เดินทอดน่องสบายๆ กินของอร่อยหายาก และไปนั่งห้อยขา @เกาะเกร็ด ในงบฯ ไม่เกิน 400 บาท

…ทำไมต้องเที่ยวเกาะเกร็ด? ถ้าคำถามนี้ถูกเอ่ยถามก่อนที่เราจะไปเยือนเกาะเกร็ด เราคงตอบไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าเกาะเกร็ดมีดีอะไร แต่เมื่อคำถามนี้ถูกเอ่ยถามหลังจากไปเที่ยวมาแล้ว เรามีหลายคำตอบมาบอกเล่าให้คุณได้อ่านมากมาย

เมื่อเกิดอาการเบื่อกรุงเทพฯ แล้วอยากหนีไปเดินทอดน่องสบายๆ ตามต่างจังหวัด แต่หากต้องเดินทางไปเที่ยวไกลๆ ทั้ง “เวลา” และ “เงิน” ในกระเป๋าก็ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร เราจึงมองหาสถานที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่ยังคงความสงบและความเรียบง่ายของชีวิตเอาไว้ แน่นอนว่าต้องเป็นสถานที่ที่มีของกินอร่อยๆ ด้วย

หลังจากหาข้อมูลและพูดคุยกับทีม เราก็สรุปได้ว่าสกู๊ป Travel On Budget ประจำเดือนนี้จะไปเยือน “เกาะเกร็ด” กัน! โดยยังคงคอนเซ็ปต์สุดคลูที่ว่า ‘Travel On Budget เงินไม่มาก แต่เที่ยวได้ทั้งวัน’ เราจึงเตรียมเวลา 1 วันกับเงินในกระเป๋า 400 บาทไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศกันที่นนทบุรี

อิ่มพุงกางกับของขึ้นชื่อและขนมไทยหากินยาก

เริ่มแรกที่ไปเยือนนั้นเราก็ไม่รู้หรอกว่าเกาะเกร็ดมีอะไรอร่อย จนกระทั่งได้ไปเยือนและชิม เราจึงรู้ว่าเกาะเกร็ดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีของกินอร่อยๆ มากมายและหลายเมนูยังเป็นของอร่อยหากินยาก โดยเฉพาะเมนูประเภทขนมไทยโบราณ โดยเราขอเริ่มความอร่อยกันที่…

• ชิมของขึ้นชื่อ “ดอกไม้ทอด” ชุดละ 50 บาท : เคยกินแต่ผักทอด แต่เมื่อไปเยือนเกาะเกร็ดทั้งทีจะลืมเมนูดอกไม้ทอดได้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อมีหลายเสียงที่พูดกรอกหูว่าอย่าลืมกินดอกไม้ทอด เราจึงจัดเมนูนี้เป็นเมนูแรกที่ต้องลิ้มลอง ซึ่งทันทีที่เราเดินลงจากท่าเรือก็จะพบดอกไม้ทอดวางกองโตให้เราได้เลือกชิม ทั้งดอกกุหลาบทอด ดอกเข็มทอด ดอกอัญชันทอด ฯลฯ นอกจากดอกไม้ทอดแล้ว ยังมีผักและเห็ดทอดเป็นอีกตัวเลือกสำหรับใครไม่ชื่นชอบรสชาติของดอกไม้ทอด

• ของอร่อยกับผักพื้นบ้านเกาะเกร็ด “ทอดมันหน่อกะลา” ชุดละ 40 บาท : หน่อกะลา เป็นผักพื้นบ้านและอีกหนึ่งของขึ้นชื่อของเกาะเกร็ด ดังนั้นเมื่อมาเยือนที่นี่ทั้งทีเราก็ไม่พลาดที่จะชิมทอดมันหน่อกะลา ซึ่งใช้วัตถุดิบพื้นเมืองเป็นหัวใจหลักในการปรุงความอร่อย โดยเมนูนี้จะมีขายตามรายทางรอบเกาะ นอกจากหน่อลาที่มาในรูปแบบทอดมันให้เราชิมแล้ว ที่นี่ยังขายหน่อกะลาทั้งแบบเป็นต้นนำกลับไปปลูกและหน่อกะลาแบบสดๆ ให้เราได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปให้คุณแม่ปรุงเป็นเมนูอื่นๆ อีกด้วย

