The Drunken Leprechaun นำความพิเศษสไตล์ไอริชมาไว้กลางเมือง

The Drunken Leprechaun นำความพิเศษสไตล์ไอริชมาไว้กลางเมือง 

ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าไปกับเสน่ห์สไตล์ไอริชผับที่คงบรรยากาศคลาสสิคใจกลางเมืองกันที่ The Drunken Leprechaun ที่นำเสนอความบันเทิงผ่านเกมและเบียร์สดชั้นยอด

ชั้น G ของโรงแรมโฟร์พอยท์ส บาย เซอราตัน (Four Points by Sheraton) คือที่ตั้งของ The Drunken Leprechaun ผับที่นำเสนอเสน่ห์สไตล์ไอริชทั้งบรรยากาศและเมนูอาหาร เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในทุกวัน 

โดยชื่อ The Drunken Leprechaun มีความเกี่ยวเนื่องถึงคนแคระ ซึ่งเปรียบเสมือนภูติแห่งโชคชะตา ผนวกกับบรรยากาศที่เสมือนยกไอริชผับมาไว้ใจกลางอโศก ทำให้สถานที่พักผ่อนแห่งนี้มีมนต์เสน่ห​์ชวนหลงใหล โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหนุ่มที่ชื่นชอบการดื่มเบียร์ 

แต่ก่อนจะชวนไปดื่มด่ำกับเมนูอาหารและเครื่องดื่ม ขอพาคุณผู้อ่านไปสำรวจบรรยากาศกัน!

The Drunken Leprechaun เป็นบาร์ที่เจือกลิ่นอายความเป็นไอริชค่อนข้างมาก ทั้งโทนสี เฟอร์นิเจอร์ และการสร้างบรรยากาศผ่านเครื่องเกม อาทิ โต๊ะเบียร์ปอง, บิงโก, เกมปาลูกดอก ฯลฯ โดยมีจอมอนิเตอร์ถ่ายทอดเกมกีฬาหลากประเภทสำหรับคอกีฬา เป็นอีกหนึ่งสิ่งบันเทิง 

ภายในร้านแบ่งพื้นที่เป็น 2 โซนหลักๆ คือโซน Indoor ซึ่งมาพร้อมบรรยากาศสลัวชวนผ่อนคลาย โดยมีบาร์เครื่องดื่มเป็นจุดดึงสายตา อีกหนึ่งโซนคือ Outdoor ซึ่งมีทั้งพื้นที่กึ่งสวนด้านหลังร้านและพื้นที่เทอเรสด้านหน้า เป็นมุมยอดนิยมที่นักท่องราตรีมักจับจอง 

นอกจากบรรยากาศที่เจือความเรียลอย่างมีเสน่ห์ เมนูอาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ก็เจ๋งไม่แพ้กัน เริ่มจากเครื่องดื่มที่มีไฮไลท์เป็น ‘เบียร์’ ซึ่งมีให้เลือกลิ้มลองทั้งเบียร์ท้องถิ่นและเบียร์นานาชาติ รวมทั้งเบียร์สดกว่า 8 ชนิด นั่นคือ Guinness, Kilkenny, Magners, Hoegaarden, Sigha, Asahi และ The Drunken Leprechaun Lager

เมื่อมีเครื่องดื่มคู่ใจแล้ว ต้องมีความอร่อยมาคู่กัน โดยที่ The Drunken Leprechaun แห่งนี้เลือกเสิร์ฟความอร่อยสไตล์ไอริชเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ซึ่งสร้างสรรค์ความอร่อยโดยทีมเชฟมากประสบการณ์ กระซิบสักนิดว่าอาหารไอริชส่วนมากมักเป็นเนื้อแกะและเนื้อวัว โดยทางร้านนำเข้าเนื้อคุณภาพจากออสเตรเลีย เพื่อนำวัตถุดิบคุณภาพมาปรุงเป็นเมนูอร่อย เสิร์ฟความฟินให้คุณผ่อนคลาย ซึ่งเมนูแนะนำในวันนี้มี…

