“เราสนุกกับร้านนี้มากๆ เพราะว่ามันเป็นร้านที่เราตั้งใจทำ แรงบันดาลการแต่งร้านจริงๆ คือ 70s เป็นวินเทจ ของตกแต่งก็เป็นของวินเทจ เราชอบอะไรที่ 70s มากๆ เป็น City pop พยายามใช้สีเหมือนให้อยู่แคลิฟอร์เนียหน่อยๆ ในยุคนั้น”
Oh! Vacoda Café คาเฟ่ที่เปรียบเสมือนความฝัน เป็นเป้าหมายที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ 2 ปีก่อน แต่เพราะจังหวะเวลายังไม่อำนวย คาเฟ่แห่งนี้จึงยังคงเป็นเพียงฝันที่ต้องก้าวไปให้ถึง และในวันนี้ เมื่อทุกอย่างลงตัว คุณเพียงพลอย – รุจิยาทร โชคสิริวรรณ และคุณบอม – วัชรพงษ์ ทองยาน ก็ไม่รอช้าที่จะสานฝันให้เป็นจริง จนเกิดเป็น Oh! Vacoda Café ณ ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4
“จริงๆ เราคิดจะเปิดร้านนี้มาเกือบ 2 ปีแล้ว อย่างเมนูเครื่องดื่ม เราคิดได้ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว มันผ่านกระบวนการคิดมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน ทุกอย่างมันเหมือนอยู่ในตัวเรา
ตอนแรกพลอยกับบอมเคยทำร้านมาก่อน แล้วเราก็เป็นคนดูแลเรื่องเครื่องดื่ม เราก็เลยมีพื้นฐานการทำเครื่องดื่มมาพอสมควร แล้วเรารู้ตัวเองว่า เราชอบกินอะโวคาโดมากๆ แล้วเราก็คิดว่า ทำไมในไทยมันไม่มีคาเฟ่อะโวคาโดที่มันอร่อยเลย เราก็เลยอยากเปิดร้านมาทำเครื่องดื่มและขนมจากอะโวคาโด”
เพราะตั้งใจที่จะเสิร์ฟความไม่ธรรมดาของอะโวคาโด คอนเซ็ปต์ของที่นี่จึงมาพร้อมความไม่ธรรมดา โดยเฉพาะความเข้าอกเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพ การเปลี่ยนอะโวคาโดให้เป็นเมนูที่อร่อยและถูกใจคนกรุงเทพจึงเกิดขึ้น ภายใต้แนวคิด “Bangkok Style Avocado” ในบรรยากาศยุค 70s สไตล์วินเทจ
“แรงบันดาลการแต่งร้านจริงๆ คือ 70s เป็นวินเทจ ของตกแต่งก็เป็นของวินเทจ เราชอบอะไรที่ 70s มากๆ เป็น City pop พยายามใช้สีเหมือนให้อยู่แคลิฟอร์เนียหน่อยๆ ในยุคนั้น
เราพยายามทำร้านนี้ให้เป็น Design Space มากกว่าที่จะเป็นคาเฟ่ทั่วไป เราก็อยากชวนเพื่อนเรามาทำงานศิลปะ เราไม่อยากให้คนมานั่งถ่ายรูปอย่างเดียว เราอยากให้คนมารู้สึกว่า ที่นี่เป็นมากกว่านั้น มันได้แรงบันดาลใจมากกว่านั้น มาอ่านหนังสือดีไซน์ คุยเรื่องออกแบบ มาคุยโปรเจ็คตั้ง Exhibition เล็กๆ ในนี้กัน”
โดยผนังด้านหนึ่งของร้าน เป็นฝีมือการเพ้นท์ของ Juli Baker and Summer, LoveSyrup, A Piece of Apple Pie และ Booo ที่มาแต่งแต้มสีสันในสไตล์ Improvise art painting ขณะที่ส่วนอื่นๆ รวมทั้งการออกแบบภาพรวมของร้าน คุณเพียงพลอยและคุณบอมต่างช่วยสร้างสร้างสรรค์ขึ้นในสไตล์ของตัวเอง ทำให้ Oh! Vacoda Café เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่มีความเก๋เฉพาะตัว
