อาหารจะอร่อยต้องมีกับแกล้มคือบรรยากาศ เพราะมันเป็นส่วนผสมที่ต้องไปด้วยกัน
ใครจะคาดคิดว่าในซอยประดิพัทธ์ 10 แห่งนี้จะมีร้านอาหารไทยในบรรยากาศคลาสสิกร่วมสมัยกับพื้นที่กว้างขวางและรายล้อมด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ตั้งอยู่ พร้อมกับชื่อร้านที่ชวนฉงนว่า “BAN YA KAAD” (บันยากาด) ที่ให้เราอิ่มอร่อยกับอาหารตาและอาหารปาก
บัน ยา กาด ขาดไม่ได้ ในอาหาร
สรรพรส รับประทาน ให้สุขสันต์
กินกันตาย กินได้ อย่างไรกัน
บัน ยา กาด นั้นสำคัญ เช่นนั้นเอย
ร้านอาหารไทยแห่งนี้ดัดแปลงมาจากบ้านเก่าสมัยรัชกาลที่ 7 จึงไม่แปลกหากเราจะได้สัมผัสมนตร์เสน่ห์ของความคลาสสิกผสมผสานกับ Glass House ทรงโมเดิร์นที่คุณคามิน จันทร์ฆฤต ออกแบบเพิ่มเติม เพื่อให้ร้านอาหารแห่งนี้มีส่งกลิ่นอายร่วมสมัย
“ไม่ว่าจะเป็นร้านอะไรก็ตาม บรรยากาศต้องดีก่อน แล้วผมก็อยากถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ สู่ลูกค้า ให้ลูกค้าได้กินบรรยากาศชิว และได้กินอาหารอร่อย เลยตกแต่งให้ร้านนี้เหมือนมาบ้านเพื่อน มีความสบาย ความกันเอง แต่พอตรงนี้โลเคชั่นมันเป็นเมือง เราก็อยากให้มีความเก๋ความฮิปด้วยนิดนึง”
“ผมศึกษาดูร้านต่างๆ หา Reference ว่าร้านแบบไหนที่คนชอบไปแล้วก็ไปอีกเรื่อยๆ ซึ่งได้ข้อสรุปว่าต้องเป็นร้านที่เป็นกันเอง ไม่ต้องแต่งประณีตมาก ที่นี่มันมีความเก่า แต่ก็มีความใหม่ จริงๆ ที่นี่มีทุกสไตล์ มีความหลากหลายที่อยู่ด้วยกันได้”
เริ่มจากการสร้างบรรยากาศร้าน เพื่อให้ลูกค้าได้ ‘กินบรรยากาศ’ ด้วยการแบ่งพื้นที่ในร้านออกเป็นสามส่วนด้วยกัน นั่นคือโซนคาเฟ่ให้จิบกาแฟชิมขนมหวาน โซนรับประทานอาหารจานหลัก และพื้นที่เอ๊าต์ดอร์ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ โดยคุณคามินเนรมิตบ้านเก่าให้เป็นพื้นที่คาเฟ่ในบรรยากาศคลาสสิก ทั้งทรงบ้านที่มีความคลาสสิกอยู่ในตัว ผสมผสานกับการนำ ‘ของเก่า’ ซึ่งเป็นของสะสมส่วนตัวมาตกแต่ง ทั้งเฟอร์นิเจอร์หลากดีไซน์ ป้ายเหล็กขนาดใหญ่ ‘ฉายวันนี้’ ที่เรามักเห็นตามโรงภาพยนตร์ซึ่งแขวนติดบนผนังสีขาวสะดุดตาตั้งแต่ก้าวสู่พื้นที่คาเฟ่
ภายในคาเฟ่บรรยากาศคลาสสิกแห่งนี้ยังอบอวลด้วยกลิ่นหอมของกาแฟที่ได้บาริสต้ามาสร้างสรรค์รสชาติให้คอกาแฟได้ชิม ทั้งการเลือกสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพมาเสิร์ฟ ทำให้ได้กาแฟรสอร่อย รวมทั้งความเป็นกันเองของบาริสต้าที่ให้คอกาแฟอย่างเราได้ทำความรู้จักและพูดคุย ยิ่งช่วยเพิ่มกลมกล่อมให้กาแฟแก้วโปรด
“อย่างบ้านนี้เป็นบ้านเก่า เราจะพยายามไม่ดัดแปลงอะไรเยอะ เพราะคาแร็กเตอร์ของบ้านเก่าจะมีดีเทลเยอะ ช่องลม หน้าต่าง อะไรทั้งหลายมันสวยอยู่แล้ว มันคลาสสิกอยู่แล้ว ผมก็จะไม่ไปยุ่งอะไรกับมันมาก เพียงแต่ว่าเราทำสเปซข้างในใหม่ ให้มันโล่งขึ้น เพราะผมอยากให้มันสบายๆ เหมือนมาบ้านเพื่อน ให้บรรยากาศ homey ดู cozy คืออยากให้มาแล้วมาอีก เหมือนมาบ้านเพื่อนอะไรอย่างนี้”