• ชิมอาหารคาวรสหวาน ณ ข้าวแช่คุณแดง ชุดละ 60 บาท : เมื่อเดินตามทางมาเรื่อยๆ ก็จะพบร้านข้าวแช่คุณแดง โดยร้านนี้รีโนเวทมาจากบ้านไม้ซึ่งติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาจึงทำให้มีลมพัดเย็นสบาย เป็นร้านที่มีบรรยากาศชิลๆ จนอยากนั่งนานๆ โดยเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ ‘ข้าวแช่’ ซึ่งเมนูนี้ป้าแดง เจ้าของร้านบอกว่าเป็นเมนูที่ค่อนข้างทำยาก เราจึงไม่ค่อยได้เห็นกันนัก แต่สำหรับที่เกาะเกร็ดจะมีเมนูนี้ให้เลือกชิมหลายร้าน

ร้านข้าวแช่คุณแดงร้านนี้ ป้าแดงเล่าให้ฟังว่าเปิดร้านมาตั้งแต่ปี 42 ส่วนเหตุผลที่เลือกเสิร์ฟเมนูข้าวแช่เป็นเมนูหลักนั้น เริ่มจากป้าแดงเป็นชาวมอญแท้ๆ และข้าวแช่ก็เป็นอาหารมอญ ป้าแดงจึงอยากสืบทอดความอร่อยให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักข้าวแช่สูตรดั้งเดิมนั่นเอง สำหรับร้านนี้จะเปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น โดยเปิดตั้งแต่ 9.30 – 17.00 น.

• ละเมียดละไมกับขนมโบราณ “ขนมไข่ปลา” กล่องละ 20 บาท : หลังจากอิ่มบรรยากาศและอิ่มท้องกับข้าวแช่กันไปแล้ว ระหว่างทางเราก็พบกับ ‘ขนมไข่ปลา’ สีเหลืองนวลที่ทำมาจากลูกตาลและ ‘ขนมพุงปลา’ สีขาวที่ทำมาจากเผือก ซึ่งเมนูนี้เป็นขนมโบราณที่หากินยากอีกเมนูที่ไม่ควรพลาด ส่วนความอร่อยนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเราขอชูนิ้วโป้งสองนิ้วให้เลย โดยเฉพาะความหอมของลูกตาล ความกรุบมันของมะพร้าว และความหวานกำลังดี โดยเจ้าของร้านกระซิบบอกเคล็ดลับความอร่อยของเมนูอยู่ที่ “ลูกตาลและมะพร้าวหอมๆ”

ดังนั้นการทำขนมไข่ปลาให้อร่อยจึงต้องพิถีพิถันเรื่องวัตถุดิบเป็นอย่างมาก แม้เมนูนี้จะมีวิธีการทำไม่ยุ่งยาก แต่การเลือกวัตถุดิบที่ต้องพิถีพิถันทำให้เมนูนี้หากินยาก อย่างมะพร้าวที่ใช้ต้องมะพร้าวทึนทึก ซึ่งจะทำให้ขนมไข่ปลามีความกรุบกรอบและรสหวานมัน สำหรับขนมไข่ปลามีเจ้านี้เจ้าเดียวในเกาะเกร็ด โดยเป็นกิจการตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ขนมไข่ปลาและขนมพุงปลาของที่นี่จึงเป็นสูตรดั้งเดิมแต่โบราณ ใครที่ไปเกาะเกร็ดและพลาดไม่ได้ลิ้มรสขนมนี้ ขอบอกเลยว่าคุณพลาดแล้ว!

