จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีสำหรับงาน The 37th Bangkok International Motor Show ซึ่งในครั้งนี้ได้ดำเนินการมาจนถึงครั้งที่ 37 แล้วกับคอนเซปงานที่ว่า No Boundaries Mobility (นวัตกรรมขับเคลื่อนไร้ขีดจำกัด)
ซึ่งค่ายรถต่างๆก็พาเหรดกันนำสินค้าตัวเด็ดที่เป็นจุดขายในปี 2016 ออกมาโชว์กันในงานอย่างคึกคัก นอกเหนือจากนั้นแล้วยานยนต์ประเภท Concept Car ที่เน้นโชว์นวัตกรรมของบริษัทก็ยังเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจภายในงาน วันนี้เราจะพาชาว Favforward ไปดูกันว่า แต่ละค่ายมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง ไปชมกันเลยครับ
ค่าย BMW ปีนี้เน้นชูนวัตกรรม Plug-in Hybrid ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo และ มอเตอร์ไฟฟ้า สามารถสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบในขณะที่ขับเคลื่อน พร้อมประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิง สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลสูงสุดถึง 40 กิโลเมตร โดยปราศจากมลพิษใดๆทั้งสิ้น โดยสามารถพบนวัตกรรม Plug-in Hybrid ได้ใน BMW X Series , BMW 3 Series และ BMW i ภายในงาน
BMW 3 Series 330e ซีดาน มาพร้อมระบบ Plug-in Hybrid ที่สามารถต่อปลั๊กไฟบ้านเพื่อชาร์ตไฟ พร้อมโหมดการขับขี่หลากหลาย ช่วยให้คนขับควบคุมอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานจริงได้ อีกทั้งยังมีห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ความจุถึง 370 ลิตร ให้ใส่สัมภาระได้อย่างไม่ต้องกลัวเต็ม
BMW i8 ครั้งแรกที่รถสปอร์ตมากับสมรรถนะที่ให้ความประหยัดและรักษ์โลกแบบรถยนต์ขนาดเล็ก กับเทคโนโลยี Plug-In Hybrid พร้อมการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวและโดดเหนือกว่าใครด้วยประตูดีไซน์ปีกนก จากสุดยอดยนตรกรรมตามแบบฉบับ BMW
ค่ายลูกของ BMW อย่าง MINI ก็มาพร้อมกับ MINI Cooper Convertible ที่เพิ่งเปิดตัวไปในงานมอเตอร์โชว์ที่กรุงโตเกียว นับเป็นนวัตกรรมอีกขั้นจากการดีไซน์ที่เติมเต็มทุกอารมณ์ทุกความโฉบเฉี่ยวให้เพิ่มมากขึ้น โดย MINI Cooper Convertible (MINI Cooper S) ให้การขับขี่แบบสปอร์ตด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์ MINI Twin Power Turbo Technology ให้ประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุด 192 แรงม้า มีอัตราความเร็วสูงสุดถึง 228 กิโลเมตรต่อชม. นับเป็นเล็กพริกขี้หนูตัวจริงเสียงจริงเลยทีเดียว
ค่าย Suzuki ยังคงมี SWIFT เป็นตัวชูโรง โดยถือโอกาสนี้เปิดตัว New Suzuki SWIFT Sai Special Edition คอมแพคคาร์เจเนอเรชั่นใหม่ภายใต้แนวคิด iconic design เอกลักษณ์เฉพาะแค่บน SWIFT เท่านั้น โดดเด่นด้วยกระจังหน้าตกแต่งโครเมี่ยมและกันชนพร้อมล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ 16 นิ้วดีไซน์ใหม่ พิเศษสมกับเป็นชื่อรุ่น Sai Special Edition ด้วยตัวอักษรญี่ปุ่นแบบคันจิบนฝาถังน้ำมัน พร้อมระบบ Paddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และระบบควบคุมความเร็วอัติโนมัติ Cruise Control มาพร้อมสีพิเศษสีใหม่ 3 สีได้แก่ สีม่วง Moonlight สีแดง Ablaze Red Pearl และสีขาว Snow White Pearl เชื่อไหมครับว่าราคาเริ่มต้นแค่ 599,000 บาทเพียงเท่านั้น
ทางด้านค่าย Mazda ก็ไม่น้อยหน้ามี New Mazda CX-5 สกายแอคทีพ และ All New Mazda CX-3 ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ เป็นตัวชูโรง เรียกความสนใจจากคนในงานได้เป็นอย่างดี โดยผสานการดีไซน์แบบ โคโดะ (Kodo : Soul of Motion จิตวิญญานแห่งการเคลื่อนไหว) ที่ถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Mazda ผนวกกับนวัตกรรมแบบสกายแอคทีพ ภายใต้แนวคิด “Achievment in Control ทุกความสำเร็จ…ควบคุมได้” นอกเหนือจาก New Mazda CX-5 สกายแอคทีพใหม่แล้วนั้น ภายในงานยังอวดโฉมรถสปอร์ตครอสโอเวอร์อย่าง Mazda CX-3 ใหม่ที่ตกแต่งพิเศษในสไตล์สปอร์ตเต็มขั้นครั้งแรกอีกด้วย
สิ่งที่ชอบที่สุดของ Mazda คือการเน้นที่ตัวผู้ใช้เป็นหลัก โดย Mazda ได้ออกแบบภายในรถให้สอดคล้องกับหลัก HMI (Human-Machine Interface) อย่าง Center Display คือการวางแผงจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว อยู่บนคอนโซลหน้าในระดับสายตาเพื่อรักษาสมาธิในการคอนโทรลรถของผู้ขับ , Active Driving Display สกรีนใส ที่แสดงข้อมูลการขับขี่อยู่ในระดับสายตาโดยไม่ต้องก้มหน้าลงไปมอง ก็นับเป็นนวัตกรรมเล็กๆน้อยๆที่ช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
