ธาม โรจน์ชีวพันธ์ || ผู้ชาย(ไม่)ธรรมดา กับที่มาของ การ์ตูนตาหวาน

WHO # Hip Hip to talk with ธาม โรจน์ชีวพันธ์ : นับเป็นความโชคดีของผู้ชายคนหนึ่งที่ค้นพบความชอบของตัวเองตั้งแต่เด็ก และเขาก็พาตัวเองออกเดินไปตามทางในแบบที่เขาชอบ แต่ชีวิตของคนเรานั้นก็ไม่ได้มีความชอบเพียงสิ่งเดียว และนี่ก็ถือเป็นความโชคดีอีกเรื่องหนึ่งของเขาที่สองสิ่งที่เขาชอบโคจรมาเจอกันในที่ทำงาน

 

เรากำลังพูดถึง ธาม โรจน์ชีวะพันธ์ ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีความฝัน ความชอบในการ์ตูนญี่ปุ่น หรือ มังงะ (manga) แนวการ์ตูนตาหวาน เหมือนวัยรุ่นทั่วไป เขาได้หอบหิ้วความชอบของเขาไปสู่โลกการทำงานเป็นเวลากว่าห้าปีแล้ว วันนี้เราขอถือโอกาสชวนเขามานั่งคุยถึงความชื่นชอบการ์ตูนญี่ปุ่น งานประจำที่เขาทำอยู่ งานอดิเรก รวมไปถึง โปรเจคพิเศษ ของผู้ชายธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา คนนี้ครับ

“การค้นหาตัวเองได้เร็ว ถือเป็นความโชคดีสำหรับคนๆ นั้น แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับ การรู้วิธีจัดการกับความชอบนั้นอย่างไรให้เราอยู่กับมันได้นานๆ สิ่งนี้ต่างหาก ที่ยากสำหรับนักฝันทุกคน”

ปัจจุบัน ธาม ทำงานอะไร ที่ไหน

ผมทำงานประจำเป็น กราฟฟิค ดีไซเนอร์ อยู่ที่บริษัท CreativeMOVE ดูแลทางด้านกราฟฟิค และอินโฟกราฟฟิค เป็นหลักครับ นอกเวลางาน ผมก็รับงานฟรีแลนซ์ วาดภาพประกอบ งานกราฟฟิคทั่วไป

ธาม เรียนจบทางด้านกราฟฟิคโดยตรงเลยหรือเปล่า

ใกล้เคียงครับ ผมเรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สาขาวิชาการโฆษณา แต่ผมเลือกเรียนวิชาเลือกเป็น กราฟฟิค ครับ

 

ก่อนที่เราจะได้มานั่งคุยกันในวันนี้ เราทราบมาว่า ธาม โรจน์ชีวพันธ์ ชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก เลยเกิดความสงสัยว่า ถ้าชอบวาดรูปมาก ก็น่าจะเลือกเรียนเกี่ยวกับการวาดรูปโดยตรงมากกว่า ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ จึงอดถามเขาไม่ได้ว่า

ทำไมถึงเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ แทนที่จะเลือกเรียนคณะนิเทศศิลป์ หรือคณะที่เลือกเรียนที่เกี่ยวข้องโดยตรง

อย่างที่เคยคุยกัน ผมโชคดีที่รู้ว่าตัวเองชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก แต่ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์นั่นเหรอ มันคงเป็นเพราะตอนเด็กๆ ผมไม่สามารถจัดการกับความชอบของตัวเองได้ ผมเองเกเรด้วยแหละ รู้แต่ชอบวาดรูป วาดนู่นวาดนี่ไปเรื่อย แต่ไม่ได้สนใจว่าจะเลือกเรียนคณะอะไร

พอมาเรียนมัธยมปลาย ผมก็มีชอบหลายอย่างนะครับ ก็รู้อยู่ในใจว่าชอบวาดรูปเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่สมัยนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก ข้อมูลในการเลือกคณะ ก็ไม่ได้เข้าถึงง่ายเหมือนทุกวันนี้ ตอนนั้นเราไม่รู้ว่ามีคณะอะไรบ้าง แต่ละคณะต้องเรียนอะไรบ้าง รู้แต่ตอนนั้นเราชอบงานโฆษณาด้วย คือชอบออกแบบปกเทป ชอบงานดีไซน์แบบนั้น เลยเลือกเข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์ เหมือนเอาความชอบทั้งสองอย่างมารวมกันครับ

