ถึงช่วงเปลี่ยนซีซั่นเมื่อไหร่ สาวๆ หลายคนคงจับตามองวงการแฟชั่นที่ร้อนระอุ เพราะแต่ละแบรนด์ต่างส่งเสื้อผ้าคอลเลกชั่นใหม่ๆ ออกมาไม่หยุด แต่ขอบอกว่าไม่ใช่แค่นั้น เพราะล่าสุด แบรนด์อัญมณีชั้นนำ ของประเทศไทย “บิวตี้ เจมส์” ก็ขอเปิดตัว “เครื่องเพชรคอลเลกชั่นล่าสุด 14 เซต” ที่ดีไซน์ขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามของธรรมชาติ จะเรียกว่าเป็นคอลเลกชั่นฤดูฝนก็ว่าได้ นำมาจัดแสดงโชว์อย่างอลังการ ในงานฉลองเปิด โชว์รูม บิวตี้ เจมส์ โซนใหม่ ขยายโซนเวิร์คช็อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ ชั้น 3 อาคาร บิวตี้ เจมส์ เซ็นเตอร์ ศาลาแดง แต่ละเซตจะเว่อร์วัง ระยิบระยับ ตระการตา ขนาดไหน ไปชมกันเลย
ขอเริ่มต้นด้วยเครื่องประดับชิ้นเบาๆ อย่างเข็มกลัดก่อน ประเดิมด้วย Belles Fleurs (เบลส์ เฟลอส์) เซตกลัดเพชร และพลอยรูปดอกไม้ โดยดอกไม้สีชมพู ตัวเรือนทำจากทองคำ 18K White Gold สีสวยงามโดดเด่นด้วยเพราะประดับด้วยทับทิม, พิงค์ แซฟไฟร์ ส่วนเข็มกลัดเพชรสีเรียบหรูแต่เลอค่าด้วยเพชรน้ำงาม หนักกว่า 31 กะรัต ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจ จากสวนฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยหมู่มวลดอกไม้สีพาสเทล ที่ชวนตื่นตาและให้ความรู้สึกสดใส ละมุนละไมของดอกไม้ยามผลิบาน เหมาะสุดๆ กับ ชุดเดรสลำลอง หรือชุดสูทสีพื้นเรียบๆ ช่วยเพิ่มความสดใส เปลี่ยนชุดเรียบๆที่ดูน่าเบื่อให้มีสีสัน เพิ่มความสดใส ตามสโลแกนที่ว่าดอกไม้ย่อมต้องคู่กับหญิงงาม ดอกไม้สีชมพูราคา 2.5 ล้านบาท ส่วนดอกไม้สีขาวอยู่ที่ 3.8 ล้านบาท
เข็มกลัดชิ้นต่อมาขอเอาใจสาวหวาน Je t’aime (เฌอ’ แตม) ใช้ทับทิมเป็นหลัก โดยสื่อแทนสัญลักษณ์ของความสุข ความสมหวังในความรัก อันหอมหวานแสนบริสุทธิ์ของวัยรุ่น เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ชอบอะไรคิ้วท์ๆ อาโนเนะ กลัดชุดได้หลายโอกาส ราคา 6 แสนบาท
ถัดมายังเป็นเข็มกลัดที่สื่อถึงความรัก Andonios (อันโดนิออส) ซึ่งใช้สัญลักษณ์รูปหัวใจ แต่ใช้อัญมณีสีเหลืองอย่างบุษราคัม หนัก 35 กะรัต อินสไปเรชั่นจากเด็กสาวมากล้นไปด้วยเสน่ห์ เป็นความรักที่สนุกสนาน รูปทรงดีไซน์แนวหลุยส์ พร้อมด้วยตุ้งติ้ง ห้อยระย้า ดูโดดเด่นเมื่อเคลื่อนไหว เหมาะกับลุคที่ต้องการดูคลาสสิกหรูหรา ราคา 3.5 ล้านบาท
