“ถ้าคนอ่านเข้ามา เขาก็จะรู้สึกว่ามันเป็นมากกว่าร้านหนังสือ มันไม่ใช่แค่การขายหนังสือ แต่มันมีเรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับหนังสือ มันมีกิมมิกและอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับหนังสือ แต่ก็มีโต๊ะให้นั่งอ่านได้ตลอด ไม่ต้องซื้อก็ได้ แต่มานั่งอ่าน มาใช้ชีวิตในร้านหนังสือ ถ้าคุณมาอยู่ในร้านหนังสือ จริงๆ ร้านไหนก็ได้แหละ ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดี”
หนึ่งในคำพูดของคุณต้อง – ปิยะวิทย์ เทพอำนวยสกุล บรรณาธิการสำนักพิมพ์สมมติ ถึงร้านหนังสือน้องใหม่ “สมมติ & the Object” ร้านหนังสืออิสระของสำนักพิมพ์สมมติที่ซ่อนตัวอยู่ในโครงการชวนชื่นการ์เด้นบนถนนกาญจนาภิเษก ที่กำลังรอให้นักอ่านอย่างเราเข้าไปสำรวจ
สำหรับร้านหนังสือสมมติ & the Object นี้ เป็นความใฝ่ฝันของคุณต้องที่อยากมีร้านหนังสืออิสระตั้งแต่แรกเริ่มตั้งสำนักพิมพ์ แต่ด้วยเงื่อนไขและข้อจำกัดหลายๆ อย่างทำให้จำต้องหยุดความคิดเรื่องร้านหนังสือและหันไปมุ่งมั่นกับการปั่นต้นฉบับแทน แต่ในวันนี้เมื่อเงื่อนไขและข้อจำกัดที่ว่ามาเอื้ออำนวย คุณต้องจึงไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนพื้นที่ว่างให้กลายเป็นร้านหนังสืออิสระขนาดกะทัดรัด แต่อัดแน่นด้วยหนังสือเฉพาะกลุ่มที่เราอาจไม่เคยเห็นในร้านหนังสือทั่วไป
“คอนเซ็ปต์หลักๆ เลยผมอยากให้หนังสือในร้านเป็นหนังสือที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสจากร้านหนังสือทั่วไป อันนี้เป็นภาพใหญ่ที่เราอยากได้หนังสือแบบนี้ในร้าน เราคิดว่ามันดี แต่มันไม่มีโอกาสเจอผู้อ่านในร้านทั่วๆ ไป”
จากความตั้งใจที่อยากขยับขยายที่ทางให้กับหนังสือเฉพาะกลุ่มนี้เอง ทำให้ร้านหนังสือสมมติ & the Object กลายเป็นร้านหนังสืออิสระที่มีเอกลักษณ์และพิเศษกว่าร้านหนังสือทั่วไป โดยนอกจากหนังสือของสำนักพิมพ์สมมติแล้ว คุณต้องยังเปิดกว้างด้วยการเชิญเพื่อนๆ สำนักพิมพ์ที่จัดทำหนังสือเฉพาะกลุ่ม ซึ่งไม่ค่อยมีพื้นที่ในร้านหนังสือทั่วไปมาร่วมฝากหนังสือในร้านนี้ด้วย
“เวลาเราเข้าร้านหนังสือทั่วไป 80 -90% ผมเชื่อว่าคุณเจอหนังสือเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคำถามว่า เอ๊ะ! แล้วมันมีหนังสืออื่นที่เราไม่เจอ แล้วหนังสือเหล่านั้นมันคืออะไร มันคือหนังสือเล่มไหน มันคือหนังสือประเภทไหน คำถามที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคือ แล้วทำไมหนังสือบางประเภทมันไม่อยู่ในร้านหนังสือทั่วไปที่มันมีสาขาทั่วประเทศ ที่ผู้อ่านจะเข้าถึงได้ทั่วประเทศ ทำไมหนังสือแบบนี้ไม่อยู่ในร้านแบบนั้น คำตอบมันง่ายมาก เพราะหนังสือเหล่านั้นเป็นหนังสือเฉพาะกลุ่ม ยอดขายไม่ได้ดีมากนัก เพราะฉะนั้นในทางธุรกิจก็เข้าใจได้ว่าเป็นสินค้าที่มีอายุสั้น อยู่ในร้านได้ในระยะเวลาจำกัด หรือก็ถูกคัดออกในหลายๆ ร้าน
เพราะฉะนั้นหนังสือที่ร้านหนังสือสมมติจะเอามา หลักการแรกๆ คือ ต้องเป็นหนังสือที่ไม่ค่อยได้เห็นในร้านหนังสือทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นหนังสือประเภทวรรณกรรมไทย วรรณกรรมแปล แล้วก็พวกงานวิชาการ งานการเมือง งานประวัติศาสตร์ ปรัชญา แล้วอีกประเภทหนึ่งคือเป็นหนังสือภาษาอังกฤษที่เราเลือกมาขายเอง มีทั้ง Used Books และหนังสือใหม่ แต่เป็นหนังสือในขอบข่ายวรรณกรรม ปรัชญา ประวัติศาสตร์ โดยส่วนของ Used Books ที่เสริมเข้ามามีทั้งไทยและอังกฤษ”
