ไม่ว่าชุดประจำทีมของนักฟุตบอลจะส่งผลแพ้ชนะหรือไม่ แต่ชุดประจำทีมก็เป็นไอเท็มอีกชิ้นที่คุณผู้ชายมักเก็บสะสมไว้ โดยเฉพาะชุดจากทีมโปรดด้วยแล้ว อาจจะมีเก็บเป็นคอลเลคชั่นเลยก็ได้ ทั้งนี้เมื่อไม่นานมากนี้ ไนกี้ก็ได้เปิดตัวชุดแข่งขันเหย้าของ “สโมสร บาร์เซโลน่า” ประจำฤดูกาล 2017/2018 ให้เราได้ชม แม้ว่าชุดใหม่นี้จะมีหน้าตาคุ้นตาเช่นเคย แต่ไนกี้ก็ยืนยันว่าชุดนี้มาพร้อมเทคโนโลยีไนกี้ แอโร่สวิฟท์ (Nike AeroSwift) ที่เสริมความยืดหยุ่นและการระบายอากาศได้ดีกว่าเดิม แถมยังเป็นนวัตกรรมที่สมบูรณ์แบบที่สุดในปัจจุบัน
ไนกี้ยังเผยอีกว่า ชุดแข่งเหย้าตัวใหม่ของเอฟซี บาร์เซโลน่าตัวนี้เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างการใช้แถบสีเลือดหมู-น้ำเงินในแนวตั้ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสโมสร โดยมีไล่ความหนาของแถบเส้นสีแดงให้บางลงในบริเวณด้านข้าง ตัดกับสีน้ำเงินเข้มได้อย่างโดดเด่น ส่วนบริเวณคอเสื้อได้เติมสีสันของ “เซนเญร่า” (Senyera) ธงประจำแคว้นคาตาลัน เพื่อแสดงถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของสโมสรแห่งนี้ อีกทั้งบริเวณด้านในแขนเสื้อด้านขวายังพิมพ์ตัวอักษร “ฟอร์ซ่า” (Força) เอาไว้ ขณะที่ด้านในแขนเสื้อด้านซ้ายจะพิมพ์ด้วยตัวอักษร “บาร์ซ่า” (Barça) เพื่อแสดงถึงเกียรติยศและความภาคภูมิใจของสโมสร
ส่วนฟังก์ชั่นที่ซ่อนเอาไว้นั้น เสื้อแข่งเหย้าตัวนี้ออกแบบด้วยวัสดุผ้าตาข่ายตามส่วนต่างๆ เป็นรูปทรงเรขาคณิตเพื่อให้มีความกระชับเข้ารูปและช่วยให้นักกีฬาเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก รวมถึงแถบเส้นสีแดงเข้มบริเวณด้านข้างลำตัวที่ลากตัดกับสีเลือดหมู-น้ำเงินบนตัวเสื้อและกางเกงสีน้ำเงินก็สามารถยืดขยายได้เมื่อนักกีฬาเคลื่อนไหว ซึ่งจะทำให้ตัวเสื้อสามารถระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น
มาพร้อมถุงเท้าที่ออกแบบในสีน้ำเงินตัดกับตัวอักษร “บาร์ซ่า” สีทองที่ด้านหน้าและลวดลายสีแดงที่ด้านหลัง เพื่อแสดงถึงความเร็วในการเคลื่อนที่ โดยถุงเท้าคู่นี้จะมีการใช้เทคโนโลยีไนกี้ กริ๊ป (Nike Grip) ที่ช่วยให้ฝ่าเท้าของผู้สวมใส่ยึดเกาะกับพื้นรองเท้าได้อย่างเหนียวแน่นและใช้ความเร็วในการวิ่งได้อย่างมั่นใจ
สำหรับเทคโนโลยีไนกี้ แอโร่สวิฟท์ที่ไนกี้นำไปใส่ในเสื้อตัวนี้นั้น เป็นเทคโนโลยีในการผลิตชุดแข่งขันที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งจะทำให้เสื้อแข่งขันมีน้ำหนักเบาขึ้นอีก 10% แถมมาพร้อมความยืดหยุ่นมากกว่าเสื้อแข่งขันรุ่นก่อนถึง 50% ขณะเดียวกันก็สามารถระบายเหงื่อออกจากผิวของผู้สวมใส่ได้เร็วขึ้น 20% และยังช่วยให้เสื้อแห้งไวขึ้น 25% อีกด้วย โดยทั้งเสื้อและกางเกงนั้นจะถูกถักทอทั้งแบบเดี่ยวและแบบสองครั้งเพื่อการระบายอากาศ ความยืดหยุ่น และความกระชับที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้ไนกี้ยังได้ริเริ่มการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน ผ่านกระบวนการผลิตชุดแข่งขันด้วยการนำวัสดุโพลีเอสเตอร์กลับมารีไซเคิ่ล เพื่อให้ได้ชุดแข่งขันที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างสมบูรณ์แบบและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
นั่นหมายความว่าทั้งเสื้อและกางเกงของชุดแข่งขันล้วนถูกผลิตจากวัสดุโพลีเอสเตอร์ที่มาจากการรีไซเคิ่ลขวดพลาสติกที่ผ่านการหลอมละลายจนได้ออกมาเป็นเส้นด้ายที่มีความทนทานสูง โดยการผลิตชุดแข่งขันหนึ่งชุดจะใช้ขวดพลาสติกทั้งหมด 16 ขวด ซึ่งตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ไนกี้ได้ทำการรีไซเคิ่ลขวดพลาสติกไปแล้ว 3,000 ล้านขวดโดยประมาณ ซึ่งปริมาณขวดดังกล่าวนั้นสามารถนำไปวางเรียงในสนามฟุตบอลได้ถึง 5,200 สนามเลยทีเดียว