อีกหนึ่งความแบ๊วใส The Farfalla (เดอะ ฟาร์ฟอลล่า) เข็มกลัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผีเสื้อที่อวดปีกสีสันสวยงาม แสดงออกถึงเสรีภาพ และความเป็นอมตะ เข็มกลัดเพชร ตัวเรือนทองคำ 18K White Gold น้ำหนัก 33 กรัม ประด้วยเพชรน้ำหนัก 25 กะรัต และเข็มกลัดเพชร ตัวเรือนทองคำ 18K Yellow Gold น้ำหนัก 38 กรัม ประดับด้วยเพชรน้ำหนัก 23 กะรัต ราคา 1.5 ล้านบาท และ 2.5 ล้านบาท
และเข็มกลัดชิ้นสุดท้ายในคอลเลกชั่นนี้ The Gleam (เดอะ กลีม) ได้แรงบันดาลใจมาจากความเจิดจรัสของพลุ ที่เปล่งประกาย บนท้องฟ้า ทำจากเพชร หนัก 33 กะรัต เหมาะสำหรับชุดเดรสสีดำ ช่วยดึงความสนใจให้อยู่บริเวณช่วงใบหน้าถึงลำตัว ราคา 5.2 ล้านบาท
มาต่อกันที่เซตเครื่องประดับ งานนี้รู้เลยว่าซีซั่นนี้สีน้ำเงินและสีฟ้ากำลังมา เรียกว่ารับหน้าฝน สาวๆ ที่หลงใหลสีน้ำเงินต้องห้ามพลาด The Zaffiro (เดอะ แซฟฟิโร่) ที่โดดเด่นด้วยไพลิน ที่ถือว่าเป็นราชาแห่งอัญมณีสีน้ำเงิน ชุดนี้ประกอบด้วย สร้อยคอ, ต่างหู และแหวน 2 วง ตัวเรือนทำจากทองคำ 18K White Gold แต่ฟินาเล่ด้วยไพลิน กว่า 301 กะรัต เหมาะสำหรับลุคสุดหรูที่เป็นทางการ ช่วยเสริมความสง่าและน่าเกรงขาม หรือสามารถใส่แยกชิ้น อย่างเช่น ใส่เฉพาะต่างหู สำหรับลุคเวิร์คกิ้งวูแมน ก็ช่วยสร้างความมั่นใจ เพิ่มความน่าเชื่อถือและดูสุขุม แต่แอบเซ็กซี่เล็กๆ ราคาก็เบาๆ 55 ล้านบาท ค่ะคุณ
ส่วนผู้หญิงที่ชอบทะเลและสายลม ต้องชิ้นนี้ Vagues de Lamer (โวค เดอ ลาแมร์) เครื่องประดับเซตนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกลียวคลื่นใต้ท้องทะเล ที่กระทบฝั่ง เปรียบดั่งพลังของผู้หญิงที่ดูนุ่มนวล แต่ภายในเต็มไปด้วยพลัง ช่วยคอมพลีทลุคสำหรับงานกลางคืน หรือปาร์ตี้ไนท์ ให้ดูมีกิมมิก ประดับด้วยไพลิน น้ำหนัก 93 กะรัต และเพชร น้ำหนัก 27 กะรัต ราคา 2.5 ล้านบาท
ส่วน The El Cielo (ดิ เอล ซิเอโล) เหมาะสำหรับหญิงสาวอาร์ตติสท์ ที่ชอบงานดีไซน์ที่เก๋ไก๋ เซตนี้ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากท้องฟ้าอันสดใส สวมใส่แล้วช่วยเติมชีวิตชีวา จะใส่เป็นเครื่องประดับสำหรับงานกลางคืน หรือจะมิกซ์แอนด์แมตช์กับชุดลำลอง สำหรับไปเดินห้างชิลๆ ก็ดูสวยเก๋มีสไตล์ ชิ้นนี้อัญมณีนางเอกคือ บลู โทพาส น้ำหนัก 62 กะรัต ราคา 2.5 ล้าน
มาที่เครื่องประดับโทนสีน้ำเงินชิ้นสุดท้าย The Graceful (เดอะ เกรซฟูล) เครื่องประดับเซตนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากบุคลิกของสาวสังคมสุดสง่า แต่งานนี้นางเอกตัวจริงคือเพชร น้ำหนัก 68 กะรัต ที่ล้อมอัญมณีสีน้ำเงินอยู่ เหมาะสำหรับคนที่ชอบสีน้ำเงินแต่อาจจะรู้สึกว่า ใส่สีน้ำเงินแล้วไม่สวย เลยใช้เพชรมาช่วยเสริม ราคาอยู่ที่ 18 ล้านบาท