ในช่วงนั้นผมก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ที่มีความชอบหลายอย่าง เคยอยากเป็นผู้กำกับ อยากครีเอทงานโฆษณา ชอบออกแบบไปเรื่อย ก็คิดว่า เรียนคณะนิเทศศาสตร์นี่แหละ ได้เรียนทุกอย่างที่เราชอบด้วย ถ้าผมเลือกเรียนนิเทศศิลป์ คงไม่ได้เรียนอะไรแบบนี้ครับ

เล่าถึงงานประจำที่ทำอยู่ให้ฟังหน่อย

งานประจำ ส่วนใหญ่จะวาดในคอมฯ แต่เริ่มจากการสเก็ตภาพ วาดมือ แล้วมาลงรายละเอียดในคอมฯ ครับ อธิบายแบบนี้ว่า งานวาดในคอมฯ จะมีสองแบบ แบบแรก คนในวงการกราฟฟิคจะรู้จักเป็นอย่างดีคือ วาดมือโดยใช้เม้าส์ปากกา กับแบบที่สอง คือใช้เม้าส์คลิก โดยวาดผ่านเครื่องมือต่างๆ ในโปรแกรมทำกราฟฟิค ถ้าถามว่า วาดมือลงกระดาษหรือผ้าใบด้วยหรือเปล่า แบบนั้นไม่ค่อยได้วาดครับ

เสน่ห์ของการครีเอทงานโฆษณา มันแตกต่างจากการวาดรูปทั่วไปอย่างไร

วาดรูปทั่วไป มันเป็นการวาดจากจินตนาการของเรา โดยไม่มีกรอบความคิดอะไร แต่งานโฆษณา มันมีวิธีคิดที่ต่างกันออกไปตรงที่มันเป็น พาณิชย์ศิลป์ หรือเราเรียกว่า งานศิลปะเชิงพาณิชย์ คือเราไม่สามารถวาดตามใจตัวเองได้ทั้งหมด มันมีโจทย์จากลูกค้ามา เราต้องทำตามโจทย์นั้น มันเป็นงานครีเอทเหมือนกันก็จริง แต่คนละลักษณะกัน ถ้ามองให้สนุก มันก็สนุกเหมือนกันแหละครับ

เราอาจจะบอกได้ว่า ความต่างมันอยู่ที่ งานศิลปะแบบศิลปิน เราทำตามใจเรา แต่งานออกแบบโฆษณา ต้องคิดเผื่อคนอื่นด้วย ต้องทำตามใจลูกค้า ทำตามใจคนดูโฆษณา แต่งานยังคงตัวตนของเราอยู่ หรือที่เรียกว่า Signature ครับ

ธาม ทำงานทางด้านกราฟฟิคมากี่ปีแล้ว

รวมๆ ก็เกือบห้าปีแล้วครับ ผมทำที่นี่มาสามปี ก่อนหน้านี้ทำที่อื่นมาปีสองปี ตอนเรียนจบใหม่ๆ ผมทำงานกราฟฟิค แต่ยังไม่ได้ทำงานดีไซน์ครับ ตอนนั้นผมทำในส่วนของการลงสีกราฟฟิคในการ์ตูนอนิเมชั่น ตอนแรกที่ได้ไปทำ ก็รู้สึกว้าวนะ คือผมชอบการ์ตูนญี่ปุ่นอยู่แล้ว เราได้เห็นกระบวนการทำทุกขั้นตอน ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็รู้สึกสนุกดีนะ แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นานครับ คือ พาร์ทงานของผมมันได้เรียนรู้จนหมดแล้ว มันไม่มีอะไรท้าทายอีกแล้ว ผมเลยกลับมาถามตัวเองใหม่อีกครั้ง ก็ได้คำตอบว่า ผมชอบงานดีไซน์ งานครีเอท งานวาดมากกว่า ก็เริ่มมองหางานใหม่อยู่สักพัก สุดท้ายก็ได้มาทำงานที่นี่ครับ

