อิ่มอก อิ่มใจ และอิ่มท้องที่ The Attic Diary Cafe ร้านอาหารไทยในคอนเซ็ปต์ ‘เปิดบ้านให้คนมากินข้าว’

อิ่มอก อิ่มใจ และอิ่มท้องที่
The Attic Diary Cafe
ร้านอาหารไทยในคอนเซ็ปต์
‘เปิดบ้านให้คนมากินข้าว’

“เปิดบ้านให้คนมากินข้าว” คอนเซ็ปต์สุดแนวของ The Attic Diary Cafe สถานที่แห่งนี้จึงเป็นทั้งบ้านที่อาศัยอยู่จริง และเป็นร้านอาหารที่เปิดต้อนรับให้เราแวะไปลิ้มลองความอร่อยของอาหารไทยรสดั้งเดิมจากรสมือ คุณปุ๊ – อิศเรศ จันทรวดี 

แต่ก่อนที่เราจะไปสัมผัสมื้ออร่อย อยากชวนไปฟังจุดเริ่มต้นของการสร้างบ้านกับไอเดียร้านอาหาร ซึ่งคุณปุ๊เล่าให้ฟังว่า “แต่ก่อนทำเสื้อผ้านำเข้า ขายอยู่ 5 ปี แล้วปีที่ 6 พี่หมดสัญญากับโครงการพอดี เราก็เลยย้ายมาที่นี่ พอมาเห็นที่เราก็ชอบเลย พี่รู้สึกว่ามันโดนมาก มันมีป่า มีเพื่อนบ้าน ร้านก็เจริญก้าวหน้ากันหมด มีคนอยู่เยอะ ตอนนั้นตลาดบูมมาก

แต่ว่าอยู่ไปๆ มันก็ค่อยๆ เงียบลงทีละนิด ระหว่างที่มันค่อยๆ เงียบลง พี่ก็ซึมซับความเงียบนั้นจนชินกับความเงียบ จนรู้สึกว่าความเงียบนั้นคือความสุข เราไม่เคยรู้สึกว่าทำไมไม่มีคนมาสักที แต่นั่งคิดว่าจะทำอะไร เพื่อตัวเองมากกว่า ระหว่างนั่งมองไปมองมา พี่ก็วาดอาณาเขตบ้านตัวเองขึ้นมา อยากจะสร้างบ้านเลย ทำเป็นร้าน เป็นบ้านด้วย เหมือนกับเป็นร้านอาหารเล็กๆ ที่มีคนมาเยี่ยมบ้าน แล้วก็อบอุ่น เราเป็นเจ้าของบ้านดูแลเอง ไม่ต้องเป็นลูกน้อง ค่อยๆ ทำไป หวังว่าจะมีคนเข้าใจ”

จนในที่สุดความฝันที่อยากสร้างบ้านกึ่งร้านอาหารแห่งนี้ก็เกิดขึ้นในบรรยากาศอบอุ่นสไตล์สแกนดิเนเวีย ผสมผสานกับความเท่ของโครงสร้างแบบโรงนาอเมริกัน ขณะเดียวกันก็ใส่เสน่ห์ตะวันออกด้วยเฟอร์นิเจอร์จีน และเพิ่มฟังก์ชั่นให้บ้านในสไตล์ญี่ปุ่น ที่สำคัญคือใส่ความสดชื่นผ่าน ‘สีเขียว’ จากต้นไม้ที่รายล้อมอยู่รอบตัว

“คือช่วงนั้น ผมชอบบ้านไม้สนที่เป็นบ้านเคบิน แต่เป็นบ้านเคบินที่มีสี เป็นบ้านเคบินที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีความเป็นโรงนา และอยากได้พื้นที่ใช้สอยคนเดียวที่เยอะ เพราะเราต้องทำครัว บ้านเราต้องมีที่จอดรถด้วย เพราะรถเราต้องจอดในบ้าน 

