ศิลปวัฒนธรรมมักจะถูกสร้างสรรค์ อยู่ในพื้นที่ที่มีจารีตประเพณีและอารยธรรมมายาวนาน เช่นเดียวกับบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะท้อนตัวตนความเป็นอยู่ จากอดีตจนถึงปัจจุบันได้อย่างดี เมื่อนึกถึงการเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา หลายคนน่าจะนึกถึงการนั่งเรือชมวัด หรือตลาดนัด ที่ยังคงเก็บเรื่องราวของสถาปัตยกรรมเก่าๆ ไว้ให้เราได้ศึกษา แต่ทว่าการพาเที่ยวริมน้ำครั้งนี้ เราจะพาไปชมไลฟ์สไตล์ใหม่ กับงานศิลปะอันน่าสนใจ และจุดแวะพักเที่ยวที่จะทำให้คุณอิ่มเอมใจได้ในช่วงวันหยุด
** สถานที่ตามหมายเลขคือสถานที่จัดงานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนา เล่ 2018” (Bangkok Art Biennale 2018)
เริ่มแรกกับย่านเก่าแก่และมีประวัติมายาวนาน ยิ่งใครที่มาแถวโรงพยาบาลศิริราช หรือต้องนั่งเรือข้ามฟากจากฝั่งวังหลังไปฝั่งพระนคร น่าจะคุ้นเคยกับสถานที่เหล่านี้ดี วังหลังไม่เพียงแต่จะเป็นตลาดเก่าที่มีความอร่อยที่หาทานยากอันเลื่องชื่อ แต่ที่นี่ยังเป็นแหล่งช็อปปิ้งของถูกและดี เพราะมีทั้งเสื้อผ้ามือหนึ่ง มือสองหลากหลายสไตล์ ‘วังหลัง’ เป็นย่านเก่าแก่ที่เคยเป็นพระราชวังของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์กรม พระราชวังบวรสถานพิมุข ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมาก่อน แต่ตอนนี้วังหลังกลายเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลศิริราชไปแล้ว ส่วนมากเราจะพบเจอวัยรุ่นที่ชื่นชอบเสื้อผ้ามือสอง มาเลือกหาของถูกใจสภาพดีกลับไปครับ โดยเฉพาะ “ตลาดคนพันแนว” ที่อยากแนะนำให้ไปลองดูสักครั้ง เพราะที่นี่มีของวินเทจที่น่าสนใจอีกเพียบ
หลายคนอาจไม่รู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมีศูนย์การเรียนรู้ขนาดใหญ่ให้ทั้งบุคคลทั่วไปและเยาวชนได้ไปศึกษาอาคารที่ตั้งของศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยเคยเป็นอาคารโรงพิมพ์ธนบัตรแห่งแรกของประเทศ ที่จัดตั้งขึ้นมาด้วยความสามารถของคนไทย จึงอาจจะกล่าวได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์และเครื่องจารึกประวัติแห่งความมุ่งมั่นด้านการพัฒนาวิทยาการของประเทศที่สำคัญในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง ธนาคารแห่งประเทศไทยมุ่งหวังให้ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้เป็นพื้นที่เปิด ที่จะสร้างโอกาสและแรงบันดาลใจ จุดประกายแห่งการเรียนรู้และการค้นคว้าด้วยตนเอง ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การระดมพลังสร้างสรรค์ความรู้ เพื่อสร้างนิสัยรักการเรียนรู้และการแบ่งปัน โดยมุ่งให้เป็นศูนย์การเรียนรู้แบบบูรณาการมีสื่อการเรียนรู้ที่ทันสมัย มีกิจกรรมด้านการเรียนรู้ที่หลากหลาย ตลอดจนมีพิพิธภัณฑ์ที่อนุรักษ์มรดกสำคัญของชาติ และพื้นที่จัดนิทรรศการให้ความรู้ต่างๆ เช่น นิทรรศการเงินตราที่ชวนเดินทางย้อนอดีต และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการของเงินตราในช่วงอารยธรรมต่างๆ รวมถึงเงินตราในอนาคต
ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งจัดงานศิลปะ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 ของศิลปิน 2 กลุ่ม ได้แก่
ใครที่แวะเวียนมาเส้นทางริมน้ำเจ้าพระยา หากจะไม่แวะที่วัดอรุณราชวรารามฯ ก็ดูจะเป็นเรื่องแปลกไปเสียหน่อย เพราะความสวยงามของพระปรางค์ใหญ่วัดอรุณฯ ถือได้ว่าเป็นศิลปกรรมที่สง่าและโดดเด่นที่สุด บนพระปรางค์ประดับด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบและเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ที่นำเข้ามาจากจีน ซึ่งมีลวดลายงดงามเป็นของเก่าแก่และหายาก โดยได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5
ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งจัดงานศิลปะ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 ของ
