรวดเร็วระดับวินาทีเราสามารถเสพสื่อได้อย่างไร้ขีดจำกัด แถมฟรีอีกต่างหาก แล้วใครล่ะจะยอมจ่ายเงินเสพสื่อเก่าอย่างนิตยสาร?
แต่ในความเศร้าเรายังคงมีหวัง…!!
เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าเทคโนโลยีของโลกเราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพียงใด แต่ตัวจริงย่อมยังคงยืนหยัดอยู่ได้แม้อาจต้องลมแรงฝนอยู่บ้างก็ตาม
และนี่คือ 12 นิตยสารไทยที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางคลื่นลมแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างทุกวันนี้
จากแนวความคิดที่ว่า “ทำหนังสือเหมือนทำชีวิต” ของ วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์, นิติพัฒน์ สุขสวย และภาสกร ประมูลวงศ์ คือที่มาของการถือกำเนิดขึ้นของนิตยสาร aday ภายใต้บริษัท เดย์ โพเอ็ทส์ จำกัด ในปี 2543 นิตยสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ และบุคคลที่น่าสนใจในสังคม และนับจากนั้นเป็นต้นมา aday จึงได้กลายเป็นไอค่อนสำคัญต่อแนวความคิดและการใช้ชีวิตของกลุ่มคนหนุ่มสาวจนถึงปัจจุบัน
หาก aday คือเมล็ดพันธุ์ที่ถูกบ่มเพาะขึ้นจากใจของผู้ปลูก วันเวลาผ่านไปได้เติบใหญ่แผ่ขยายสายพันธุ์กลายมาเป็น a day bulletin, hamburger สำนักพิมพ์อะบุ๊คส์ รวมถึงอีเว้นท์อย่าง a day bike fest เทศกาลจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก่อนที่จะเกิดปัญหาภายในขึ้นทำให้ วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์, นิติพัฒน์ สุขสวย ได้ตัดสินใจลาออกจากบริษัทไปในที่สุด
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม นิตยสาร a day ยังคงเดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนหนุ่มสาวต่อไป
ที่มาภาพ : www.daypoets.com
อยู่คู่ผู้อ่านและคอหนังชาวไทยมาแล้วกว่า 17 ปีสำหรับนิตยสาร Bioscope ที่มุ่งนำเสนอเนื้อหาสาระในวงการภาพยนตร์ทั้งไทย และเทศ ภายใต้การนำของ ธิดา ผลิตผลการพิมพ์ ผู้หลงใหลในศิลปะภาพยนตร์อย่างเข้มข้น ต่อยอดไปสู่การสร้าง โครงการ Documentary Club เพื่อเฟ้นหาและซื้อสิทธิหนังสารคดีที่ดีและที่น่าดูจากทั่วโลกมาจัดฉายในปัจจุบัน
นิตยสารไบโอสโคปออกสู่ตลาดครั้งแรกช่วงปี 2543 โดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากผู้อ่าน และยังคงฝ่าฝันวิกฤติสิ่งพิมพ์ตกต่ำมาได้จนถึงปัจจุบัน
ที่มาภาพ : www.magazinedee.com
www.facebook.com/BioscopeMagazine
ชื่อของ ทิวา สาระจูฑะ ผู้ปลุกปั้นนิตยสาร “สีสัน” จนกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวงการนิตยสารดนตรีไทย ผู้แน่วแน่ในการสร้างสรรค์สื่อสิ่งพิมพ์ และยังคงเดินหน้านำเสนอคอนเทนต์คุณภาพสู่ผู้อ่านแบบไม่เคยหวั่นไหวต่อเทรนด์เทคโนโลยีโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เนื้อหาภายในนิตยสารสีสันนั้น นอกเหนือจากเรื่องราวในวงการดนตรี ทั้งในเมืองไทยเราเอง รวมถึงวงการดนตรีสากลแล้ว ยังคงผสมผสานเรื่องราวจากคอลัมนิสต์มากมาย ขยายขอบเขตแก่ผู้ที่สนใจเรื่องราวอื่นๆ ให้เข้ามาสัมผัสนิตยสารเล่มนี้ได้ง่ายๆ ด้วยราคาเพียงแค่ 60 บาทเท่านั้น
นอกจากนิตยสารแล้ว สีสัน ยังคงเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญในการมอบรางวัลทางด้านดนตรีให้แก่ผู้สร้างงานดนตรีทั้งในกระแส และนอกกระแส จนกลายเป็นไอค่อนที่นักดนตรีทั้งหลายต่างต้องเคยใฝ่ฝันกันไว้สักครั้งว่า อยากขึ้นไปบนเวทีแห่งนั้นกันสักครั้ง
ที่มาภาพ : facebook.com/นิตยสารฉบับปฐมฤกษ์