แต่โรงจอดรถก็ต้องมีต้นไม้ อยากให้ต้นไม้กับรถอยู่ในบ้าน แล้วฟังเพลง เพราะเราชอบฟังเพลงอีก ก็ให้ต้นไม้กับรถได้ฟังเพลงด้วย เป็นโต๊ะอาหารนั่งฟังเพลง นั่งดูต้นไม้ ดูรถเก่า มันน่าจะทำให้กินข้าวอร่อยขึ้นนะ สุดท้ายก็เลยเป็นบ้านสแกนดิเนเวีย ที่แต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จีน แต่ขายอาหารไทย มีฟังก์ชั่นการใช้งานแบบญี่ปุ่น เพราะว่าเราอยากให้พื้นที่มีประโยชน์สูงสุด”

“…เป็นโต๊ะอาหารนั่งฟังเพลง นั่งดูต้นไม้ ดูรถเก่า มันน่าจะทำให้กินข้าวอร่อยขึ้นนะ”

ด้วยความตั้งใจแต่แรกที่อยากให้ที่นี่ ‘เป็นบ้านด้วย เป็นร้านด้วย’ คุณปุ๊จึงวางคอนเซ็ปต์ The Attic Diary Café ไว้ว่า “เปิดบ้านให้เพื่อนมากินข้าว” ดังนั้นการที่จะเปิดบ้านซึ่งอยู่อาศัยจริงๆ ต้อนรับลูกค้าที่เปรียบเสมือนเพื่อนจึงต้องมีระบบที่ชัดเจนด้วยการเสิร์ฟความอร่อยสไตล์ Chef Table

“ที่เราเป็น Chef Table เพราะเราอยากทำอะไรให้มันเป็นตารางการทำงานที่แน่นอน คอนเซ็ปต์คือมาเที่ยวบ้านเพื่อน ไม่ใช่เป็นร้านอาหารที่ใครจะมาใครจะไปก็ได้ ดังนั้นในเมื่อเรามีลูกค้าอยู่ ลูกค้าที่มาใหม่ก็ต้องเข้าใจว่าลูกค้าก่อนหน้า เขาให้เกียรติของผมมา เราก็ต้องให้เกียรติด้วยการที่ให้เขาก่อน

ฉะนั้นคนที่ walk in มา คุณต้องรอชุดนี้เสร็จก่อน แล้วผมค่อยทำให้คุณ หรืออีกกรณีหนึ่ง ถ้าคุณกินอะไรเหมือนเขา ถ้าผมทำได้ ผมก็อยากจะทำให้คุณ แล้วก็ต้องอยู่ในกรณีที่มีโต๊ะว่าง ร้านนี้คงไม่ใช่มีคนมานั่งรอคิว เพื่อมากิน ผมจะไม่ให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน

ฉะนั้นวันหนึ่งพี่จะรับแค่ 3 โต๊ะ 2 รอบ คือกลางวันรอบหนึ่ง ตอนเย็นรอบหนึ่ง เพราะพี่อยากมีเวลาคุยกัน อยากให้เป็นร้านแห่งครอบครัว เป็นเพื่อนกันมากินข้าว ไม่ใช่แบบเป็นธุรกิจที่เน้นขายอย่างเดียว พี่มีคอนเซ็ปต์ชัดเจนแต่แรกว่า เราอยากเปิดบ้านให้คนมากินข้าว

“เราเลือกที่จะทำอาหารไทย ปฏิเสธอาหารฝรั่ง” อีกหนึ่งความตั้งใจของคุณปุ๊ในการเสิร์ฟความอร่อยที่แตกต่าง โดยเป็นอาหารสูตรดั้งเดิมกับรสชาติที่เป็นรากเหง้าของอาหารไทย ซึ่งทั้งรสชาติและสูตรความอร่อยคุณปุ๊สืบทอดมาจากรสมือคุณยาย ซึ่งเคยทำงานในในรั้ววังมาก่อน ดังนั้นหากกล่าวว่าอาหารไทยของ The Attic Diary Café เป็นอาหารสูตรชาววังคงไม่ผิดมากนัก

“อาหารของร้านพี่จะมีประมาณ 20 เมนู ซึ่งเป็นอาหารที่พี่ชอบทานกับคุณยาย คุณยายพี่อยู่ในวังรัชกาลที่ 6 มาก่อน ท่านไปทำอาหารอยู่ในนั้น เขาก็สอนเรามาว่า บ้านของเรากินอาหารแบบนี้ พี่ก็เลือกทำในสิ่งที่ชอบที่คุณยายทำให้กิน ซึ่งคุณยายทำให้แม่กิน แม่ก็ทำให้เรากิน แต่รสปากเรา เราอิงไปทางคุณยายมากกว่าคุณแม่นิดหน่อย ผมก็เลยอิงไปทางคุณยาย เพื่อให้เป็นเรา ใช้สูตรดั้งเดิมของเราที่มีอยู่ ดังนั้นพี่เลยทำอาหารไทยที่เป็นออริจินัล พี่อิงอาหารไทยที่เป็นรากเหง้าของคนไทยมาทำ ซึ่งปัจจุบันหากินยาก”