ไม่ใช่แค่อัญมณีโทนสีฟ้าที่มาแรงในซีซั่นนี้ แต่โทนสีเขียวก็โดดเด่นไม่แพ้กัน กับชุดเครื่องประดับ Passionate (แพสชั่นเนต) โดดเด่นด้วยพลอยมรกตรูปทรงสี่เหลี่ยม ดีไซน์การออกแบบเน้นเหลี่ยมมุมและรูปทรงได้อย่างลงตัว ดูเรียบหรู และสะดุดตา ไฮไลต์อยู่ที่มรกตหนักกว่า 465 กะรัต ราคา 59 ล้านบาท ใครชอบเครื่องประดับที่เอลิแกนซ์ขั้นสุดต้องชิ้นนี้เท่านั้น
มาต่อกันที่เซตเครื่องประดับสีพาสเทลสุดโดดเด่น Masa de Flores (เมสา เดอ ฟลอเรส) เครื่องประดับเซตนี้ประด้วยด้วยพลอยแฟนซีหลากสีสัน น้ำหนัก 26 กะรัต, และเพชร หนัก 40 กะรัต ออกแบบจากแรงบันดาลใจจากความสวยงามของหมู่มวลดอกไม้ตามธรรมชาติ สวมใส่แล้วช่วยปรับลุคให้ดูอ่อนโยน และช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย ราคาอยู่ที่ 3 ล้านบาท
ตามมาด้วย The Cipolla (เดอะ ซิโปลล่า) เครื่องประดับเซตนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากกรุ่นกลิ่นไม้หอมของตะวันออก งานดีไซน์จึงมีความเป็นเอเชี่ยนลุค เหมาะสำหรับสาวหมวยเป็นพิเศษ ตัวเรือนทองคำ 18K White Gold น้ำหนัก 152 กรัม ประดับด้วยทับทิม (หลังเบี้ย) น้ำหนัก 319 กะรัต และเพชร น้ำหนัก 27 กะรัต ราคา 3.5 ล้านบาท
สำหรับสาวๆ ที่ชอบไข่มุกห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะ The Grandiose (เดอะ แกรนดิออส) สร้อยคอนี้ประดับด้วยมุก น้ำหนักถึง 2,183 กะรัต และยังเพิ่มความเปล่งประกายด้วยเพชรอีก 51 กะรัต เหมาะสำหรับการแต่งกายสไตล์แก๊สบี้ และโกธิค ช่วยเพิ่มเสน่ห์และความลึกลับน่าค้นหา ราคา 8 ล้านบาท
และขอปิดท้ายคอลเลกชั่นนี้ด้วย The Moment (เดอะ โมเม้นท์) เครื่องประดับชิ้นนี้ นำเพชรสีเหลือง และสีขาวหลากหลายรูปทรง มาผสมผสานกันอย่างกลมกลืน บ่งบอกถึงความมีรสนิยม ตัวเรือนทองคำ 18K White Gold น้ำหนัก 125 กรัม ประดับด้วยเพชร น้ำหนัก 44 กะรัต เป็นเครื่องประดับชิ้นกะทัดรัด เหมาะสำหรับคนที่ชอบอะไรที่น้อยแต่ดูมาก
ต้องบอกว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความล้ำค่าน่าอัศจรรย์ที่นำมาให้รับชม ร่วมเปิดประสบการณ์สัมผัสความเลอค่าของเครื่องประดับและอัญมณี ฝีมือคนไทยคุณภาพระดับสากล ที่ควรค่าแก่การสะสมและน่าลงทุน ท่ามกลางบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟด้วยตัวคุณเอง ที่ โชว์รูม บิวตี้ เจมส์ ชั้น 3 อาคารบิวตี้ เจมส์ เซ็นเตอร์ ศาลาแดง สอบถามโทร. 02-237-8680-9