สไตล์การวาดของ ธาม เป็นแบบไหน

ถ้างานวาดส่วนตัว ผมได้แรงบันดาลใจจาก การ์ตูนญี่ปุ่น หรือที่วัยรุ่นสมัยนี้เรียกว่า มังงะ เป็นแนวการ์ตูนตาหวาน แล้วก็เอามาประยุกต์เทคนิคต่างๆ ให้เป็นแบบของเรา มันเริ่มมาจากผมเบื่อการวาดโดยใช้เม้าส์คลิก แล้วงานประจำที่ผมทำอยู่ Mood & Tone จะออกแนวใสๆ เด็กๆ เพราะงานโปรเจคของ CreativeMOVE จะเป็นงานทำเพื่อสังคม ผมจึงหยิบสิ่งนั้นมาต่อยอดจากสิ่งที่ผมชอบ

เวลาว่างๆ จากงานประจำ ผมก็คิดถึงการวาดมือสมัยเด็กๆ ที่เราไม่ต้องคิดถึงโจทย์อะไรเลย มันอิสระ มันแฮปปี้ เราจะวาดอะไรก็ได้ คนที่ชอบวาดรูป คงคิดเหมือนผม คือ อยากวาดอะไรก็วาด โดยไม่มีโจทย์อะไรเลย ไม่ต้องคำนึงว่า มันจะสวยหรือเปล่า เหมือนคนที่ต้องการระบายอารมณ์กับอะไรสักอย่าง บางคนอาจเลือกไปดูหนัง ไปฟังเพลง อะไรแบบนี้ แต่สำหรับผมคือการวาดรูป มันผ่อนคลายดีครับ

Photo : เพจ @boooblur

แล้วตัวการ์ตูนของ ธาม เริ่มต้นจากอะไร

เริ่มต้นจากความชอบส่วนตัวของผมเลยครับ ผมชอบตัวการ์ตูนผู้หญิง ผมเลยชอบวาดผู้หญิงในลักษณะต่างๆ ที่เราชอบ แค่นี้เอง ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ ผมไม่ได้ตั้งโจทย์ว่า วันนี้ต้องวาดอะไร พอหยิบปากกาได้ก็วาดๆ ไปเรื่อย แล้วเดี๋ยวนี้มันมีโซเชียลมีเดียต่างๆ พอวาดเสร็จก็อัพหน่อยละกัน ส่วนใหญ่ผมมักจะอัพลง อินสตาแกรมของผมชื่อ @boooblur ครับ

@boooblur มาจากอะไร

(หัวเราะนำมาก่อนเลย) ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ จริงๆ ผมชื่อเล่นว่า “บู้” ครับ แต่คนมักจะเรียกว่า “ธาม” ตามชื่อจริงมากกว่า เพราะคนเข้าใจว่า “ธาม” เป็นชื่อเล่นด้วย ผมเลยอยากเอาชื่อเล่นจริงๆ มาตั้งด้วยล่ะครับ

ถ้าคนที่ได้ติดตามผลงานภาพวาดของ ธาม จะเห็นว่า คาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนมีสีหน้าที่เรียบเฉยมาก ไม่ยิ้ม ไม่แสดงอารมณ์อะไรเลย

มันเป็นไอเดียเล็กๆ ที่ว่า ไม่มีใครรู้หรอกว่าจริงๆ แล้ว คนเราคิดอะไรอยู่กันแน่ เลยตั้งใจวาดให้สีหน้าดูเรียบเฉย ให้ทุกคนไปตีความเอาเองว่า ตัวการ์ตูนนี้ที่ผมวาด มันคิดอะไรอยู่นะ มันดูมีเสน่ห์ดีที่ว่า เราอยากคนดูแล้วคิดต่อเอง อย่างตัวการ์ตูนที่กำลังสูบบุหรี่ เราจะไม่ทางรู้ได้เลยว่า จริงๆ แล้ว ตัวการ์ตูนนี้คิดอะไรอยู่ มันกลุ้มใจหรือเปล่า หรือเป็นอะไรกันแน่ เหมือนเราเห็นคนๆ หนึ่งยิ้ม แต่เราไม่รู้หรอกว่า ในใจเขายิ้มอยู่หรือเปล่า รอยยิ้มที่เราเห็นนั้น เป็นรอยยิ้มจริงๆ หรือเปล่า หรืออีกคนหนึ่งกำลังทำหน้าเศร้า เราก็ไม่รู้ว่า เขาแกล้งเศร้าหรือเปล่า มันจึงเป็นที่มาของคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนของผมที่ชอบวาดภาพภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉย อาจแสดงออกทางแววตานิดหน่อย แต่ไม่แน่นะครับ ในอนาคต ผมอาจจะวาดคนยิ้ม คนหัวเราะบ้างก็ได้

