สิ่งหนึ่งที่ Pharrell,Grace Coddington และ Ben Baller มีเหมือนกัน นั่นก็คือความหลงใหลในการสะสมของเล่นเป็นชีวิตจิตใจ อาจฟังดูตอนแรกไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไร เพราะทุกคนย่อมมีความชอบและความฝันในวัยเด็กที่เหมือนกัน แต่ทว่าของสะสมที่ว่านั้นกลับคือเจ้า BE@RBRICK หมีตัวเล็กๆ ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายตัวต่อแต่กลับมีอิทธิพลจนกระทั่งไปปรากฏกายทั่วโลก ไม่ว่าจะรูปแบบธรรมดาหรือมาเป็นซีรี่ย์ยอดมนุษย์ ราวกับว่า BE@RBRICK เป็นหมีอมตะที่สามารถแฝงกายไปได้ทุกโมเม้นต์
BE@RBRICK คือรูปแบบของของเล่นสะสมที่ดูละม้ายคล้ายเลโก้ผสมหมีน่ารักตัวหนึ่ง โดยมีหัวน่ารักๆ เป็นหมีผลิตและออกแบบโดยบริษัท MediCom Toy Incorporated (ผู้ผลิตของเล่นยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น) สืบเชื้อสายมาจาก Kubrick ที่คล้ายกับ Playmobil และ Lego อีกที แต่ BE@RBRICK จะมีหัวเป็นหมี ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนทั้งหมด 9 ชิ้น คือ หัว ลำตัว แขน มือ สะโพก และขา ในขณะที่ Kubrick จะมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับมนุษย์มากกว่า คาแรกเตอร์ BE@RBRICK มีความผสมผสานระหว่างของเล่นและงานศิลปะ ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
โดยปกติแล้วของเล่นทั่วไปจะถูกออกแบบไว้สำหรับเด็กๆ เท่านั้น แต่หมีตัวนี้ กลับสร้างมูลค่าราคาสูงเกินกว่าจะเป็นของเล่นธรรมดาทั่วไป ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันดอลล่าสหรัฐฯ และบางตัวมีมูลค่าถึง 200,000 ดอลล่าสหรัฐฯเลยทีเดียว
BE@RBRICK ส่วนใหญ่ทำจากพลาสติกชนิดแข็ง แต่ในซีรี่ย์ที่ต่างกัน ก็มีการเลือกใช้วัสดุผสมที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ความเหมาะสมรวมถึงราคา อาทิมีการใช้โลหะ และไม้
BE@RBRICK ตัวแรกถูกวางจำหน่ายวันที่ 27 พฤษภาคม 2001 ถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบให้เป็นของขวัญที่ระลึกสำหรับผู้ร่วมงาน World Character Convention ครั้งที่ 12 ที่โตเกียวประเทศญี่ปุ่น หมีสีขาวแสนเรียบง่ายปั้มพ์ตาโลโก้ “@” สีแดง
ขนาดของเจ้า BE@RBRICK
ขนาดมาตรฐานเริ่มแรกจะมีความสูง 7 cm. ซึ่งเรียกกันว่าขนาด 100% จากนั้น BE@RBRICK ก็ถูกสร้างสรรค์ในขนาดต่างๆ ตั้งแต่ 50% – 1,000%
ขนาด 50% สูงประมาณ 35 mm. ถูกจัดจำหน่ายในลักษณะขนาดของพวงกุญแจ
ขนาด 70% สูงประมาณ 50 mm. ไซต์นี้ถูกวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2006
ขนาด 100%, สูงประมาณ 70 mm. คือรูปแบบคลาสสิกที่เราเห็นผลิตเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ที่จัดจำหน่ายออกมาเป็นซีรี่ย์จะทำออกมาในขนาดนี้ รวมไปถึงเป็นขนาดที่ถูกบรรจุอยู่ใน Blind Boxes ด้วย
ขนาด 200%, สูงประมาณ 145 mm. ไซต์นี้ถูกจัดจำหน่ายในซีรี่ย์หุ่นเหล็กแห่งยุคโชโกคิน ทำจากเหล็กมีน้ำหนักประมาณ 400 กรัมต่อตัว