 

หมูก้อนชุบไข่ทอด
กะหล่ำปลีน้ำปลา

แน่นอนว่าอาหารไทยรสดั้งเดิมกลายเป็นรสชาติที่ถูกปากเรา โดยเมนูแนะนำและขายดีซึ่งคุณปุ๊แนะนำให้ลิ้มลองในวันนี้ มี “หมูก้อนชุบไข่ทอด” เมนูที่มีหน้าตาเหมือนไข่เจียวจานโต แต่เมื่อได้ลองชิมจะพบกับความอร่อยของหมูก้อนปรุงรสที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเหลืองกรอบของไข่ โดยคุณปุ๊ใช้ไข่ไก่ถึง 5-6 ฟอง เพื่อให้ได้ความนุ่มกรอบของไข่แบบไม่มีหวง เสิร์ฟพร้อมพริกน้ำปลาปรุงรส เป็นความอร่อยครบเครื่องที่ต้องลอง

ต่อกันด้วย “กะหล่ำปลีน้ำปลา” ซึ่งความอร่อยของเมนูอยู่ที่ความสดกรอบของกะหล่ำปลี แม้จะนำไปปรุงและทำให้สุก แต่กลับไม่เสียรสทั้งความกรอบและความหวานจากกะหล่ำปลี โดยกะหล่ำปลีที่เลือกมาเสิร์ฟ คุณปุ๊คัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี โดยส่งตรงจากโครงการหลวงในจังหวัดเชียงใหม่

ปลาดุกผัดพริก
ต้มยำไก่เหนียว

“ปลาดุกผัดพริก” อีกหนึ่งเมนูชวนติดใจกับเนื้อปลาดุกตัวโตสดใหม่ที่คุณปุ๊คัดปลาดุกตัวอวบอ้วนมากับมือ นำไปปรุงและผัดกับพริกในน้ำขลุกขลิก ความอร่อยของเมนูไม่จำกัดเพียงแค่เนื้อปลาดุกเท่านั้น แต่เรายังมิกซ์รสชาติด้วยการตักน้ำราดไปเติมความอร่อยกับหมูก้อนชุบไข่ทอดได้อีกด้วย

ปิดท้ายกันด้วย “ต้มยำไก่เหนียว” ต้มยำรสกลมกล่อมเปรี้ยวเท่ากับเค็ม และแทรกรสเผ็ดกำลังดี เป็นรสต้มยำที่เรียกว่าหากินไม่ได้จากที่ไหน โดยคุณปุ๊เลือกใช้ไก่ตัวเมีย ที่ให้ทั้งความนุ่มและความเหนียวของเนื้อ ผนวกกับรสชาติต้มยำเข้มข้นแบบกลมกล่อม ทำให้เมนูชามนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเมนูโปรดที่อยากแนะนำให้ลิ้มลอง

“อาหารไทยกินอร่อยต้องครบรส ไม่ใช่จะสั่งเมนูนั้นมากินกับเมนูนี้ได้ มันต้องคิดว่าอะไรกินแล้วเข้ากับอะไร” จึงไม่แปลกหากเซ็ตอาหารที่คุณปุ๊จัดให้ทานในวันนี้จะให้ความอร่อยที่ลงตัว จนกลายเป็นความประทับใจที่อยากแวะไปลิ้มลองอีกเรื่อยๆ

The Attic Diary Café
• Address: ตลาดนัดชุมทางสยามยิปซี สุดทางรถไฟบางซ่อน
• Map: goo.gl/maps/xGJQEi3kprj
• Time: (ปิดวันอังคาร) เปิดเวลา 11.00 – 22.00 น.
Line: Handsomegasolinecafe *** รบกวนจองโต๊ะล่วงหน้า

Story : Taliw
Photo : Wara Suttiwan
© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.