www.facebook.com/SeasonMagazine
GM Magazine นิตยสารไลฟ์สไตล์ผู้ชายหัวไทยแท้ๆ ภายใต้บริษัท จีเอ็ม มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2528 โดย คุณปกรณ์ พงศ์วราภา ท้าทายการถาโถมของโซเชี่ยลมีเดียด้วยยอดพิมพ์ 125,000 เล่ม สมาชิกกว่า 20,000 คน วางแผงฉบับปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2528
สำหรับเนื้อหาภายในเล่มว่าด้วยเรื่องราวที่ผู้ชายควรรู้ทั้งแฟชั่น, ไลฟ์สไตล์, แวดวงธุรกิจ, สารคดี ตลอดจนบทสัมภาษณ์ที่นับเป็นคอนเทนต์สร้างชื่อให้กับนิตยสารฉบับนี้มาโดยตลอด
ปัจจุบัน GM Magazine เสริมช่องทางการเสพย์คอนเทนต์ให้กับผู้อ่านบนช่องทางออนไลน์ครบครันทั้ง Facebook, Instagram, youtube และ www.gmlive.com
ที่มาภาพ : www.gmlive.com
www.magazine.com
นิตยสารสารคดี ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2528 ภายใต้บริษัท วิริยะธุรกิจ จำกัด เนื้อหาครอบคลุมทั้งเรื่องธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ บุคคล ชีวิต ศิลปวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ ตลอดจนเทคโนโลยี
นอกจากนี้นิตยสารสารคดียังเต็มไปด้วยข้อเขียนจากนักเขียนที่มีชื่อเสียงมากมายหลายแขนง ที่มุ่งเน้นในการให้ความรู้ และเกร็ดข้อมูลต่างๆ ที่ถูกต้องแก่นักอ่านทั่วประเทศ
นับจากวันเริ่มต้นจนถึงวันนี้นิตยสารสารคดีโลดแล่นอยู่ในแวดวงสิ่งพิมพ์ด้วยฝีมือการกุมบังเหียนของ 3 บรรณาธิการบริหารประกอบด้วย คุณสุชาดา จักพิสุทธิ์, คุณวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ และคุณสุวัฒน์ อัศวไชยชาญ ซึ่งนับเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการน้ำหมึกเมืองไทยทั้งสิ้น
ที่มาภาพ : www.facebook.com/sarakadeemagazine
สุดสัปดาห์ นิตยสารเพื่อผู้หญิงรายปักษ์ แรกเริ่มเดิมทีใช้ชื่อว่า แพรวสุดสัปดาห์ ออกสู่ตลาดเป็นฉบับปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526 นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ อาหารการกิน ท่องเที่ยว ดูหนังฟังเพลง รวมทั้งยังมีบทสัมภาษณ์สร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับผู้คน ตลอดจนสุดสัปดาห์ ช้อปปิ้ง มาเก็ต อีเว้นท์ดีๆ ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มแฟนคลับเป็นอย่างดี
สำหรับนิตยสารสุดสัปดาห์นับเป็นนิตยสารเล่มที่ 3 ภายใต้เครืออัมรินทร์ต่อจาก บ้านและสวน และนิตยสารแพรว ที่ปัจจุบันยังคงเดินหน้าสรรหาคอนเทนต์ดีๆ แก่ผู้อ่านมาอย่างยาวนาน ทั้งเพิ่มช่องทางออนไลน์ให้ผู้อ่านได้ติดตามกันได้ทั้ง www.sudsapda.com www.facebook.com/sudsapdafanclub รวมทั้งรูปแบบของอีบุ๊ค อีกด้วย
ที่มาภาพ : www.magazinedee.com
www.facebook.com/sudsapdafanclub
1 มกราคม พ.ศ.2523 อาจเป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนทั่วไป แต่ในอีกบริบทหนึ่งแล้ว นี่คือวันที่นิตยสาร “คู่สร้างคู่สม” ฉบับปฐมฤกษ์ได้ถูกปล่อยออกสู่สายตานักอ่านชาวไทย ด้วยยอดพิมพ์จำนวน 100,000 ฉบับ ราคาฉบับและ 8 บาท และนับแต่นั้นเป็นต้นมา จึงได้กลายนิตยสารอีกหนึ่งเล่มที่กลายเป็น “ตำนาน” ของวงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทยที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความเข้มแข็งจนถึงทุกวันนี้
