เชื่อว่าใครหลายคนที่เคยไปเยือน Eathai คงจำความประทับใจครั้งแรกที่ไปเยือนศูนย์อาหารแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการรวมสุดยอด ‘อาหารไทย’ แสนอร่อยหลากประเภทจากหลายร้านทั่วประเทศมาไว้ให้เราได้สนุกกับการลิ้มลอง
และในวันนี้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซีก็ไม่หยุดที่จะสร้างความประทับใจให้คนรักอาหารไทยด้วยการขยับขยายพื้นที่จาก 2,500 ตร.ม. เป็น 3,550 ตร.ม พร้อมเนรมิต 13 โซนใหม่กับร้านอาหารไทยที่มากถึง 56 ร้านในบรรยากาศไทยร่วมสมัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทิง นอง นอย” ซึ่งเราก็ไม่พลาดที่จะไปเก็บความอร่อยทั้งอาหารและบรรยากาศมาฝากคุณผู้อ่านกัน …จะยั่วความหิวกันแค่ไหน ตามไปดูกันเลย!!
เริ่มจากการชวนคุณผู้อ่านไปลิ้มลองความอร่อยของอาหารไทยรสดั่งเดิมที่หาทานยากในปัจจุบัน ตั้งแต่อาหารไทยแบบ Street Food อาหารไทยตำรับเก่า อาหารสไตล์ลูกครึ่งไทย-จีน หรือขนมไทยรสดั่งเดิม ฯลฯ โดยเราได้คัดสรรค์อาหารรสอร่อยมาฝากกัน
01. ครัวน้ำพริกกล่องทิพย์ กับสารพัดเมนูน้ำพริกสูตรโบราณที่หาทานยาก โดยเมนูแนะนำที่อยากให้ลิ้มลองคือ น้ำพริกนครบาล ที่เพียงได้ยินชื่อก็เรียกความสนใจจากเราได้มากมาย นอกจากนี้เจ้าของร้านยังแอบกระซิบกับเราว่าเป็นน้ำพริกที่หาทานยากมากๆ เพราะน้ำพริกชนิดนี้ประกอบไปด้วยสารพัดเครื่อง ทั้งปลากรอบ กุ้งแม่น้ำ หมูสามชั้น ส้มซ่า และอื่นๆ อีกมากมาย และเมื่อต้องใช้เครื่องมากวิธีทำย่อมยากตามไปด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำพริกนครบาลเป็นน้ำพริกที่หาทานยากนั่นเอง
02. ครัวชาววังบ้าน ม.ล. เนื่อง หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อ ‘แม่ครัวสี่แผ่นดิน’ โดยความพิเศษของครัวนี้อยู่ที่การเสิร์ฟอาหารตำรับเก่าแก่ ซึ่งเมนูที่เราแนะนำในวันนี้เป็นอาหารต้นตำรับจากชวาที่ได้ปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทยอย่าง สะเต๊ะลือ สะเต๊ะหมูชิ้นหนาแต่นุ่มลิ้ม เพราะนำหมูไปหมักกับกะทิคั้นสด นมข้น และน้ำตาลปี้บ เพิ่มความอร่อยด้วยน้ำจิ้มสูตรลับเฉพาะ ซึ่งเป็นน้ำจิ้มที่ไม่ใส่ถั่ว แม้หน้าตาจะคล้ายกับน้ำจิ้มทั่วไป แต่รับรองว่ารสชาติอร่อยล้ำแตกต่างอย่างแน่นอน
03. ขนมจีนน้ำยาปูแม่ติ๋ม โดยที่นี่จะมีทั้งเส้นขนมจีนเส้นสดที่ทั้งเหนียวและนุ่มและเส้นหมี่ให้เลือกชิม แน่นอนว่าเมนูแนะนำของเราก็ต้องเป็น ขนมจีนน้ำยาปูไข่และไข่ปูสูตรใต้ ซึ่งทางร้านได้ใช้เนื้อปูที่สดใหม่จากสุราษฎร์ธานี ผนวกกับเครื่องแกงสูตรเด็ดจากภูเก็ต น้ำยาปูของร้านนี้จึงเข้มข้นและอัดแน่นไปด้วยเนื้อปูแบบเน้นๆ
04. บ้านขนมหวาน หลังจากอิ่มอร่อยกับของคาวกันแล้วก็ต้องตามด้วยขนมหวาน ซึ่งที่ Eathai แห่งนี้ก็ได้จัดขนมไทยหลากชนิดในชื่อบ้านขนมหวานให้เราได้ไปลิ้มลอง โดยบ้านขนมหวานแห่งนี้เน้นเสิร์ฟขนมไทยรสชาติดั่งเดิม ทั้งขนมน้ำกะทิของเชื่อม ขนมครก ขนมเบื้องสูตรโบราณ ข้าวเหนียวสารพัดหน้า ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียวหน้ามะพร้าว หน้ากุ้ง หน้าสังขยา ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีขนมถ้วยอีกด้วย