ซึ่งในงาน บางกอก อาร์ต เบียนนา เล่ 2018 ครั้งนี้ สนิทัศน์ ยังคงนำแนวคิดเกี่ยวกับเขามอมาสร้างสรรค์ชิ้นงานอันทรงคุณค่าและสร้างพลัง แต่ทว่า เขามอ ในครั้งนี้จะต่างกับเขามอกระจกในครั้งที่แล้ว เพราะคราวนี้งานของเธอจะเป็นศิลปะแบบติดตั้งเฉพาะพื้นที่(site specific installation) ที่เขามอจริงๆ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร โดยเขามอ ของ สนิทัศน์ ที่เธอกำลังสร้างสรรค์อยู่นี้ จะเป็นเหมือนโลกใบใหม่ ที่จะทำให้ผู้ที่ชมงานทุกท่าน ได้ร่วมสัมผัสการรู้แจ้ง หรือ มองลึกเข้าไปภายในจิตใจตนเอง เพื่อที่จะเข้าใจโลกภายนอก หรือ จะเริ่มมองจากโลกภายนอก เพื่อให้เข้าใจภายในจิตใจก็ได้ ตามแนวคิด “โลกะวิทู” หรือ การรู้แจ้งโลก ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ของพระพุทธคุณ (คุณของพระพุทธเจ้า 9 ประการ )
หลังจากเที่ยวย่านวังหลัง สามารถนั่งเรือข้ามฟากมายังท่ามหาราช คอมมูนิตี้มอลล์สุดชิคของคนกรุงที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยิ่งมาในยามเย็นคุณจะได้ดื่มด่ำกับวิวสวย ๆ ช้อปปิ้งเพลิน ๆ หรือกินดื่มสุดชิลภายใต้คอนเซ็ปต์ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่อุดมไปด้วยศิลปะ และมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้คนกรุงมาสัมผัสบรรยากาศดี ๆ เพื่อเติมความสดชื่นให้กับชีวิต ที่นี่มีร้านอาหารและสตรีทฟู้ดที่ขึ้นชื่อมากมายรวบรวมไว้ เรียกว่าเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวิถีชุมชนในอดีตในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะผสมผสานความน่าสนใจเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้วย
ที่ไหนคือท่าเตียน สังเกตุง่ายๆ ให้สังเกตเอกลักษณ์ของตึกสองชั้นสีเหลืองสดใสสไตล์โคโลเนียลในย่านเก่าแก่ฝั่งพระนคร ท่าเตียนเป็นย่านที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์สุดคลาสสิกของชุมชนเก่าที่ยังมีชีวิต ทั้งวัดวาอารามที่อยู่คู่พระนครมาเนิ่นนานอย่างวัดโพธิ์ คาเฟ่น่านั่ง ร้านอาหารเด็ดและเดินชมงานศิลปะชิค ๆ ได้โดยรอบ ในละแวกใกล้กันยังมีปากคลองตลาด ตลาดดอกไม้ที่ชวนให้เราตกหลุมรักย่านนี้ได้อย่างง่าย ๆ อีกด้วย
ถ้าพูดชื่อนี้หลายคนอาจยังไม่รู้จักเท่าไรนัก แต่ถ้าพูดว่าที่นี่คือ “วัดโพธิ์” ซึ่งน่าจะรู้จักกันดี เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกและเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาวัดโพธารามวัดเก่าที่เมืองบางกอกครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดหลวงข้างพระบรมมหาราชวัง และที่ใต้พระแท่นประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้ด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วโลกคือ “ยักษ์วัดโพธิ์” ที่ตั้งอยู่ที่ซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑป โดยมีสีกายเป็นสีแดงและสีเขียว ลักษณะคล้ายยักษ์ในวรรณคดีจากเรื่องรามเกียรติ์
ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งจัดงานศิลปะ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 ของ
วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ของราชอาณาจักรรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามว่า “วัดประยุรวงศาวาส” แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “วัดรั้วเหล็ก” เพราะมีรั้วเหล็กเป็นกำแพงวัดอยู่เป็นบางตอน มีลักษณะเป็นกำแพงและซุ้มประตูเล็กๆ เป็นตอนๆ ที่น่าสนใจคือ ในปี พ.ศ. 2556 พระเจดีย์แห่งนี้ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม อันดับ 1 หรือ Award of Excellence จากโครงการประกวดรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี พ.ศ. 2556 ชนะเลิศอันดับที่ 1 จาก 47 โครงการจากผู้เข้าร่วมกว่า 16 ประเทศทั่วโลก ด้วยการบูรณปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุมหาเจดีย์ และพรินทรเปรียญปริยัติธรรมศาลา ที่สามารถสะท้อนความเข้าใจทางเทคนิค และเป็นโครงการอนุรักษ์ที่สร้างความตระหนักในคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมในชุมชนรอบข้างได้อย่างดีเยี่ยม
ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งจัดงานศิลปะ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 ของ