จากการเริ่มต้นของ “ดำรง พุฒตาล” อีกหนึ่งบุคคลสำคัญในวงการสื่อสารมวลชนไทย ที่ขยายขอบเขตการทำงานจากหน้าจอทีวี มาสู่การทำนิตยสารที่นำเสนอเนื้อหาสาระ ให้ความรู้รอบด้าน ทั้งการท่องเที่ยว การใช้ชีวิต วางแผงทุกวันที่ 10 และ 20 ของทุกเดือน รวมถึงคอลัมน์จดหมายเด่นประจำฉบับ ที่เป็นที่นิยมของแฟนๆ ผู้อ่านเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันนิตยสารคู่สร้างคู่สมมีการปรับราคาขายอีกครั้ง จากราคาฉบับละ 20 บาท มาเป็น 30 บาทในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าเป็นนิตยสารที่มีราคาถูกมาก แต่เนื้อหาภายในยังคงอัดแน่นด้วยคุณภาพเช่นเดิม
ที่มาภาพ : facebook.com / คู่สร้างคู่สม (ประเทศไทย) จำกัด
www.magazinedee.com
หลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากนิตยสารบ้านและสวน จนทำให้กลุ่มผู้อ่านขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งปี 2522 นิตยสาร “แพรว” จึงได้ถือกำเนิดขึ้น สร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มผู้หญิงทุกด้านตั้งแต่แฟชั่น ความงาม สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ รวมถึงบทสัมภาษณ์และเรื่องราวสำหรับผู้หญิงต่างๆ มากมาย ซึ่งนับเป็นนิตยสารเล่มแรกของเครืออมรินทร์ฯ ที่ยังคงมีผู้อ่านติดตามอยู่อย่างเหนียวแน่นจนถึงวันนี้
สำหรับนิตยสารแพรว วางแผงเดือนละ 2 ฉบับทุกวันที่ 10 และ 25 ของเดือน ราคา 100 บาท ทั้งยังคงขยายช่องทางในการนำเสนอคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เป็นทางเลือกแก่ผู้อ่านทั้งเว็บ www.praew.com แฟนเพจ www.facebook.com/praewmagazine Instagram IG: praewmag และ E-Book อีกด้วย
ที่มาภาพ : www.magazinedee.com
www.facebook.com/praewmagazine
ชื่อของคุณชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ ผู้ก่อตั้งนิตยสาร “บ้านและสวน” กระทั่งขยายขอบเขตการทำนิตยสารอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย จนกลายเป็นอาณาจักรอมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ในทุกวันนี้ นับเป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญในวงการสื่อสิ่งพิมพ์ของเมืองไทย ภายใต้แนวคิด “เราทำงานเพื่อความสุข และความรุ่งโรจน์ของสังคม” ยังคงเป็นหมุดหมายสำคัญยิ่งสำหรับชาวอมรินทร์ทุกคนจนถึงปัจจุบัน
ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน พ.ศ.2519 นิตยสารบ้านและสวนได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก ภายใต้การนำของคุณชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ ที่มีแนวคิดในการผลิตนิตยสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกับตกแต่งบ้านและสวนแบบครบวงจร ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้อ่านมาโดยตลอด
“ข้อแรกเราต้องเปลี่ยนตัวสินค้าอยู่ตลอดเวลาให้มีอะไรแปลกใหม่อยู่เสมอ ข้อสองคือคุณภาพและความสวยงามของหนังสือ” ชูเกียรติพูดถึงปัจจัยแห่งความยั่งยืนของบ้านและสวนไว้กับ gotomanager.com เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีพ.ศ.2534
ปัจจุบันนิตยสาร “บ้านและสวน” ยังคงมุ่งมั่นสรรหาคอนเทนต์คุณภาพแก่ผู้อ่านเหมือนเช่นเคย และยังเพิ่มช่องทางออนไลน์ให้ได้ติดตามกันเพิ่มมากขึ้น ทั้ง www.baanlaesuan.com และ www.facebook.com/baanlaesuanmag
ที่มาภาพ : facebook.com/นิตยสารฉบับปฐมฤกษ์
www.facebook.com/baanlaesuanmag