ธามเคยทำเป็นโปรเจคของตัวเองบ้างไหม อย่างทำเป็นการ์ตูนซีรีส์ หรือการ์ตูนสามช่อง

ยังเลยครับ ก็มีไอเดียอยู่บ้าง ค่อยๆ คิดไปเรื่อยๆ ครับ แต่ก่อนหน้านี้เคยทำ สติกเกอร์ แบบแผ่นแปะๆ ขายในเพจ boooblur ตอนนั้นทำมาสองร้อยอันก็ขายหมดนะ มีคนตามมาประมาณหนึ่งครับ

แล้วผมเคยทำเวอร์ชั่น sticker line ไว้นานแล้วครับ ชื่อว่า “Janny & Jude” แต่ไม่ใช่การ์ตูนแบบที่ชอบวาดอยู่ตอนนี้ คือ ตอนนั้นแค่อยากลองว่า จะขายได้มั้ย พอทำออกมา ฟีดแบคก็ดีนะครับ ผมไม่ได้โปรโมทอะไร ตอนแรกที่ทำ แค่อยากมีสติกเกอร์แบบที่ตัวเองชอบเอาไว้ใช้เอง แล้วคนรอบข้างเห็นก็พูดปากต่อปาก ก็เลยมียอดดาวน์โหลดเข้ามาเหมือนกัน

ทำไมถึงไม่เอาคาแรคเตอร์ที่ชอบวาด มาทำเป็นที่ sticker line ล่ะ

จริงๆ ตอนนี้ก็มีความคิดที่จะทำอยู่เหมือนกันครับ แต่ไม่ค่อยมีเวลา ตอนนี้แค่สเก็ตๆ เก็บไว้ แต่ยังไม่ได้ลงลายเส้นครับ

ในครั้งแรกที่เราติดต่อขอสัมภาษณ์เป็นช่วงที่ ธาม โรจน์ชีวพันธ์ กำลังมีไอเดียจะทำโปรเจคพิเศษร่วมกับเพื่อนๆ แต่พอทราบข่าวการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เขาตัดสินใจเลื่อนโปรเจคนี้ไปก่อน แล้วมาร่วมทำอีกหนึ่งโปรเจคสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา

เล่าถึงอีกหนึ่งโปรเจคพิเศษที่ ธาม เข้าร่วม ให้ฟังเราหน่อย

อย่างที่เราทราบข่าวในหลวงสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ผมกำลังจะทำอีกโปรเจคหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว จึงติดสินใจเลื่อนออกไปก่อน คือ ผมยังไม่มีอารมณ์ที่จะทำมันต่อในตอนนั้น ซึ่งระหว่างนั้นก็มีน้องที่รู้จักกันที่จัด Exhibition ผลงานศิลปะเป็นประจำอยู่แล้ว โพสถึงโปรเจคของ คุณไพโรจน์ พิเชษฐเมธากุล ศิลปินชาวไทยที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก ออกมาเชิญชวนศิลปินทั้งในไทยและนิวยอร์กกันมาร่วมกันวาดภาพในหลวง ลงในแฟนเพจ โดยใช้ชื่อโปรเจคว่า Project our beloved Kingเราเห็น ก็อยากร่วมด้วย โปรเจคนี้เปิดให้ทุกคนสามารถวาดภาพในหลวงไม่จำกัดเทคนิค โดยต้องโพสลงเฟซบุ๊คตอน 9 โมงเช้า แล้วใส่ hashtag #projectourbelovedking เป็นเวลา 9 วัน ติดต่อกัน เป็นจำนวน 9 ภาพ

ความรู้สึกตอนนั้นที่อยากจะเข้าร่วมคือ ผมนึกถึงตัวเองว่า เราเป็นคนชอบวาดรูป สิ่งที่เราพอจะทำถวายพระองค์ได้ดีที่สุด ก็คืองานนี้แหละ ไม่น่าเชื่อว่า จะมีคนส่งผลงานเข้ามาร่วมมากมายขนาดนี้ ตอนนี้น่าจะประมาณ 600 กว่าภาพได้แล้วครับ แต่นำไปจัดแสดงที่แกลเลอรี่ของ The Jam Factory (จนถึงวันที่ 30 พ.ย. 59) แค่บางส่วน เพื่อให้คนได้เห็นและส่งผลงานเข้ามาเพิ่มครับ