ถ้ามีเวลาเราอยากให้คุณลองมา มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรก ที่สร้างความแปลกใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ มีการจัดแสดงเรื่องราวผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ทำให้ดูน่าสนใจและเข้าถึงกับผู้เข้าชม มีเทคนิคในการเล่าเรื่องพร้อมกับตั้งคำถามชวนสงสัยกลับมายังผู้เข้าชม โดยมีจุดมุ่งหมายในการปฏิรูปพิพิธภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด นำเสนอด้วยรูปแบบที่สร้างสรรค์และสนุกสนานโดยใช้กิจกรรมต่างๆ เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ ฉะนั้น ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์จะต้องเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ เพื่อสื่อความหมายในการเล่าเรื่องและเชื่อมต่อสิ่งต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์
ถิ่นเก่าชาวจีนกับอารยธรรมที่มีมาอย่างยาวนาน สิ่งหนึ่งที่ทำให้ค่ำคืนของเยาวราชมีสีสัน คืออาหารชั้นเลิศที่รวมไว้ที่นี่ ถนนเยาวราชประกอบไปด้วยจุดสำคัญหลายจุดเช่น วงเวียนโอเดียน, ถนนเจริญกรุง ถนนราชวงศ์ และถนนจักรวรรดิ ถ้ามาถึงที่นี่ร้านที่ต้องแวะมาลอง คือ ร้านก๋วยจั๊บนายเอ็กซ์ คั่วไก่เตาถ่าน ก๋วยจั๊บอ้วนโภชนา (หน้าโรงหนังไชน่าทาวน์) ซ่อนอยู่ขนมปังไส้ทะลัก ร้านสวีทไทม์ ขนมหวานแสนอร่อย และ ร้าน “ป้าจินหอยแครงลวก” ร้านอาหารทะเลที่เสิร์ฟความอร่อยมาเอาใจสายหอย เป็นอีกหนึ่งร้านเก่าแก่ของเยาวราชที่มีคนต่อคิวยาวมากอีกร้าน
ชื่อเสียงอันเลื่องลือในงานด้านสถาปัตยกรรมการตกแต่งที่ส่งผลให้ล้ง 1919 เป็นสถานที่เที่ยวแห่งใหม่ที่น่าเช็คอินถ่ายรูปเป็นที่สุด เดิมสถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า “ฮวย จุ่ง ล้ง” เป็นภาษาจีน หมายถึง “ท่าเรือกลไฟ” ซึ่งทุกวันนี้รู้จักในนามโกดังบ้าน “หวั่งหลี” และด้วยประวัติและสถาปัตยกรรมที่มีอายุมากถึง 167 ปี พร้อมกับความตระหนักถึงคุณค่าของสถานที่แห่งนี้ จึงตัดสินใจบูรณะเชิงอนุรักษ์ท่าเรือที่มีสภาพทรุดโทรมมาอย่างยาวนาน ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแนว Heritage ที่โดดเด่นด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมที่บอกเล่าประวัติศาสตร์อันสำคัญของ
สะพานเก่าแก่ที่มีประวัติอันยาวนาน เป็นที่ประดิษฐานปฐมบรมราชานุสรณ์และยังมีลานสาธารณะให้คนมาใช้พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงเป็นลานกีฬาของเด็กนักเรียนในย่านนั้นด้วย โดยประมาณช่วงค่ำๆ เราจะได้เห็นร้านรวงต่างๆ ตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้สะพานพระพุทธยอดฟ้าจนถึงใต้สะพานพระปกเกล้าตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไปจนถึงเวลา 01.00 โดยประมาณ จะเป็นตลาดนัดยามค่ำคืน ที่มีสินค้าแฟชั่นหลากหลายทั้งอุปกรณ์ตกแต่งมือถือเคส ฟิล์ม ซีดีและสินค้ามือสอง อาทิ เสื้อ กางเกง กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ จึงถือเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นของย่านนี้ได้อย่างดี
The Jam Factory ปรับพื้นที่โกดังเก่าริมน้ำเจ้าพระยา เป็นสถานที่แสนร่มรื่นน่าเช็คอิน แหล่งรวบรวมไลฟ์สไตล์สุดฮิปอีกย่านหนึ่งซึ่งนอกจากการดัดแปลงอาคารจากโกดังเก่าให้สวยงามแล้ว ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมโดยการเก็บต้นไม้ใหญ่ในโครงการไว้ทำให้บรรยากาศร่มรื่นอย่างมาก มีทั้งร้านอาหารบรรยากาศดีนั่งชิลริมน้ำ ร้านเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆสุดแนว และร้านหนังสือให้หนอนหนังสือตัวยงเข้าไปตักตวงความรู้ได้ทั้งวันจากหนังสือหายากทั้งนำเข้าและในประเทศ