ชื่อของ “เล็ก วงศ์สว่าง” หรือ นายปรีชา วงศ์สว่าง (2485 – 2553) ผู้ให้กำเนิดเครือวงศ์สว่างการพิมพ์นับเป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญผู้สร้างคุณูปการไว้มากมายไม่เพียงแค่วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทยเท่านั้น หากแต่ยังเป็น “ตำนาน” ของวงการดนตรีไทยอีกด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อปีพ.ศ.2512 ก่อนกลายมาเป็น The Guitar Mag ที่ผันตัวมาจาก I.S.Song hits นิตยสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเนื้อเพลงพร้อมคอร์ดกีต้าร์ ซึ่งถือเป็นรูปแบบใหม่ของนิตยสารทั่วไปในเวลานั้น ทั้งยังได้เสียงตอบรับจากผู้อ่านเป็นอย่างดี กระทั่งเป็นกลายเป็น “ครู” ให้กับศิลปินระดับตำนานอยู่ในเวลานี้มากมาย
ชื่อของวงดนตรีอย่าง ดิอิมพอสซิเบิ้ล, รอยัลสไปรท์, แมคอินทอช, คีรีบูน ไปจนถึง แอ๊ด คาราบาว ล้วนแต่เคยผ่านการฝึกฝนฝีมือทางด้านดนตรีจากนิตยสารฉบับนี้ทั้งสิ้น
ปัจจุบัน The Guitar Mag ยังคงสร้างสรรค์เนื้อหาเกี่ยวกับวงการดนตรี ที่สามารถอ่านได้ทั้งผู้คนทั่วไปที่มีใจรักทางด้านดนตรี และนักดนตรีที่สนใจเนื้อหาทางด้านดนตรีแบบเจาะลึก และนับเป็นหนังสือเพลงไทยใส่คอร์ดกีตาร์เล่มแรกของเมืองไทยอีกด้วย
ที่มาภาพ : facebook.com/TheGuitarMag
แรกเริ่มเดิมทีก่อนการเกิดขึ้นของนิตยสาร “ขวัญเรือน” นั้น ทางบริษัทศรีสยามการพิมพ์ได้จัดพิมพ์นิตยสารสำหรับผู้ชายที่มีชื่อว่า “ศรีสยาม” ออกมาเมื่อปีพ.ศ.2509 ซึ่งถือเป็นนิตยสารเล่มแรกของบริษัท ก่อนปิดตัวลงในปี 2514 จากปัญหาเศรษฐกิจ
ถัดจากนั้นอีก 2 ปีในเดือนธันวาคมของปี 2511 นิตยสาร “ขวัญเรือน” จึงได้ปล่อยฉบับปฐมฤกษ์ออกมาโดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มผู้หญิงเป็นหลัก และวางบุคลิกเป็นผู้หญิงสวยสง่าแบบสตรีไทยผู้รักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณี ในขณะเดียวกันก็พร้อมเปิดรับการเปลี่ยนแปลงและโลกทัศน์ใหม่ๆ ได้อยู่ตลอดเวลา
สำหรับเนื้อหาภายในนิตยสารขวัญเรือนประกอบด้วย บทความจากคอลัมนิสต์ชื่อดัง บทสัมภาษณ์, นวนิยาย, สุขภาพ, ความสวยความงาม, ท่องเที่ยว, ศิลปะ, บันเทิง, งานฝีมือ, และเนื้อหาสาระที่เกี่ยวกับเด็กอีกด้วย
ปัจจุบันนิตยสารขวัญเรือนวางแผงวันที่ 15 และ 30 ของทุกเดือน ราคาขายฉบับละ 70 บาท นอกจากนี้ยังมีช่องทางการติดตามให้กับผู้อ่านทั้งทางเว็บไซต์ และเฟสบุ๊คอีกด้วย
ที่มาภาพ : www.srisiam.com
www.facebook.com/KwanruenMagazine
เวลากว่า 57 ปีคงยืนยันถึงคุณภาพของอนุสารอ.ส.ท.ได้เป็นอย่างดี นี่คือหนึ่งในนิตยสารที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ภายใต้องค์การส่งเสิรมการท่องเที่ยว (อ.ส.ท.) ก่อนกลายมาเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในเวลาต่อมา ตามนโยบายของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่มุ่งหวังให้มีการจัดตั้งหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศไทย และนำรายได้เข้าสู่ประเทศ
อนุสารอ.ส.ท.เปิดตัวฉบับแรกเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2503 จัดพิมพ์ 10,000 เล่ม ความหนา 18 หน้า ราคา 1.50 บาท โดยปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ฉบับละ 85 บาท
อย่างไรก็ตามอนุสารอ.ส.ท.ยังคงตีพิมพ์ผลงานออกสู่ผู้อ่านอยู่อย่างสม่ำเสมอจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังเพิ่มช่องทางออนไลน์อย่าง facebook และ www.osotho.com ในการนำเสนอเนื้อหาสาระดีๆ เพื่อคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตผูกติดกับเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
ที่มาภาพ : facebook.com/osotho
www.magazinedee.com