“ชื่อร้าน Oh! Vacoda มาจากคำผวนของอะโวคาโด เป็นชื่อที่คิดได้ตั้งแต่วันแรกที่อยากเปิดร้านเมื่อ 2 ปีก่อน เราไม่เคยคิดจะเปลี่ยนชื่อเลย”
ส่วนการเสิร์ฟความเป็นอะโวคาโด คุณเพียงพลอยและคุณบอมบอกกับเราว่า “เราพยายามทำให้เครื่องดื่มร้านเรา เป็นเครื่องดื่มที่อยู่ในไลฟ์สไตล์คนกรุงเทพ คือ ร้านเรามีคอนเซ็ปต์ว่า Bangkok Style Avocado หมายถึงร้านนี้เสิร์ฟอะโวคาโดตามแบบฉบับสไตล์คนกรุงเทพ นั่นคือ คนกรุงเทพไม่กินเลี่ยน คนกรุงเทพไม่เข้าใจความครีมมี่ แต่คนกรุงเทพชอบกินกาแฟ กินช็อกโกแลตทุกวัน เราก็เลยเอาอะโวคาโดไปอยู่ในไลฟ์สไตล์คนกรุงเทพ”
จากความมุ่งมั่นที่จะเสิร์ฟความอร่อยของอะโวคาโดผ่านเครื่องดื่ม ขนม และอาหารหลากเมนู จึงไม่แปลกหากเมนูของที่นี่ล้วนแล้วแต่มีอะโวคาโดเป็นวัตถุดิบหลัก เริ่มจากเมนูเครื่องดื่ม “Avoothie” (150 บาท) หรืออะโวคาโดสมูทตี้ที่ทางร้านนำอะโวคาโดไปปั้นสดๆ โดยไม่แต่งเติมรสชาติ นอกจากมะนาวที่มาช่วยตัดเลี่ยน เสิร์ฟมาในขวดแก้วแช่เย็น โดยจะปั้นวันต่อวัน เพื่อให้ได้เครื่องดื่มอะโวคาโดที่สดใหม่เสมอ
“เราก็มีลูกค้าประจำที่เป็นคนดูแลสุขภาพแถวนี้ที่เขารู้ว่าอะโวคาโดมันดี ควรจะกิน 1 ลูกทุกวัน แต่เขากินไม่ไหว เพราะว่ามันเลี่ยน แต่พอเขามาเจอสมูทตี้นี้ของเรา คือเราไม่ได้ใส่อะไรเลย มันก็เหมือนกินอะโวคาโดสดๆ แต่เราตัดรสด้วยมะนาว เขาก็บอกว่า เฮ้ย! มันอร่อยมาก เขากินได้ทุกวัน เขาซื้อกินทุกวันตอนเช้า มันเหมือนเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนิดๆ แต่จริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจทำมาเพื่อให้มันสุขภาพขนาดนั้น เราตั้งใจให้ทุกวันสามารถกินอะโวคาโดได้ ทำให้มันอร่อย”
ต่อกันด้วยเครื่องดื่มเอาใจสายช็อกโกแลตกับ “Cacao – Cado” (100/110 บาท) “เราเอาเนื้ออะโวคาโดสดๆ ไปตีกับช็อกโกแลตให้เป็นเนื้อเดียวกัน คืออะโวคาโดคนไทยเรียกว่าลูกเนย ด้วยความที่แท็กเจอร์มันเหมือนเนย ก็จินตนาการว่าเอาเนยหนึ่งก้อนโยนลงไปในช็อกโกแลต มันก็จะเพิ่มความความเข้มข้น เหนียวหนึบขึ้นมา แล้วเสิร์ฟในนมสด”
ส่วนคนรักกาแฟ ต้องลิ้มลองเมนู “Affocado” (145 บาท) ซึ่งเป็นเมนูที่ผสานความอร่อยระหว่างไอศกรีมอะโวคาโดโฮมเมดเข้ากับเอสเปรซโซ่เข้มข้น โดยทางร้านคัดเมล็ดกาแฟที่ให้รสเข้ากับอะโวคาโดมาโดยเฉพาะ ที่สำคัญเมนูยังเลือกใช้วัตถุดิบออร์แกนิก ตั้งแต่อะโวคาโดออร์แกนิก นมออร์แกนิก และน้ำตาลออร์แกนิก เป็นเมนูที่ให้รสหวาน มัน เจือรสอะโวคาโด ซึ่งตัดกับความเข้มของกาแฟอย่างลงตัว