05. หวานเย็น แต่หากใครไม่ชอบทานขนมไทย Eathai ยังมีไอศกรีมรสอร่อยให้ได้ชิม ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมกะทิที่เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าวอ่อนพร้อมเนื้อมะพร้าว หรือไอศกรีมมะม่วงที่ใช้เนื้อมะม่วงมาทำในกลวิธีแบบดั่งเดิม นอกจากนี้ยังมีไอศกรีมแท่งโบราณที่หาทานยาก โดยมีให้เลือกลิ้มลองถึง 12 รสชาติด้วยกัน ทั้ง ลอดช่อง ถั่วดำ นมเย็น ทุเรียน ลิ้นจี่ ชาไทย กาแฟ ฯลฯ ข้างๆ กันเป็นน้ำแข็งใสที่มีเครื่องถึง 25 อย่างให้เราได้สนุกกับการเลือกชิม
นอกจากอาหารไทยน่าอร่อยเหล่านี้แล้ว บรรยากาศและการตกแต่งก็น่าสนใจไม่แพ้กัน อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า Eathai นำเสนอความเป็นไทยแบบร่วมสมัยในบรรยากาศสนุกๆ กับคอนเซ็ปต์ ‘ทิง นอง นอย’ โดยได้เพิ่มโซนใหม่ถึง 13 โซน ซึ่งเราขอหยิบบางโซนที่น่าสนใจมาฝากคุณกัน
Eathai Café โซนใหม่ที่มาเอาใจคนที่มีเวลาน้อยด้วยอาหารจานด่วนในคอนเซ็ปต์ all day dining ที่เสิร์ฟทั้งเมนูอาหารเช้า ของทานเล่น หรืออาหารจานเดียว พร้อมทั้งบริการแบบ full service ในบรรยากาศร้านน้ำชาเก๋ไก๋
ต่อกันด้วย มุมอร่อย โซนอาหารที่คงคอนเซ็ปต์ความเป็นไทย ความพิเศษของโซนนี้อยู่ที่การคัดสรรค์ร้านอาหารเจ้าอร่อยมาไว้ที่นี่ ซึ่งจะมีการสลับสับเปลี่ยนทุกๆ 2 สัปดาห์ โดยประเดิมเจ้าแรกกับร้านดัง ‘จกโต๊ะเดียว’ ที่นำเสนอเกี๊ยวกุ้งคำโต ข้างๆ กันจะเป็นโซน Street Food โซนยอดนิยมของนักชิมที่ทาง Eathai นำเสนอเมนูยอดนิยมจากร้านดังกับอาหารจานเดียวและของกินเล่นในสไตล์สตรีทฟู้ด ทั้ง หอยทอด ผัดไทยเสวย ร้านก๋วยเตี๋ยวกั้งบ้านเพ ฯลฯ
อีกหนึ่งโซนยอดนิยมของ Eathai คือ ครัว 4 ภาค เปรียบเสมือนปิ่นโตเถาใหญ่ที่รวมเอาร้านอร่อยจากทั่วทุกภาคมาไว้ด้วยกัน ส่วนใครที่อยากลิ้มลองอาหารลูกครึ่งไทย-จีนต้องไม่พลาดกับ Little Chinatown ที่เสมือนยกเยาวราชขนาดย่อมมาไว้ที่นี่ นอกจากนี้ยังเอาใจเหล่าแม่บ้านที่ให้คุณได้ไปช็อปผลิตภัณฑ์อาหารแห้ง เครื่องปรุง เครื่องแกง สำหรับอาหารสี่ภาคกับร้านขายของชำในโซน Grocery 4 Pak หรือจะเป็นโซน Talad Eathai หรือตลาดอีทไทยที่รวมผลิตภัณฑ์อาหารทั้งของแห้ง ของสด และของใช้ในครัวเรือนมาไว้ให้คุณได้ไปซื้อหา โดยตลาดอีทไทยนี้ได้แรงบันดาลใจจากการดึงองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ในตลาดมาถ่ายทอดเป็นสัญลักษณ์ที่ชวนให้คุณนึกถึงตลาดแบบไทยๆ
นอกจากการเปิดโซนใหม่แล้ว Eathai ยังเพิ่มความพิเศษให้การทานอาหารเป็นไปอย่างรื่นร่มย์กันด้วยกับการแสดงพิเศษ ในระหว่างวันที่ 21 กรกฎาคม – 7 สิงหาคม 2559 ทั้งการแสดงจำอวดหน้าม่าน การแสดงรัศมีอีสาน และการแสดงผีตาโขน หรือจะเป็นเพลงเพราะๆ ระหว่างทานอาหารกับการขับร้องเพลงไทยควบคู่กับเครื่องดนตรีสากลให้บรรยากาศที่แปลกใหม่และสื่อความเป็นไทยร่วมสมัยได้อย่างดี อย่างกาพย์เห่เครื่องคาวหวานที่ขับร้องควบคู่กับเปียโนและเชลโล อีกทั้งยังเปิดพื้นที่เวิร์คช้อปอย่างร้อยมาลัยให้เราได้ไปอวดฝีไม้ลายมืออีกด้วย