• มื้อหนักรสแซ่บ ณ ก๋วยเตี๋ยวอิงน้ำ ชามละ 50 บาท : หลังจากแวะชิมความอร่อยเล็กๆ น้อยๆ ตามรายทางแล้ว ก็ถึงเวลามื้อหนักกันบ้าง โดยเราเลือกกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำกันที่ร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวอิงน้ำ’ ในบรรยากาศชิลๆ ริมแม่น้ำ โดยความเด็ดของร้านนี้นอกจากบรรยากาศสบายๆ แล้ว ก๋วยเตี๋ยวต้มยำยังรสแซ่บกลมกล่อมที่มาพร้อมความพิถีพิถันในการจัดจานให้น่าทานในสไตล์ไทยๆ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเมนู ‘ข้าวผัดปลาร้า’ ที่เสิร์ฟพร้อมไข่เจียวหันฝอยและปลาดุกฟูมาให้เราได้ลิ้มลองอีกด้วย

• แวะชิมขนมไทยที่ไม่รู้จัก ณ แม่ทองเติม ประมาณ 60 บาท (เริ่มต้นชิ้นละ 5 บาท) : ระหว่างทางหลังออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวอิงน้ำ เราก็พบร้านแม่ทองเติมที่มีนักท่องเที่ยวมุงกันมากมาย จนเราอดไม่ได้ที่จะเข้าไปมุงด้วยอีกคน เพื่อหาคำตอบว่าพวกเขามุงอะไรกัน

‘ขนมไทย’ หลากเมนูชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่วางเรียงอย่างสวยงามชวนน้ำลายไหลคือคำตอบที่ทำให้นักท่องเที่ยวมุงซื้อ โดยมีตั้งแต่ขนมไทยที่เราคุ้นเคยไปจนถึงขนมไทยหากินยาก ทั้งทองเอก จ่ามงกุฎ ขนมกระเช้าสีดา ตะโก้ ขนมพระพาย และ ขนมประจำรัชกาลที่ 9 ขนมมงกุฎเพชร ฯลฯ โดยขนมไทยของแม่ทองเติมเป็นขนมไทยสูตรดั้งเดิมที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเช่นเดียวกัน ส่วนราคานั้นก็ถูกแสนถูก เริ่มต้นที่ราคาชิ้นละ 5 บาท แน่นอนว่าเราไม่พลาดที่จะซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน

• ความอร่อยรายทางแบบอิ่มจนจุก : นอกจากบรรดาของกินคาวหวานที่เรานำเสนอไปแล้ว ที่เกาะเกร็ดยังมีของอร่อยอีกมากมายให้ลิ้มลองตามรายทาง โดยแต่ละเมนูที่ชาวเกาะเกร็ดนำมาเสิร์ฟล้วนเป็นเมนูน่ากินที่เราไม่ค่อยได้เห็นในกรุงเทพฯ ทั้ง “ขนมช่อม่วง” ที่ส่งกลิ่นหอมของใบเตยและกลิ่นหวานๆ ของแป้งมากระตุ้นความหิว “ขนมจีบไทยรูปเป็ด” หน้าตาน่ารักจนอดใจไม่ไหวจนต้องซื้อมาลิ้มลอง ข้างๆ ขนมจีบไทยคือ “ถุงทอง” ชิ้นโตทอดกรอบสีเหลืองทองน่ากิน นอกจากนี้ยังมี “ขนมกล้วยโบราณ” ขนมโบราณที่ห่อด้วยใบตองในรูปทรงกรวย เป็นต้น

