The Traveller: เปิดมุมมองใหม่ให้กับการท่องเที่ยวแบบ Singapore East Meets West ณ สิงคโปร์ [Part 2]

nomad609

5 years ago

The Traveller:

เปิดมุมมองใหม่ให้กับการท่องเที่ยวแบบ

Singapore East Meets West ณ สิงคโปร์ [Part 2]

ในวันแรกของทริป “Singapore East Meets West” เราได้พาชาว Fav Forward ไปพบกับความน่าตื่นตาตื่นใจของ Singapore Changi Airport, นิทรรศการ From Singapore to Singaporean: The Bicentennial Experience และเดินเล่นดูไฟคริสต์มาสกันบนถนน Orchard ในงาน Christmas on A Great Street กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในพาร์ทนี้เราจะพาไปสัมผัสกับอีกแง่มุมหนึ่งทางด้านความเชื่อของประเทศที่ได้ชื่อว่าเจริญมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกกัน [อ่าน Part 1 ที่นี่]

Day 2

Sembawang God of Wealth Temple

ไฉ่ ซิ้ง เอี้ย

สำหรับจุดมุ่งหมายแรกของวันนี้ เราจะเริ่มต้นสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตด้วยการเดินทางไปสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวสิงคโปร์ด้วยกันถึง 3 วัด เริ่มต้นกันที่ Sembawang God of Wealth Temple หรือ วัดซัมบาวัง สถานที่ประทับของเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ชาวจีนรู้จักกันดีอย่าง ไฉ่ ซิ้ง เอี้ย (จุดสังเกตอยู่ที่องค์เทพเจ้าสีทองขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนหลังคาวัด) โดยชาวสิงคโปร์และชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีนต่างเชื่อว่าหากใครที่ได้มากราบขอพรเทพเจ้าที่วัดซัมบาวังนี้จะช่วยเหลือในเรื่องของธุรกิจ ค้าขาย และเงินทองให้ไหลมาเทมาตลอดทั้งปี

วัดถัดมาก็คือ Kwan Im Thong Hood Cho Temple หรือ วัดเจ้าแม่กวนอิม วัดเก่าแก่ของศาสนาพุทธในประเทศสิงคโปร์ที่สร้างขึ้นในปี 1884 สำหรับการเดินทางมายังวัดเจ้าแม่กวนอิมส่วนใหญ่แล้วจะขอเรื่องทั่วๆ ไปอย่าง ความรัก โชคลาภ การเงินและความสมหวัง นอกจากขอพรแล้วที่วัดแห่งนี้ยังมีบริการเสี่ยงเซียมซีที่ขึ้นชื่อว่าแม่นถึงแม่นมากที่สุดไว้คอยบริการอีกด้วย (ใครที่มาต้องห้ามพลาดเป็นอันขาด)

และที่ตั้งอยู่ใกล้กับวัดเจ้าแม่กวนอิมก็คือ Sri Krishnan Temple หรือ วัดศรีกฤษณะ วัดแขกที่เราสามารถเข้าไปขอพรได้เช่นเดียวกัน

อีกหนึ่งเสน่ห์ของบริเวณรอบๆ วัดเจ้าแม่กวนอิมก็คือการที่บริเวณนี้จะเต็มไปด้วยร้านรวงแผงลอยขายของสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งย่านที่แตกต่างไปจากย่านอื่นๆ ของประเทศสิงคโปร์อย่างสิ้นเชิง (คล้ายๆ ย่านไชน่าทาวน์ในบ้านเรา) อาจเป็นเพราะเราจะไม่ได้เห็นแผงลอยวางขายตามทางเท้าในย่านอื่นๆ นั่นเอง