ขนาด 400%, สูงประมาณ 280 mm. เป็นขนาดรองอันดับสองที่ได้รับความนิยม นักสะสม BE@RBRICK ส่วนใหญ่จะซื้อไซต์นี้มาสะสม
ขนาด 1000%, สูงประมาณ 700 mm เป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุดของ BE@RBRICK
BE@RBRICK จะถูกแบ่งออกตาม “ซีรี่ย์” และ “ชนิด” จะปล่อยออกมาปีละ 2 ครั้งและแต่ละซีรี่ย์จะถูกรังสรรค์ออกมาในช่วงซัมเมอร์และวินเทอร์ ใน 1 ซีรี่ย์ จะมี 18 ตัว, 10 แบบ ตามนี้
TYPE:
Basic: รูปแบบสีเรียบ ๆ มีตัวอักษรประทับอยู่ตรงหน้าอก โดยในแต่ละซีรี่ยจะมี 9 ตัวอักษร เรียงกันได้คำว่า BE@RBRICK
Standard : BE@RBRICK ทั้งหมดในซีรี่ย์นี้จะแตกต่างกันไปตามธีม
Artist: ดีไซน์ที่ถูกสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปินชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก
Secret:ตัวละครลับมักจะไม่ค่อยประกาศออกมา มักจะเป็นตัวที่หายากและมีราคาค่อนข้างแพงกว่าตัวอื่นในซีรี่ย์เดียวกัน
THEME:
Jellybean: จะเป็นสีเรียบ ๆ ที่มีความโปร่งใส
Pattern: ลวดลายซ้ำ ๆ ซึ่งบางครั้งก็จะมี ดีไซน์เนอร์มาออกแบบให้
Flag: ลายธงชาติแต่ละประเทศ
Horror: จะเป็นดีไซน์ที่มากจากหนัง Horror หรือ หรือ สิ่งน่ากลัวต่าง ๆ
SF: ย่อมาจาก Science Fiction โดยส่วนมากจะมีดีไซน์มาจากภาพยนตร์
Cute: ออกแบบจากสิ่งน่ารัก ๆ ต่าง ๆ เช่น Hello Kitty หรือตัวการ์ตูนต่างๆ
Animal: ช้าง ม้า วัว ลิง เห็นได้จากธีมนี้แหละ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ BE@RBRICK มีความสนุก น่าค้นหาและมีราคาแพง คือ การที่มันขายในลักษณะ “blind box” ซึ่งเราจะไม่รู้ได้ว่าข้างในนั้นเป็นตัวอะไรจนกว่าเราจะซื้อมาโดยที่ข้างกล่องจะมีค่าเปอร์เซนต์ในการเปิดว่าเจอตัวอะไร
Basic BE@RBRICK — 14.58%
Standard BE@RBRICK
Jellybean — 11.45%
Pattern — 11.45 %
Flag — 9.37 %
Horror— 9.37%
SF — 10.41%
Cute –13.54%
Animal — 8.33 %
Hero — 7.29 %
Artist BE@RBRICKS — 4.16 % หรือ 1.04 %
โดยเปอร์เซ็นต์เหล่านี้อ้างอิงจาก 1 carton โดย 1 carton ก็จะมี 4 tray. Tray ก็จะมีลักษณะเหมือนกล่องในภาพที่แสดงอยู่ โดยข้างในก็จะมีทั้งหมด 24 กล่องเล็ก ๆ ให้เราได้เปิดลุ้นกัน และถ้าสังเกตจากเปอร์เซ็นต์ดี ๆ จะพบว่าการที่เราซื้อ 1 Tray จะทำให้เราได้ First Artist อย่างแน่นอน ส่วน 2nd Artist ก็ต้องลุ้นกันอีกที 1 Tray นั้นโอกาสที่จะได้ตัวหายากมากที่สุดจะมีแค่ 3 ตัว(รวม First Artist) นอกจากนี้ตัวที่มีค่าสำหรับนักสะสมมากที่สุดก็จะเป็นที่เรียกกันว่า Secret ซึ่งจะไม่มีรูปและเปอร์เซ็นต์บอก
นอกจากซีรีย์หลักที่ปกติจะออกมาปีละ 2 ครั้งแล้ว ก็จะมีดีไซน์ที่ทำร่วมกับศิลปิน อาทิเช่น Kaws, Futara หรือ วงดนตรีอย่าง Beatles, Rollingstone หรือแบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ เช่น Stussy, Comme des garcon, Isetan, goodenough ออกมาเป็นตัวพิเศษให้บรรดานักสะสมได้ไล่ล่ากัน
และสิ่งที่ทำให้มันมีราคาและเป็นของสะสมที่หวงแหนของใคร ๆ หลายคนคือ มันไม่มีการทำซ้ำหรือจำหน่ายใหม่ ไม่ว่ามันจะขายดีแค่ไหนก็ตาม