(ข่าวดีล่าสุด!!! ผลงานจากโครงการ “Project our beloved King” จะถูกนำมาจัดแสดงอีกครั้ง ในวันที่ 6-16 ธันวาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 20.00 น. ที่ FYI Center รัชดา-พระราม 4 ใกล้กับ MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์)

9 ผลงานภาพวาดของ ธาม โรจน์ชีวพันธ์ ส่วนหนึ่งจาก Project our beloved King

ทำไมถึงเลือกวาด 9 รูปนี้ครับ

(ผมขออนุญาตใช้คำสามัญนะครับ) รูปแรกที่วาดคือรูป ในหลวงอยู่ในรถ (ภาพตรงกลาง) ตอนนั้นไม่ได้วางคอนเซ็ปต์เลือกวาดรูปไหนโดยเฉพาะ มีไอเดียแค่คร่าวๆ ว่า ผมอยากวาดภาพจากที่ผมเห็นว่า “รูปนี้สวย”

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า ภาพนี้คือเหตุการณ์ใด ถ่ายเมื่อไหร่ ที่ไหน แต่ตลอด 9 วันที่วาด กว่าที่ผมจะหาภาพที่ผมอยากวาดได้เนี่ย ผมเลือกดูเป็นพันๆ ภาพเลยครับ ในตอนนั้นก็มีสื่อต่างๆ ทยอยโพสภาพออกมาเรื่อยๆ บางภาพเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็น ระหว่างเลือกดูภาพไปก็ทำให้ผมรู้เรื่องของท่านเพิ่มมากขึ้นไปด้วย คือภาพบางภาพไม่ได้เล่าเหตุการณ์เป็นตัวหนังสือเป็นข้อๆ หนึ่ง สอง สาม ว่าท่านทำอะไรบ้าง แต่เป็นความรู้สึกผ่านภาพ ผมเห็นสีหน้า แววตา ของท่าน ของประชาชน ของคนรอบข้าง ทำให้ผมรับรู้ได้ว่า ท่าน เป็นพระมหากษัตริย์ที่สุดยอดจริงๆ ครับ

Photo : เพจ @boooblurPhoto : เพจ @boooblurPhoto : เพจ @boooblurPhoto : เพจ @boooblurPhoto : เพจ @boooblurPhoto : เพจ @boooblurPhoto : เพจ @boooblurPhoto : เพจ @boooblurPhoto : เพจ @boooblur

ธาม รู้สึกอย่างไรบ้างกับผลงานของตัวเองทั้ง 9 ภาพนี้

ผมรู้สึกว่า ภาพที่เราไล่ดูเพื่อเลือกมาวาดนั้น ไม่เหมือนภาพข่าวราชสำนักที่เราดูกันอยู่ทุกวัน บางภาพเป็นภาพการดำเนินชีวิตอย่างสามัญชน บางภาพเป็นภาพส่วนพระองค์มากๆ ความรู้สึกหมดที่อยู่ใน 9 รูปนี้ นั่นคือ “รัก” ครับ

ภาพที่เราเห็นชัด คือ ท่านทำงานหนักมาตลอด 70 ปี ทั้งๆ ที่ท่านไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้เพื่อคนทั้ง 70 ล้านคนก็ได้ ท่านอยู่อย่างสบายได้เลย ผมอาจรู้ข้อมูลเกี่ยวกับท่านไม่มากพอหรอกครับ แต่ผมโชคดีที่เกิดทันได้เห็นท่านทำงาน ทุกวันพ่อ (5 ธันวาคม) ผมเห็นท่านออกมาพูดให้โอวาทแก่ข้าราชการ ประชาชน ซึ่งเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่ทันได้เห็น สิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับท่านตั้งแต่เด็ก แล้วยิ่งได้มาเห็นบางภาพที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกโชคดีมากที่เกิดมาทันแผ่นดินของท่าน บางวันผมไล่ดูภาพจนเกือบเช้า ลืมเวลาไปเลยว่า ตอนนี้กี่โมงแล้ว พรุ่งนี้จะต้องส่งภาพให้ทันตอนเก้าโมงเช้า สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ “ผมรักพระองค์ท่านมากครับ”

และสิ่งนี้คงเป็นความรู้สึกที่ไม่แตกต่างไปจากความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ…เช่นเดียวกัน

