เมื่อเราเดินตามฝันมาถึงจุดอิ่มตัว เราจะเกิดความรู้สึกอยากขยายความฝันนั้นให้ใหญ่ขึ้นและกว้างขึ้น เพื่อรองรับผู้ร่วมทางคนอื่นที่เขามีความฝันเดียวกันกับเรา และจากจุดอิ่มตัวนี้อีกเช่นกันที่เป็นแรงผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง จนเกิดเป็น “The KAFÉ” แหล่งรวมพลแห่งใหม่ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยกรุงธนบุรี 1 หรือซอยเจริญรัถ 4 ย่านวงเวียนใหญ่
แต่ The KAFÉ ไม่ได้เป็นแค่คาเฟ่บรรยากาศดีให้เรานั่งชิวเท่านั้น แต่สถานที่แห่งนี้คืออีกหนึ่งความฝันที่ขยายใหญ่ขึ้นของพี่แบงก์ – บุญชัย บุญนพพรกุล เจ้าของไอเดียและผู้ริเริ่มเปิดโรงเรียนสอนทำกระเป๋า MHA Art & Craft ด้วยการเปิดพื้นที่ส่วนหนึ่งของ The KAFÉ ให้เป็น The Premium Class ห้องเรียนสอนทำกระเป๋าแบบเวิลด์คลาส The KAFÉ จึงเป็นคาเฟ่ที่เคล้าบรรยากาศเวิร์คช็อปของการทำกระเป๋าหนัง ซึ่งกลายเป็นเสน่ห์ชวนให้หลายคนหลงใหล
“ที่นี่เริ่มต้นจากโรงเรียนสอนทำกระเป๋าก่อน ซึ่งพี่ก็ทำมา 4 ปีแล้ว นักเรียนก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขาก็ยังวนเวียนกลับมาเยี่ยม ซึ่งใน 3-4 ปีที่ผ่านมา เราเจอว่าเรามีนักเรียนต่างชาติเยอะ คือทุกทีที่เขามา เราต้องหาที่พักให้เขาได้นอนแล้วมาเรียนได้ง่ายขึ้น อันนี้เป็นจุดแรกที่เริ่มจุดประกายความคิดให้พี่ ส่วนจุดที่สองคือ เราเจอนักเรียนที่เรียนจบไปแล้ว กลับมาแถวเจริญรัถแล้วไม่มีที่นั่ง ไม่มีศูนย์รวม จากสองจุดนี้ทำให้เราเปิด ‘โฮสเทล’ และ ‘ร้านกาแฟ’ เราเลยขยายตึกทำเป็นร้านคาเฟ่ที่ทำให้รู้สึกว่ามีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น ไม่ได้มาเรียนแค่ทำหนัง ตอกๆๆ เสร็จแล้วไม่มีที่นั่ง แต่กลายเป็นว่ามานั่งเล่นได้”
ด้วยการเปลี่ยนชั้นล่างของตึกแถวสองคูหาให้เป็นพื้นที่คาเฟ่นั่งชิวกับห้องเรียนทำกระเป๋าในบรรยากาศคูลๆ ชวนผ่อนคลาย ส่วนนั้นสองและชั้นสามก็เนรมิตให้เป็นโฮสเทลขนาดย่อมที่มีห้องนอนรวมและห้องนอนเดี่ยว โดยพี่แบงก์มีคอนเซ็ปต์ในการตกแต่งว่า “พี่ตั้งใจให้ที่นี่เหมือนเป็นบ้านพี่ ซึ่งมันก็มีที่มาที่ไปอย่างที่บอกว่า นักเรียนมาเรียน ฝรั่งมาเรียน พวกเขาก็เหมือนเป็นเพื่อนพี่ แล้วพี่ก็เหมือนเป็นเจ้าของบ้าน พี่อยากให้เขาคิดว่า เขามีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ตรงนี้ แต่ว่าเพื่อนคนนี้ดันเป็นดีไซเนอร์ที่ทำบ้านเอง ตกแต่งบ้านเอง พี่อยากให้นักเรียนคิดว่ามีเพื่อนเป็นดีไซเนอร์ที่เขาจะมาหาเมื่อไรก็ได้”
เริ่มจากชั้นล่างซึ่งเป็นพื้นที่คาเฟ่และคลาสเรียนทำกระเป๋ากับการตกแต่งในโทนสีขาว พร้อมเปิดกว้างให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ทำให้พื้นที่ชั้นนี้มีบรรยากาศโปร่งโล่งและสะอาดตาเสมือนห้องทดลองวิทยาศาสตร์ พี่แบงก์เลือกแบ่งสัดส่วนพื้นที่ในโซนคาเฟ่ด้วยการปูกระเบื้องสีขาว-ดำ ซึ่งให้ทั้งความโดดเด่นและกลมกลืนในเวลาเดียวกัน ขณะเดียวกันก็แฝงเสน่ห์ตามแบบฉบับ Craftsmanship จากอุปกรณ์และเครื่องหนังที่จัดวางไว้อีกด้านหนึ่งด้วย