– Steak & Egg (599++ บาท) เมนูเอาใจคนรักเนื้อกับสเต็กชิ้นโตจากเนื้อวัวที่นำไปย่างให้สุกกำลังดี (หรือใครจะรีเควสความสุก-ดิบก็ไม่ว่ากัน) เสิร์ฟพร้อมไข่ดาว มะเขือเทศย่าง และเฟรนซ์ฟรายส์ แต่ที่ขาดไม่ได้คือซอสสูตรพิเศษของทางร้านที่มาช่วยเติมรสความอร่อย

– Paddy’s Irish Stew (329 บาท) เมนูธรรมดา แต่ความอร่อยไม่ธรรมดา โดยเมนูนี้เป็นสตูว์เนื้อแกะที่เชฟใช้ความพิถีพิถันในการปรุง ทั้งการนำเนื้อไปหมักเครื่องเทศ เพื่อให้ความอร่อยกระจายทั่วชิ้นเนื้อ ก่อนนำเนื้อแกะไปจี่ไฟ เพื่อเซ็ตให้เนื้อแกะยังคงเป็นชิ้นน่าทาน แต่มีความนุ่ทละลายในปาก ก่อนจะนำไปตุ๋นที่ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง 20 นาทีกับไฟ 180 องศา เสิร์ฟพร้อมขนมปังมาเสริมจานอาหารให้สมบูรณ์แบบ

– Lamb Chop Emerald Irish Style (599 บาท) อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ชวนรับประทานของร้าน ที่เสิร์ฟความอร่อยจากเนื้อแกะเนื้อนุ่ม พร้อมด้วยมันฝรั่ง ถั่วลันเตา และมะเขือเทศ เพิ่มความพิเศษให้รสชาติด้วย Mint Jelly ที่ให้รสเปรี้ยวหวานมาตัดเลี่ยน โดยมีซอสสูตรพิเศษมาเสริมทัพความอร่อย

– Shepherd’s Pie (329 บาท) อีกหนึ่งเมนูที่แนะนำว่าต้องลิ้มลองกับพายแกะบดที่นำไปอบกับมันผรั่งบดและซีส จนได้ความอร่อยที่ลงตัว โดยเฉพาะเนื้อแกะบดที่ปรุงรสได้อย่างเข้มข้น กลายเป็นเมนูอร่อยจานโปรด

Steak & Egg
Paddy’s Irish Stew
Lamb Chop Emerald Irish Style

ความอร่อยยังไม่จบ เพราะหลังจากอิ่มกับอาหารมื้อใหญ่แล้ว ต้องตบท้ายด้วยเมนูขนมหวาน ซึ่งเป็นขนมหวานที่หนุ่มๆ ต้องชอบ เพราะ The Drunken Leprechaun เลือกเสิร์ฟ “Beer Ice Cream” (129 บาท) เป็นเมนูปิดท้าย ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 2 รสชาติคือ Hoegaarden กับ Brother’s Toffee Apple โดยส่วนผสมความอร่อยประกอบด้วยครัมเบิ้ล, อัลมอนด์, มูสลี่ผลไม้แห้งอย่างลูกเกด มะพร้าว ตกแต่งด้วยเยลลี่เบียร์ผสมแอปเปิ้ลสำหรับทานคู่กับบราเธอร์ไซเดอร์ และเยลลี่เบียร์ผสมส้มสำหรับโฮการ์เด้น และมินิเพรทเซลอร่อยเข้ากันอย่างลงตัว ถือเป็นเมนูตบท้ายที่ทำให้การพักผ่อนของคุณสมบูรณ์แบบ แล้วอย่าลืมตามไปฟินกับไอริชผับแห่งนี้กัน!!

The Drunken Leprechaun 

Shepherd’s Pie
Beer Ice Cream
Lamb Chop Emerald Irish Style

Story: Taliw
Photo: Wara Suttiwan

 

© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.