ปักหมุดแลนด์มาร์ค สนุกกับสีสันละลานตาของกิจกรรมที่ชาวเกาะเกร็ดจัดมาให้

นอกจากของกินมากมายชวนอิ่มแล้ว ของดีอีกอย่างของเกาะเกร็ดคือกิจกรรมสนุกๆ ที่ชาวเกาะเกร็ดขนมาให้เราได้ไปรู้จัก พร้อมทั้งยังมีคาเฟ่น่านั่งบรรยากาศดีท่ามกลางธรรมชาติให้เราได้ไปปักหมุดกันอีกด้วย

• งานฝีมือ “น้ำตาลปั้น” ของพี่ชาติ : กล่องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยน้ำตาลเหนียวๆ หลากสีที่นำมาปั้นเป็นสารพัดรูป คือที่มาของน้ำตาลปั้นรสหวาน ซึ่งน้ำตาลปั้นนี้เรามักจะเห็นกันตามงานวัดและในปัจจุบันก็ไม่ค่อยเห็นกันแล้ว จึงไม่แปลกเมื่อเราได้มาเห็นน้ำตาลปั้นอีกครั้งจะเกิดอาการตื่นเต้นและอดไม่ได้ที่จะนำมาฝากคุณผู้อ่าน สำหรับน้ำตาลปั้นของพี่ชาตินี้ เขาทำมายาวนานถึง 19 ปีแล้ว ด้วยความชอบในงานศิลปะผนวกกับเป็นคนเกาะเกร็ดแต่กำเนิด ทำให้พี่ชาติยึดอาชีพนักปั้นน้ำตาลเป็นอาชีพเสริม เพื่อสร้างสีสันให้แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้

• คุยสนุกกับ “ลุงปุ้น แฟนฉัน ขนมโบราณ” : หลายคนคงจับสังเกตได้แล้วว่าที่เกาะเกร็ดแห่งนี้เต็มไปด้วยของโบราณดั้งเดิมมากมาย ดังนั้นเมื่อเราไปเจอขนมโบราณที่ฮอตฮิตสมัยยังเด็กก็ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะเข้าไปพูดคุยกับลุงปุ้น เจ้าของร้าน และด้วยความอารมณ์ดีของลุงปุ้นทำให้ทราบว่าร้านนี้เป็นร้านขายขนมโบราณเจ้าแรกในเกาะเกร็ด โดยมีตั้งแต่ขนมบุหรี่ ลูกอม Magic Pop ขนมตุ๊บตั๊บ ฯลฯ โดยร้านลุงปุ้น แฟนฉัน ขนมโบราณ ร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้กับเจดีย์เอียง ตรงปากซอยทางเข้าสู่ชุมชนเกาะเกร็ด

• ตื่นเต้นไปหุ่นเชิด “ไดโนเสาร์” ของพี่นกเล็ก : เมื่อเดินเข้าสู่ชุมชนเกาะเกร็ดจะพบกับพี่นกเล็กนั่งเชิดหุ่นไดโนเสาร์ พร้อมพากย์เสียงอย่างสมจริงรอต้อนรับเราอยู่ ซึ่งหลังจากพูดคุยทำให้ทราบว่าพี่นกเล็กนั่งเชิดหุ่นไดโนเสาร์มากว่า 16 ปีแล้ว โดยเริ่มแรกนั้นพี่นกเล็กเพียงเก็บเศษไม้ที่ลอยมาตามน้ำมารีไซเคิลเป็นของเล่นเล็กๆ น้อยๆ มาวางขาย จนกระทั่งไปเห็นภาพยนตร์ที่ทำไดโนเสาร์เดินได้ พี่นกเล็กจึงหันไปทำไนโดเสาร์ตัวใหญ่พร้อมกับการเรียนรู้การพากย์เสียง จนในปัจจุบันพี่นกเล็กนอกจากจะนั่งเชิดไดโนเสาร์เพื่อเพิ่มสีสันให้เกาะเกร็ดแล้ว เขายังเคยพากย์เสียงให้ภาพยนตร์เรื่องดังอย่างทรานส์ฟอร์เมอร์ส (Transformers) อีกด้วย