จุดถ่ายรูปยอดนิยมของย่านนี้

ที่นี่มีรถสามล้อท้องถิ่นไว้คอยบริการด้วย

ปิดท้ายกันที่ Yueh Hai Ching Temple หรือ วัดเยี่ยไห่ชิง วัดลัทธิเต๋าที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ โดยวัดนี้ขึ้นชื่อที่สุดในเรื่องของการขอพรด้านความรัก (เทียบได้กับการไปไหว้เทพเจ้าด้ายแดงที่ฮ่องกงเลยทีเดียว) ซึ่งไม่ว่าใครที่เดินทางมายังวัดนี้เป็นต้องสักการะ เทพ Elder of Moon เพื่อคล้องด้ายแดงกันแทบทุกราย

เทพ Elder of Moon

เมื่อมองไปยังมุมบนของวัดเยี่ยไห่ชิงจะถูกรายล้อมไปด้วยความเจริญของตัวเมือง (ไกด์บอกเราว่ามูลค่าที่ดินของวัดนี้ ณ ปัจจุบันสูงระดับพัน-หมื่นล้านเลยทีเดียว)

และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ไม่ว่าใครที่เดินทางมายังสิงคโปร์เป็นต้องมาเยือนก็คือ Gardens by the Bay สวนพฤกษศาสตร์แห่งโลกอนาคตที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ซึ่งในช่วงนี้ทาง Gardens by the Bay เองก็อยู่ในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ผ่านงาน Christmas Wonderland at Gardens by the Bay ที่จะมีการประดับประดาไปด้วยไฟคริสต์มาสในยามค่ำคืน

Flower Dome

Poinsettia Wishes

และก่อนที่จะไปดูไฟคริสต์มาสกันที่งาน Christmas Wonderland at Gardens by the Bay เราก็ขออุ่นเครื่องกันที่ Flower Dome 1 ใน 2 ของโดมกระจกขนาดใหญ่ที่ในช่วงนี้จะมีการจัดแสดงสวนในธีม Poinsettia Wishes ซึ่งเป็นการร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำสิงคโปร์ในการสร้างสรรค์ผลงานเทศกาลคริสต์มาสของชาวนอร์ดิก

โดย Poinsettia Wishes จะจัดแสดงตั้งแต่วันนี้ – 5 มกราคม 2020 ที่ Flower Dome

หลังจากเดินเล่นใน Flower Dome แล้วก็ต้องไม่พ้นที่จะขึ้นมาชมวิวกันใน Cloud Forest

Cloud Forest

แต่ถ้าใครพอมีเวลาสักหน่อยเราขอแนะนำให้เดินเลียบ Cloud Forest เพื่อขึ้นไปยัง Marina Barrage ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ โดยคนที่นี่จะนิยมพกน้ำและอาหารขึ้นมาปิกนิกไปพร้อมๆ กับการเล่นว่าว (เพราะลมแรงมาก) ซึ่งเราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ทั้งหมดของอ่าวมารีน่าและจุดเชื่อมต่อระหว่างเขื่อนกับทะเลภายนอกได้จากบริเวณนี้

Marina Barrage

เมื่อตะวันตกดินก็ถึงเวลาของงาน Christmas Wonderland at Gardens by the Bay โดยปีนี้ทางสิงคโปร์เองก็ได้เนรมิต Gardens by the Bay ให้กลายเป็นป่าแห่งแสงไฟขนาดใหญ่ราวกับอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Avatar นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมภายในงานหลายอย่างให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตาตื่นใจไม่ว่าจะเป็น ขบวนพาเหรด, กิจกรรม Santa’s Workshop สุดพิเศษที่ผสมผสานการแสดงและกิจกรรมเข้าไว้ด้วยกัน, Garden Rhapsody – The Christmas Special เนรมิตต้นไม้ยักษ์ให้เต็มไปด้วยแสงไฟ ซึ่งถือได้ว่าที่แห่งนี้คือต้นคริสต์มาสประดับไฟที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย, Walk of Peace อุโมงค์ไฟประดับกว่า 60,000 ดวง, Theatrical Shows โชว์พิเศษที่มีเฉพาะในงาน, Festive Market ซุ้มขายอาหาร ขนม ของที่ระลึก และซุ้มเกมต่างๆ ตลอดทั้งงาน