และจากชื่อ ‘สมมติ & the Object’ ภายในร้านนอกจากหนังสือเฉพาะกลุ่มแล้ว ยังจำหน่ายสินค้าประเภท Nonbook ภายใต้แบรนด์ The Object ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไลน์การผลิตของสำนักพิมพ์สมมติอีกด้วย “คอนเซ็ปต์ The Object คือการทำของใช้ในชีวิตประจำวันที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับหนังสือ คือเราจะเอาเนื้อหาในหนังสือไปใส่ในสิ่งของเหล่านั้น”
“ตัวร้านหนังสือจะไม่แสดงตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อผู้อ่านเห็น”
ไม่เพียงแต่การคัดเลือกหนังสือที่ทำให้ร้านหนังสืออิสระแห่งนี้มีเอกลักษณ์เท่านั้น แต่การตกแต่งร้านก็แฝงแนวคิดไว้อย่างแยบยล ผ่านการตีโจทย์ของคุณเชาว์วัฒน์ กิตติธรกุล สถาปนิกจากสตูดิโอ มหัศจรรย์ กับแนวคิดที่ว่า “ตัวร้านหนังสือจะไม่แสดงตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อผู้อ่านเห็น”
ดังนั้นร้านหนังสือแห่งนี้จึงเป็นร้านหนังสือแบบปิด โดยซ่อนตัวร้านให้พ้นจากสายตาลูกค้าด้วยกำแพงทึบสีดำ อีกทั้งระหว่างทางที่ก้าวเข้าสู่ร้าน เราจะพบกับป้ายคำซึ่งคุณต้องเล่าว่าเป็นกิมมิกของร้านที่ต้องการให้มีป้ายคำ กรอบรูป หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหนังสือคอยต้อนรับและเรียกความสนใจจากผู้อ่านก่อนที่ลูกค้าจะปะทะกับหนังสือ ส่วนพื้นที่จัดวางหนังสือนั้น คุณต้องเลือกใช้ตู้คอนเทนเนอร์ดัดแปลงเพื่อประหยัดเวลาและงบประมาณ โดยตัดความเข้มทึบของตู้คอนเทนเนอร์สีดำด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลอ่อน ทำให้ร้านหนังสือแห่งนี้มีบรรยากาศละมุน เป็นกันเอง ขณะเดียวกันก็แฝงความลึกลับน่าค้นหาเอาไว้อย่างลงตัว
อีกหนึ่งความพิเศษของร้านหนังสือสมมติ & the Object คือร้านหนังสืออิสระแห่งนี้จะมี ‘บรรณาธิการร้านหนังสือ’ ที่รู้จักหนังสือในร้านทุกเล่ม พร้อมกับทำหน้าที่แนะนำหนังสือและคอยตอบคำถามจากผู้อ่านเกี่ยวกับหนังสือ “จุดที่ผมคิดว่าสำคัญสำหรับการทำร้านหนังสือ มันไม่ใช่แค่ผู้จัดการร้านหนังสือหรือพนักงานร้านหนังสือที่นับสต็อกจัดเข้าชั้นอย่างเดียว แต่ว่าเป็นคนที่รักการอ่าน เป็นคนที่รู้จักหนังสือ แม้ว่าเขาคนนั้นไม่ได้อ่านหนังสือทุกเล่ม แต่ต้องรู้จักทุกเล่มในร้าน”
ปิดท้ายกันด้วยแนวคิดที่คุณต้องมีต่อการทำร้านหนังสืออิสระแห่งนี้ “ถ้ายึดถือการทำธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพื้นที่แบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่คำนึงถึง เราก็คำนึงถึงในระดับหนึ่ง ให้มันประคับประคองตัวเองไปได้ ให้มันพออยู่ไปได้ แต่สิ่งสำคัญคือการให้พื้นที่กับหนังสือบางประเภทที่มันไม่ได้รับโอกาสเลย แล้วสำนักพิมพ์ก็เลยทดลองทำร้านขึ้นมาดู ดังนั้นร้านนี้มันไม่ใช่ทางเอาตัวรอด ไม่ใช่ทางเลือก ไม่ใช่อีกไลน์หนึ่งที่มาซัพพอร์ตสำนักพิมพ์เพื่อเป็นรายได้ ไม่ใช่อะไรทั้งนั้นเลย แต่เราไม่มีทางไป
คือเรามาเปิดร้านหนังสือที่คนมาทุกวันนะครับ แต่ไม่ได้เยอะนะ บางวันมา 3-4 คน แต่ทุกครั้งที่เรามาเปิด เราจะต้องเตรียมสเปซให้พร้อมที่สุด ไม่ว่าจะมีคนหรือไม่มีคน ผมจะบอกเพื่อนร่วมงานผมตลอดว่า มีคนหรือไม่มีคนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือคุณมีสเปซแบบนี้ คุณต้องพร้อมในการเตรียมร้าน ถ้ามีคนมาสักหนึ่ง เขาต้องได้รับสิ่งที่เราเตรียมไว้”
Address : โครงการชวนชื่นการ์เด้น ถนนกาญจนาภิเษก ตลิ่งชัน
GPS : 13.795517,100.411496
Time : เวลา 10.00 – 20.00 น. เปิดทุกวัน
Facebook : www.facebook.com/sommadhibooks.page
E-mail : sommadhi@gmail.com