และเมื่อเราถามถึงเมนูของที่นี่ พี่แบงก์ก็เล่าให้เราฟังว่า “ต้องบอกก่อนเลยว่า เดิมทีพี่ไม่กินกาแฟเลย เพิ่งมาเริ่มกินกาแฟได้ปีหนึ่งเอง หลังจากที่รู้ว่าจะเปิดคาเฟ่ ตอนที่เตรียมจะเปิดร้าน พี่ก็คิดว่าเราจะเปิดร้านกาแฟ แต่ตัวเองไม่กินกาแฟเลย มันจะบ้าหรือเปล่า พี่เลยตระเวนเรียน เรียนหลายคอร์สมาก
สุดท้ายพี่มารู้จักคำว่ากาแฟจริงๆ จากการดริป คือกาแฟแต่เดิมทีทุกคนชอบไปคิดถึงว่าสุดท้ายมันจะเป็นอะไร อเมริกาโน่ แอสเปรสโซ่หรืออะไรทั้งหลาย แต่สุดท้ายสิ่งสำคัญของกาแฟมันอยู่ที่เมล็ดกาแฟ ซึ่งก็ทำให้เรารู้ว่าเมล็ดกาแฟสำคัญมาก พี่ก็เลยเบลนด์เมล็ดกาแฟด้วยตัวเอง โดยเมล็ดกาแฟที่ใช้มาจาก 3 แหล่ง แล้วผสมเป็นสไตล์ของเราเอง เป็นรสชาติของเราเอง”
แต่นอกจากความอร่อยของกาแฟแล้ว The KAFÉ ยังมีเครื่องดื่มประเภทอื่นให้เราเลือกชิมอีกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น “Kafe Signature Chocolate” (60 บาท) เมนูซิกเนเจอร์กับช็อกโกแลตรสกลมกล่อมที่ปั่นจนได้เนื้อละเอียด หรือจะลิ้มลอง “Mango Orange” (60 บาท) เครื่องดื่มน้ำผลไม้ที่ผสมผสานรสชาติของมะม่วงกับส้มเข้ากันอย่างลงตัว
ส่วนห้องเรียนสอนทำกระเป๋า The Premium Class นั้น พี่แบงก์บอกกับเราว่า เป็นคลาสพิเศษที่ขยับขยายมาจาก MHA Art & Craft เพียงแต่เพิ่มความพิเศษด้วยการเรียนการสอนระดับเวิลด์คลาส ที่ใช้เทคนิคดั้งเดิมแต่อดีตของการทำเครื่องหนังมาเปิดสอน ผนวกกับการเลือกใช้อุปกรณ์และวัสดุระดับพรีเมี่ยม
“มันเริ่มจากคอร์ส Leather Work 1 มันไม่พอแล้ว มันก็ต้องเป็น Leather Work 2 3 4 มาเรื่อยๆ สุดท้ายพี่ก็รู้สึกว่าทำยังให้มันเจ๋งไปเลยดี พี่ก็เลยมาเปิดเวิร์คช็อปที่เรียกว่าพรีเมี่ยมคลาสที่สอนทำกระเป๋าแบบเวิร์ดคลาสที่เขาทำกันจริงๆ เป็นห้องเวิร์คช็อปที่พรีเมี่ยมขึ้น เพื่อให้นักเรียนพี่ค่อยๆ ขยับจากความเป็นแค่โรงเรียนมาเป็นคอมมูนิตี้ที่มีประสบการณ์อื่นๆ บ้าง มีเรื่องของการดื่ม มีเรื่องของการอยู่อาศัย มีเรื่องของการพาทัวร์ไปเที่ยว”
ส่วนชั้นสองซึ่งเนรมิตให้เป็นโฮสเทลเพื่อรองรับนักเรียนชาวต่างชาตินั้น ก็ยังคงคอนเซ็ปต์บรรยากาศโปร่งน่าสบายในโทนสีขาวเช่นกัน ทันทีที่เราเดินขึ้นบันไดก็พบกับ Work Space ห้องทำงานกึ่งห้องนั่งเล่นที่ให้เราได้ไปแชร์ไอเดียแลกเปลี่ยนความคิด ส่วนพื้นที่โฮสเทลจะซ่อนอยู่หลังประตูทางซ้ายมือ
โดยโฮสเทลมีบรรยากาศสะอาดตาในโทนสีขาวกับแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านผ้าม่านสีเทา ช่วยขับให้เตียงนอนสองชั้นที่กั้นความเป็นส่วนตัวด้วยผ้าดิบดูน่าสบายจนเราอยากจะทิ้งตัวลงนอนสักครั้ง เมื่อเดินลึกเข้าไปอีกนิดก็จะพบกับห้องเดี่ยวขนาดใหญ่ที่พี่แบงก์ออกแบบและตกแต่งในบรรยากาศโปร่งสบายเช่นกัน พี่แบงก์ยังตกแต่งพื้นที่ชั้นสามให้เป็นสวนลอยฟ้าที่ร่มรื่นด้วยไม้ประดับหลากชนิด เป็นอีกหนึ่งพื้นที่พักผ่อนให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติเคล้าบรรยากาศคาเฟ่และเสน่ห์ของงานคราฟท์นั่นเอง
The KAFÉ
• Address: ซอยกรุงธนบุรี 1 หรือเข้าทางซอยเจริญรัถ 4 ก็ได้เช่นกัน
• Map: goo.gl/maps/TbXzmpXJieH2
• Time: เปิดทุกวัน เวลา 8.00 – 19.00 น.
• Tel: 086 070 1768
• Facebook: www.facebook.com/The-KAFE