ภาพผลงานศิลปินท่านอื่น ส่วนหนึ่งจาก Project our beloved King

กลับมาคุยถึงโปรเจคที่พักไว้ก่อนหน้านี้กันต่อ

โปรเจคก่อนหน้านี้ที่ผมแพลนอยากจะทำคือ ในช่วงปี สองปีที่ผ่านมา ผมเพิ่งได้มาอ่านหนังสือของ Haruki Murakami ครับ ผมเคยดูหนังของเขามาบ้างเหมือนกัน อย่างหนังเรื่อง Norwegian Wood พอได้ดูก็ชอบเลย หลังจากนั้นก็กลับมาหาหนังสืออ่าน แล้วก็ตามอ่านเรื่องอื่นๆ ที่ผมไม่เคยอ่าน ก็ค้นพบว่า เขาบรรยายผู้หญิงในนิยายของเขาได้มีเสน่ห์มากๆ เอาจริงๆ แล้ว ตัวละครผู้หญิงของเขามีเสน่ห์เกือบทุกเรื่อง ผมก็เลยได้ไอเดีย อยากวาดตัวละครผู้หญิงของเขาออกมาเป็นซีรีส์ จริงๆ ก็ทำสนองความต้องการของตัวเองนี่แหละ (หัวเราะ) ตอนนี้ก็เก็บไอเดียไปเรื่อยๆ คงได้เห็นภายในปีหน้านี่แหละครับ

การทำงานหลายปีที่ผ่านมา ธาม ได้เรียนรู้อะไรบ้าง

เหมือนตอนนี้ผมผ่านจุดที่ค้นหาตัวเองจนตกผลึกมาแล้วว่า เราทำอะไรแล้วเรามีความสุข ส่วนเรื่อง “เบื่อ” ทุกคนมันอยู่แล้วแหละครับ ชีวิตของผมมันมีสองพาร์ทให้เลือกทำ พาร์ทแรกคืองานประจำ พอเราเบื่อๆ เราก็มาทำอีกพาร์ทหนึ่ง คืองานอดิเรก เรานั่งวาดผู้หญิงตาหวานไป ทำสติกเกอร์ขายไป หรือวาดภาพลงกระเป๋าขายไป ก็แก้เบื่อได้ดี แต่ผมก็ไม่ได้ทำเล่นๆ นะครับ ทำจริงจังนั่นแหละ ทำควบคู่กับงานประจำไป

นอกจากนั้น ผมก็ชอบไปเที่ยว ไปดูหนังฟังเพลง ไปเก็บไอเดียใหม่ๆ มาถ่ายทอดลงผลงานของเรา แต่สิ่งที่ท้าทายที่ทำให้ผมได้เดินต่อไป มันก็มีมาเรื่อยๆ ครับ อย่างโปรเจคที่กำลังคิดจะทำอยู่ คือ จัดแกลเลอรี่ภาพวาดผู้หญิงตาหวาน ที่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ มันก็ท้าทายเราดีว่า มันจะไปได้ไกลขนาดไหน คือในที่นี้ ผมไม่ได้หวังว่ามันจะดังอะไรนะครับ แค่คิดว่า ถ้าเราลองทำอะไรอย่างเต็มที่แล้ว มันจะพาเราไปได้ถึงไหน ก็เท่านั้นครับ

นอกจากชอบวาดภาพแล้ว ธาม ชอบทำอะไรอีกบ้าง

ชอบดื่มกาแฟครับ คือจริงจังกับเรื่องนี้มาก ถึงขนาดซื้อเครื่องชงกาแฟมาชงเองที่บ้านเลย (หัวเราะ) แล้วก็ชอบไปดูคอนเสิร์ตศิลปินที่หาดูยากๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศครับ อย่างสิ้นเดือนนี้ (พ.ย. 59) ผมก็จะบินไปดูคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์ เป็นเฟสติวัลที่รวมหลายๆ ศิลปินมาเล่นในคอนเสิร์ตนี้ บางทีก็แอบเอางานเราไปแปะๆ ตามบ้านเขาด้วยครับ (หัวเราะลั่น)

