หากย้อนกลับไปในช่วงปี 1984 ที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ทั่วโลกคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อ “โจแอน เบอร์นัว แซมมวลสัน” นักวิ่งมาราธอนผู้หญิงคนแรกของโลกที่สร้างประวัติศาสตร์ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ด้วยการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 จากระยะเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 24 นาที 52 วินาที ซึ่งผลจากชัยชนะของเธอในครั้งนั้นได้ทำลายข้อสงสัยที่มีต่อศักยภาพของผู้หญิงในการแข่งขันกีฬา เพราะในอดีตประเภทของการแข่งขันกรีฑาสำหรับผู้หญิงมีระยะสูงสุดแค่ 1,500 เมตร เนื่องจากมีความเชื่อที่ว่า ร่างกายของผู้หญิงไม่เหมาะสำหรับกับการแข่งกรีฑาระยะไกล อย่างไรก็ตามด้วยความร่วมมือของ IRC หรือ The International Runners Committee และการรวมกลุ่มกันของนักกรีฑาหญิงที่มีไนกี้เป็นผู้ให้การสนับสนุน ได้ผลักดันให้มีการแข่งขันวิ่งมาราธอนหญิงขึ้นเป็นครั้งแรกในการแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ที่นครลอสแอนเจลิส ปี 1984 ได้เป็นผลสำเร็จ
และเพื่อเป็นการสืบสานความสำเร็จของแซมมวลสัน และสดุดีถึงหลักคิดในการดำเนินชีวิตของเธอที่ว่า “THERE IS NO FINISH LINE” ไนกี้จึงได้นำเป็นแรงบันดาลใจของเธอมาเป็นแนวทางในการส่งเสริมนักกีฬาหญิงคนอื่นๆ อย่างต่อเนื่องมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยเริ่มต้นจากการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์รองเท้าวิ่งกลุ่ม ‘ไนกี้ วีเม่นส์’ รวมไปถึงการจัดการแข่งขันกรีฑาสำหรับผู้หญิงทั่วทุกมุมโลก และการก่อตั้ง ไนกี้ วีเม่นส์ คอมมิวนิตี้ซึ่งปัจจุบันมีผู้หญิงกว่า 4 ล้านคนทั่วโลกเข้าร่วมเป็นสมาชิก เพื่อร่วมวิ่งและออกกำลังกายร่วมกัน
ดังนั้นในโอกาสนี้ ไนกี้ จึงภูมิใจเสนอรองเท้า “คอลเลคชั่นบิวตี้ฟูล เอ็กซ์ พาวเวอร์ฟูล” (Beautiful X Powerful Collection) เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของนักกีฬาผู้หญิงในการแข่งขันกีฬาทุกประเภท ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการวิ่งมาราธอนอันน่าจดจำของแซมมวลสัน
บิวตี้ฟูล เอ็กซ์ พาวเวอร์ฟูล เป็นคอลเลคชั่นรองเท้าของไนกี้ที่ได้รับอิทธิพลในการสร้างสรรค์มาจากความสำเร็จนักกรีฑาผู้หญิงและนักกีฬาผู้หญิงในการแข่งขันกีฬาประเภทอื่นๆ อีกหลายคน ซึ่งคอลเลคชั่นนี้จะนำรองเท้าวิ่ง 4 รุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของไนกี้มาปรับปรุงใหม่ตามแนวคิด “THERE IS NO FINISH LINE” ของแซมมวลสัน โดยมีลวดลายการออกแบบที่สื่อถึงความเร็ว และผลิตจากผ้าแจ็คการ์ดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพแห่งความทรงจำของแซมมวลสัน
สำหรับบิวตี้ฟูล เอ็กซ์ พาวเวอร์ฟูลนี้จะเริ่มวางจำหน่ายคอลเลคชั่นพรีเมี่ยมเลเธอร์เป็นครั้งแรกในวันที่ 6 ตุลาคม 2559 โดยจะมีรุ่น AIR MAX THEA ULTRA PRM ราคา 5,100 บาท รุ่น AIR HUARACHE RUN ULTRA PRM ราคา 5,000 บาท รุ่น AIR PRESTO PRM ราคา 5,200 บาท และรุ่น CLASSIC CORTEZ STR LTR ราคา 3,500 บาท โดยจะวางจำหน่ายที่ร้าน
Upperground เซ็นทรัลเวิลด์ ร้าน Carnival สาขาสยามสแควร์ และสาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ร้านไนกี้ สาขาสยามสแควร์วัน ,เซ็นทรัล เวสต์เกต, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า,เซ็นทรัล ลาดพร้าว, สยาม ดิสคัฟเวอรี่, Zpell , เมกา บางนา และร้าน Seek สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ และ เมกา บางนา ขณะที่ผ้าแบบแจ็คการ์ด จะวางจำหน่ายในวันที่ 1 ธันวาคม 2559