มากันที่ Ford ประเทศไทย ยังคงเดินหน้ากับไลน์ผลิตรุ่น Ford Focus ใหม่อย่างเต็มที่ โดย Ford Focus ใหม่นั้นมาพร้อมขุมพลังอีโค่บูสท์ เทอร์โบ แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร มอบพลังขับเคลื่อนถึง 180 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที นอกจากนั้นแล้วยังมีนวัตกรรมใหม่ๆ อย่าง Enhanced Active Park Assist (ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ) เป็นเทคโนโลยีช่วยจอดรถเข้าซอง โดยไม่ต้องใช้มือบังคับพวงมาลัย เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถถอยรถเข้าซองได้แม้ในพื้นที่จำกัด , Active City Stop (ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ) เป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อช่วยลดอัตราการชนขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 50 กิโลเมตร/ชม. ระบบจะทำงานโดยลดแรงบิดของเครื่องยนต์ในการควบคุมเบรกอัติโนมัติ เพื่อช่วยลดแรงปะทะจากการชนในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้เอง , Sync 3 (ระบบสั่งงานด้วยเสียง ซิงค์3) เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมหน้าจอทัชสกรีน 8 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายผ่านคำสั่งเสียง อีกทั้งยังรองรับระบบแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ อีกด้วย
ทางค่าย Honda ถึงแม้จะเพิ่งจัดงานเปิดตัว All-New Civic ไปหมาดๆ แต่ก็ยังขอชู All-New Civic เป็นตัวเด่นสุดในงานครั้งนี้ โดยจัดแสดงผ่านคอนเซป “Road Through The Tunnel of Time เส้นทางแห่งความท้าทาย ผ่านมิติของกาลเวลาสู่ที่สุดแห่งโลกยนตรกรรม” โดยเปิดมุมมองบูธทุกด้านและมีเส้นสีแดงทอดยาวผ่านกลางบูธ เป็นจุดนำสายตาไปยังอุโมงค์รูปตัว C ที่เป็นสัญลักษณ์ของ Honda Civic
โดยการกลับมาของ All-New Civic ในครั้งนี้ ได้ก้าวสู่เจเนอเรชั่นที่ 10 แล้ว ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนการออกแบบและระบบให้ล้ำสมัยด้วยนวัตกรรมต่างๆ เช่นการออกแบบภายนอกในสไตล์พรีเมียมสปอร์ต พื้นที่ภายในห้องโดยสารสะดวกสบายเหมือนนั่งอยู่บนรถยนต์ระดับ D-Segment พร้อมด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และ 1.5 ลิตร VTec Turbo ใหม่ ซึ่งให้สมรรถนะที่ทรงพลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรเลยทีเดียว ด้านการเชื่อมต่อสามารถรองรับ แอปเปิ้ลคาร์เพลย์ ได้ พร้อมนวัตกรรม Engine Remote Start (ระบบสตาร์เครื่องยนต์พร้อมแอร์ด้วยกุญแจรีโมท) , Honda Lane Watch (ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน) , Electric Parking Brake (ระบบเบรกมือไฟฟ้า) และ Walk Away Auto Lock (ระบบล็อกรถอัติโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ) เป็นต้น
ด้านค่าย Toyota ปีนี้มาในแนวความคิด “The Reflection of Excitement สะท้อนทุกมุมมองของการขับขี่” ผ่านการจัดแสดงนวัตกรรมอันล้ำสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยที่โดดเด่นสะดุดตาเห็นว่าจะเป็น Toyota C–HR ซึ่งเป็น Concept Car จากทาง Toyota
โดย Toyota C–HR เป็นรถยนต์ประเภท Compact Crossover ซึ่งผสานรถยนต์แบบ B-SUV เข้าด้วยกับ C-SUV มีการออกแบบให้มีความโฉบเฉี่ยวและมีลักษณะเป็นเหลี่ยมมุมคล้ายเพชร สะท้อนถึงยุคสมัยใหม่แต่ยังคงความคล่องตัวปราดเปรียว ผสมผสานกับความเป็น Full Hybrid และอเนกประสงค์ของตัวรถเอาไว้ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
ท้ายสุดจากค่าย Nissan หลังจากโลดแล่นในวงการมอเตอร์สปอร์ตอยู่ยาวนาน ถึงขนาดคว้าชัยชนะถึง 9 รายการในการแข่งขันระดับโลกในปี 2558 คราวนี้ได้จับเอาแบรนด์ Nismo (Nissan Motorsports) ที่แข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศเข้ามาสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในชื่อรุ่น Nissan Almera Nismo Performance Package ซึ่งเป็นการผนวกความเป็น Nismo เข้ากับ นิสสัน อัลเมรา ที่เป็นอีโคคาร์ซีดานอันดับ 1 เข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดสมรรถนะที่เร้าใจทั้งด้านการขับขี่และด้านการดีไซน์ โดยยึดหลักการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ การควบคุมรถ และสมรรถนะต่างๆ ซึ่งทาง Nissan ได้เคลมว่าผู้ที่ได้ลองขับขี่ Nissan Almera Nismo Performance Package นี้นั้นจะสัมผัสถึงความโดดเด่นและความแตกต่างที่เยี่ยมยอดของรถได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
โดยงาน The 37th Bangkok International Motor Show จะจัดแสดงตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 3 เมษายน ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1 – 3 และนวัตกรรมในงานยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ไว้บทความหน้าเราจะพาชาว Favforward ไปชมนวัตกรรมฝั่งของรถจักรยานยนต์กันบ้างนะครับ จะเป็นอย่างไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ
เรื่องโดย : Nomad609
ภาพประกอบ :