“Pancake Avocado Bacon with Souffle Egg” (235 บาท) อีกหนึ่งเมนูที่ครีเอทขึ้นจากความเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพที่ชื่นชอบการกินดื่มแบบ All day brunch โดยคุณเพียงพลอยเล่าถึงเมนูนี้ว่า “เนื้อแป้งแพนเค้ก พลอยเอาเนื้ออะโวคาโดไปตีกับแป้ง แล้วเอาไปทอดกับเบคอน เป็นแพนเค้กคาว ท็อปด้วยอะโวคาโดอีกครึ่งลูกตามด้วยน้ำผึ้ง แล้วก็ใส่ไข่ Souffle ที่เราตั้งใจเป็นไข่ Souffle เพราะว่าหน้าตาสวยแล้วมันไม่ใช้น้ำมันทอด มันแค่อบ มันก็จะมีความเฮลตี้หน่อยๆ เป็น All day brunch แบบเฮลตี้ คือมีทั้งอะโวคาโด ทั้งเบค่อน แล้วก็ไข่”
ใครอยากลิ้มลองเมนูขนมที่ Oh! Vacoda Café มีขนมอบให้เลือกชิม 3 รสชาติด้วยกันคือ Lemoncado Loaf, White Chocolate Avocado Loaf และ Avocado Chocolate Bundt แน่นอนว่ายังมีอะโวคาโดเป็นวัตถุดิบที่มาเสริมความแตกต่างและความอร่อย
“เมนูขนมเราลองผิดลองถูกหลายครั้ง แต่สุดท้ายเราก็เลยทำมา 3 ตัวค่ะ คือ Avocado Chocolate Bundt ตัวเนื้อแป้งก็เป็นอะโวคาโดกับดาร์กช็อกโกแลตเอาไปอบ เป็นเมนูที่คนจะชอบกินมาก ส่วนอีก 2 ตัวเป็น Loaf ซึ่งความแตกต่างกับ Bundt คือ Bundt เนื้อจะแน่นและชุ่มฉ่ำนิดนึง แต่ Loaf มันจะชุ่มฉ่ำมากๆ แต่เปลือกนอกจะกรอบ
ตัวแรกเป็น White Chocolate Avocado Loaf ซึ่งเราคิดว่าไวท์ช็อกโกแลตเข้ากับอะโวคาโดมากๆ เราก็เลยเอามาทำเป็นเค้ก ส่วน Lemoncado Loaf คือเราเอาเลม่อนไปอบกับเนื้ออะโวคาโดเป็นแป้งเค้ก เพื่อตัดรส มันก็จะเป็นเค้กออกเปรี้ยวๆ หอมๆ เลม่อนนิดนึง”
ตบท้ายด้วย “Avocado Honey Lemon Cake” (155 บาท) เมนูที่ทางร้านนำเนื้ออะโวคาโดสอดไส้ให้เราได้กินอะโวคาโดแบบเต็มคำ ขณะที่ครีมก็เป็นอะโวคาโดครีม เพิ่มความหวานด้วยน้ำผึ้ง เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนชอบอะโวคาโดไม่ควรพลาด
“ทุกอย่างในร้านนี้ พลอยรู้สึกว่า คุณจะพูดไม่ได้เลยว่าอะโวคาโดมันเลี่ยน เพราะเราทำทุกอย่างให้มันไม่เลี่ยนแล้ว และมันก็เข้ากับไลฟ์สไตล์คนกรุงเทพมาก”
Oh! Vacoda Café
• Address: ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4
• Map: https://goo.gl/maps/jfKSP5K7W682
• Time: เวลา 10.00 – 22.00 น. เปิดทุกวัน
• FB: www.facebook.com/ohvacodabkk/
Story: Taliw
Photo: Wara Suttiwan