แรงบันดาลใจอะไรที่ทำให้ ธาม ขับเคลื่อนความฝัน ให้ทำอยู่ได้นานๆ

ในพาร์ทของงานประจำ ผมทำ infographic มันเป็นงานที่รวมหลายๆ สิ่งที่ผมชอบ อย่างที่เล่าให้ฟังไปแล้ว ผมได้วาดการ์ตูน ได้ออกแบบ ที่สำคัญ พองานของผมได้ถูกแชร์ออกไปในโซเชียลแล้ว มันจะเห็นฟีดแบคทันที สมมติว่าเราจะช่วยคนพิการ เราทำงาน infographic ออกไป แล้วมีคนช่วยแชร์ มีคนคอมเม้นท์กลับมาว่า “ขอบคุณมาก” “ดีจัง” “อันนี้ช่วยแม่ผมได้มากเลยนะ” สิ่งนี้มันคือกำลังใจให้เราทำงานต่อไปได้ครับ

ช่วงแรกที่ผมมาทำงานตรงนี้ ผมไม่ได้คาดหวังฟีดแบคอะไรเลย ผมชอบการวาดรูป ชอบงานดีไซน์เฉยๆ แต่พอได้มานั่งอ่านฟีดแบคที่คนแชร์ออกไปแล้วบอกว่า มีประโยชน์ คือ งานนี้มันได้ช่วยคนไปด้วย ความภูมิใจมันคงอยู่ตรงนี้แหละ ผมว่านะ

ฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่ที่กำลังค้นหาตัวเอง หรือคนที่ชอบงานทางด้านกราฟฟิค

ถ้าค้นเจอตัวเองว่า ชอบอะไรจริงๆ มันไม่ได้จบแค่ตรงนั้น สิ่งที่สำคัญมันอยู่ที่ว่า เราจะจัดการกับความชอบนั้นอย่างไรที่จะทำให้เราอยู่กับมันได้นานๆ ต่างหาก ผมเชื่อว่า หลายคนคงไม่ได้มีความชอบเพียงแค่อย่างเดียวหรอก อย่างผมเอง ผมชอบวาดรูป แล้วก็ชอบงานโฆษณาด้วย เราก็ต้องมามองว่า มันมีอะไรที่เราต้องเรียนรู้บ้าง ก็มุ่งไปทางนั้นเลย

มันเหมือนหนังจีนกำลังภายใน ตอนแรกที่ฝึกวิชา เรายังไม่เก่งหรอก แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนบ่อยๆ คือ ถ้าเราชอบอะไรแล้ว เราอยากเก่ง เราก็ต้องมีวินัยในการฝึกฝน ระหว่างทางเราอาจจะแพ้ตัวร้าย หรือท้อต่ออุปสรรค แต่ท้ายที่สุดแล้ว พอเราฝึกจนชำนาญ เราจะอยู่ต่อสู้กับมันได้ครับ

อีกสิ่งหนึ่ง นอกจากเราจะต้องฝึกฝนจนชำนาญแล้ว สำหรับงานดีไซน์ เราต้องขยันดูสื่ออื่นๆ เยอะๆ แล้วดูด้วยว่า เทรนด์การออกแบบมันไปถึงไหนแล้ว เพราะว่างานออกแบบโฆษณา เราต้องตามเทรนด์ไง คือ ถ้าเราเป็นศิลปินวาดภาพขาย มันก็เป็นตัวเองไป ไม่ต้องตามเทรนด์มาก แต่ถ้าเราทำงานกราฟฟิคดีไซน์ เราต้องประยุกต์ให้เข้ากับมีเดียใหม่ๆ เพราะเทรนด์กราฟฟิคพอเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งแล้ว มันก็อาจจะเชยได้ แต่ผมไม่ได้บอกว่าให้ไปลอกเขา หรือทำตามเหมือนกันทั้งหมด แต่เราต้องใส่เอกลักษณ์ของตัวเองลงไปด้วยครับ

 

ตลอดการคุยกว่าหนึ่งชั่วโมง แม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เราได้เห็นถึงวิธีคิดของผู้ชายคนนี้ที่มีความมั่นคงต่อสิ่งที่ตัวเอง “ชอบ” และ “รัก” เขาโชคดีที่ค้นพบตัวเองได้เร็ว และได้ทำในสิ่งที่ชอบในหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน และนี่คงเป็นอีกหนึ่งความโชคดีที่เราได้มีโอกาสมานั่งคุยกับ ธาม โรจน์ชีวพันธ์ ผู้ชาย(ไม่)ธรรมดาคนนี้ เช่นกันครับ


Interview :ธนกฤต ชัยสุวรรณถาวร

Photo : Yak Yai Paradise

ภาพประกอบ : @boooblur, The Fool

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.