ถัดไปอีกนิดจะเป็น Glass House ที่คุณคามินได้เพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อเพิ่มบรรยากาศโมเดิร์นให้ร้านดูร่วมสมัย โดยพื้นที่นี้คุณคามินตั้งใจให้เป็นพื้นที่เสิร์ฟอาหารจานหลัก เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นอาหารที่อาจจะรบกวนลูกค้าที่นั่งดื่มกาแฟหากเสิร์ฟทั้งอาหารคาวและกาแฟในพื้นที่เดียวกัน แม้จะเป็นอาคารกระจกใสที่เปิดโล่งชวนให้เรารู้สึกร้อน แต่ Glass House กลับร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่รายล้อม ผนวกกับผนังอิฐมอญดิบที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้ห้องกระจกเรียบๆ แห่งนี้ และแม้ Glass House จะออกแบบในสไตล์โมเดิร์น แต่กลับกลมกลืนกับบรรยากาศคลาสสิกของร้านได้อย่างลงตัว
อีกหนึ่งพื้นที่ที่สะดุดตาตั้งแต่ก้าวเข้าสู่พื้นที่ร้านคือ พื้นที่เอ๊าต์ดอร์ที่รายล้อมด้วยไม้ไผ่ที่สูงถึง 8 เมตร ให้เสน่ห์ที่มีเอกลักษณ์และยังชวนให้คิดถึงบรรยากาศเย็นสบายบนพื้นที่แถบภาคเหนืออีกด้วย โดยพื้นที่เอ๊าดอร์นี้คุณคามินเลือกที่จะวางโต๊ะเก้าอี้แบบญี่ปุ่นแทนโต๊ะเก้าอี้แบบสากล และยังเลือกจัดวางแบบห่างๆ เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวและให้บรรยากาศสบายๆ ไม่แออัดอีกด้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจของร้าน Ban ya kaad คือการใส่กิมมิกเล็กๆ น้อยๆ แต่ชวนสะดุดตาในทุกพื้นที่ ยกตัวอย่าง ป้ายเหล็ก ‘ฉายแล้ววันนี้’ ที่สร้างความน่าสนใจและดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี ยังมีป้ายสีแดงอักษรจีน ‘เชิญชิม’ ที่สร้างความโดดเด่นให้กำแพงไม้ไผ่ หรือดอกเบญจมาศสีเหลืองอ่อนดอกโตที่ลอยอยู่ในอ่างแก้วใบเล็กบนโต๊ะ เป็นต้น
ผมคิดถึงเรื่องการถ่ายรูปทั้งหมด พวกโซเชียลมีเดียซึ่งมันเป็น culture ผมก็เลยคิดว่ามันต้องถ่ายรูปได้ทุกมุม
เมื่อกินบรรยากาศกันแล้ว ก็ถึงคราว ‘กินอาหาร’ กับเมนูที่มีเอกลักษณ์ เพราะคุณคามินได้เชิญเชฟอาหารไทยแนว Food Art อย่าง “เชฟลุงณัฐ – ปัญจางคกุล” มาครีเอทความอร่อยที่มีให้ชิมเฉพาะร้านนี้เท่านั้น โดยจุดเด่นของเมนูอาหารร้านนี้อยู่ที่ ‘เรื่องเล่า’ ก่อนจะมาเป็นเมนูอร่อยให้เราได้ลิ้มลอง เช่น ไข่ตุ๋นต้มยำ ซึ่งเป็นเมนูที่เกิดขึ้นในวงเหล้ากับการลิ้มลองไข่ตุ๋นควบคู่กับซดน้ำต้มยำ เป็นต้น
“จริงๆ คอนเซ็ปต์โดยรวมจนได้ชื่อมาเป็น Ban ya kaad เราคำนึงเรื่องบรรยากาศกับอาหารเป็นหลักคือ อย่างแรกเลย บรรยากาศร้านต้องดี เพราะเป็นสิ่งที่ลูกค้าจะเห็นก่อน ต่อมาคือเรื่องอาหาร เพราะเราเป็นร้านอาหาร ดังนั้นความอร่อยของอาหารก็ต้องไม่แพ้ใคร ซึ่งมันก็พอดีกับพื้นที่ของร้านที่ค่อนข้างมีสเปซเยอะเท่าที่ในเมืองจะให้ได้ แล้วเมนูเราก็เน้นเสิร์ฟอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นเมนูที่ได้ ‘เชฟลุงณัฐ’ มาสร้างสรรค์”
Address : ซอยประดิพัทธ์ 10
GPS : 13.7902732,100.5416148
Time : อังคาร – ศุกร์ 17.00 – 00.00 น. , เสาร์ 11.30 – 22.30 น. ,อาทิตย์ 11.00 – 21.00 น. และหยุดวันจันทร์
Tel : 02 279 1113, 062 364 2466
Facebook : www.facebook.com/Banyakaad
Instagram : www.instagram.com/banyakaad