Warehouse 30 ครีเอทีฟสเปซกับความโดดเด่นสไตล์อินดัสเทรียล ซึ่งถูกรีโนเวทมาจากโรงงานเก่า คอมมูนิตี้เกิดใหม่นี้อยู่ในซอยเจริญกรุง 30 ที่นี่เป็นทั้งแหล่งแฮงก์เอ้าท์ ร้านอาหาร และของตกแต่งบ้านสุดฮิปที่มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ มากมาย ไปจนถึงโรงฉายหนัง และเป็นพื้นที่ Co-Working Space ให้ทุกคนได้มาเดินช้อป ชิม ชิล หรือร่วมสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในวันธรรมดาและช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ความงามทางด้านสถาปัตยกรรมที่สะท้อนผ่านตึกเก่าแห่งนี้มีชื่อว่า The East Asiatic สัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองของเดนมาร์กในสยาม การทำความรู้จักกับอาคาร อีสต์ เอเชียติก คือการทำความรู้จักกับชาวต่างชาติที่มีสีสันที่สุด และเป็นหนึ่งในคนสำคัญที่สุด ที่เดินทางมาอาศัยอยู่ในกรุงเทพ
The East Asiatic ตึกเก่าแก่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของสถาปัตยกรรมจากยุคฟื้นฟูเรอเนซองส์ (Renaissance revival architecture) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีทั้งความงดงามและแสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์การค้าอันยาวนานกว่า 100 ปี จนเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองของชาวเดนมาร์กในสยามประเทศในยุคนั้น อยู่ติดกับโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ และทุกวันนี้ถือว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ที่หาได้ยากยิ่ง
ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งจัดงานศิลปะ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 ของ
ความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ยังคงรักษาไว้ที่โรงแรมแมนดาริน โอเร็นเต็ลได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีสุดในโลกจากสื่อมากมาย และมีหลายๆคน ที่เห็นตรงกันว่าโรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่มีความสำคัญที่อยู่คู่กรุงเทพมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ที่เปิดให้ทำการในช่วง ปีพ.ศ. 2413 จนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมแห่งแรกของกรุงเทพเลยก็ว่าได้ และถึงแม้ว่าโรงแรมจะได้ผ่านการ ปรับปรุงมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังคงความคลาสสิกไว้ได้จนถึงทุกวันนี้
ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งจัดงานศิลปะ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 ของ
หนึ่งในความพิเศษของโรงแรมเพนนินซูล่านั้นอยู่ที่โครงสร้างของอาคารที่มีลักษณะเป็นเหมือนตัวอักษร w ทำให้ทุกห้องของโรงแรมเป็นห้องที่เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าคุณจะได้ที่ห้องไหนคุณก็จะไม่พลาดที่จะเห็นวิวสวยๆ การเอาใจใส่ในเรื่องการตกแต่งภายใน ที่ยังคงอนุรักษ์ความเป็นไทยดั้งเดิมไว้ในทุกมุมมองของห้อง
ศูนย์การค้าขนาดเล็ก ที่มีลักษณะเฉพาะตัว ตกแต่งแบบนีโอคลาสสิค มีประวัติความป็นมาอันยาวนานตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อาคารของศูนย์การค้า โอ.พี. เพลส สร้างขึ้นในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แต่เดิมนั้นเป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำในสมัยนั้น ชื่อห้างสิงโต (Falck & Beidek Store) อาคารหลังนี้มีอายุครบหนึ่งศตวรรษเมื่อปี พ.ศ. 2551 การก่อสร้างและตกแต่งมีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบยุโรปและความอ่อนช้อยของศิลปไทยได้อย่างลงตัวและงดงาม จุดเด่นของอาคาร คือมุขหลังคาจั่ว 3 มุข ตัวอาคารได้รับการดูแลซ่อมแซมโดยอนุรักษ์รูปแบบเดิมมาตลอด อาคารโอ.พี. เพลส ได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม เมื่อปี พ.ศ. 2525
ถ้ามีเวลานอกจากการนั่งเรือชมวิวทิวทัศน์ของสองแม่น้ำเจ้าพระยา คุณยังสามารถชมผลงานศิลปะที่อาจยังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน สะท้อนเรื่องราวผ่านวัฒนธรรมและสังคมได้อย่างน่าสนใจ สร้างแนวคิดและแรงบันดาลใจ ปลุกไฟทางความคิดให้เรานำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ งานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนา เล่ 2018” (Bangkok Art Biennale 2018) จะจัดระหว่างวันที่ 19 ตุลาคม 2561 ไปจนถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ณ สถานที่สำคัญ 20 แห่งในกรุงเทพมหานคร
Credit ภาพ: Photos courtesy of artists