นอกจากนี้ระหว่างทางยังมีการสาธิตการทำขนมฝอยทองกันให้เห็นแบบชัดๆ ในกระทะทองเหลืองร้อนๆ โดยมีแม่ค้าใจดีที่ให้เราสามารถลองทำได้อีกด้วย

• ฟังเพลงในบรรยากาศคันทรี่พร้อมชิมขนมถ้วยแสนอร่อยที่ร้าน “ขมมถ้วยคันทรี่” : ร้านขนมถ้วยคันทรี่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ต้องปักหมุดเมื่อไปเยือนเกาะเกร็ด ความโดดเด่นของร้านนี้อยู่ที่บรรยากาศสไตล์คันทรี่ที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ ทั้งบรรยากาศสลัวๆ ภายในร้านและเคาน์เตอร์ไม้ด้านหน้า ผนวกกับการบรรเลงกีต้าคลาสสิกให้ฟังกันสด ยิ่งช่วยเสริมให้ร้านนี้ชิลยิ่งขึ้น ส่วนเมนูแนะนำคือ ‘ขนมถ้วย’ อร่อยๆ ทานคู่กับกาแฟ เพียงเท่านั้นเราก็สามารถนั่งชิลได้ทั้งวัน

• ปักหมุดแลนด์มาร์คสำคัญ “เจดีย์เอียง” : มาถึงเกาะเกร็ดทั้งทีก็ไม่ควรพลาดที่จะไปถ่ายรูปแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่อย่างเจดีย์เอียง หรือเจดีย์มุเตา วัดปรมัยยิกาวาส สำหรับเจดีย์มุเตาเป็นเจดีย์ทรงมอญที่มีอยู่อายุกว่า 300 ปี เดิมเจดีย์นี้จะมีเพียงในเมืองหงสาวดี แต่เมื่อชาวมอญอพยพมาอยู่ที่นี่จึงได้สร้างเจดีย์นี้ขึ้น ส่วนความเอียงที่เห็นนั้นเกิดจากน้ำเซาะตลิ่งจนพัง เป็นผลห้เจดีย์ที่ตั้งตรงเกิดเอียงนั่นเอง

• นั่งห้อยขาให้ธรรมชาติบำบัดกันที่ “ร้านกาแฟบ้านเลขที่ 1” : ปิดท้ายกันที่ร้านกาแฟบ้านเลขที่ 1 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งร้านที่เราขอแนะนำว่าต้องไปให้ได้ โดยเฉพาะใครที่อยากนั่งสงบๆ ให้ธรรมชาติบำบัด โดยไฮไลท์เด็ดของร้านกาแฟบ้านเลขที่ 1 คือการได้ไปนั่งห้อยขาให้เท้าสัมผัสกับน้ำท่ามกลางต้นไม้แขวน โดยมีปลาในลำธารและธรรมชาติเป็นทิวทัศน์อยู่เบื้องหน้า ที่ร้านนี้นอกจากเครื่องดื่มที่เราคุ้นเคยแล้ว ยังมีอาหารจานหลักอย่างสลัด สเต็ก ฯลฯ ให้เราได้กินอิ่มท้องเสิร์ฟอีกด้วย ดังนั้นร้านกาแฟบ้านเลขที่ 1 จึงเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารอีกร้านที่ให้เราได้ฝากท้องยามเที่ยงวันและยามเย็นนั่นเอง

สำหรับการเที่ยวเกาะเกร็ดนั้น ใครที่ขับรถไปสามารถจอดรถได้ที่วัดสนามเหนือ แล้วนั่งเรือข้ามฟาก คนละ 2 บาท ส่วนการเดินทอดน่องรอบเกาะให้ยึด “วัดเจดีย์เอียง” เป็นจุดเริ่มต้น เพียงเท่านี้เราก็สามารถชิมของอร่อย ชมวิถีเรียบง่าย และเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ได้แล้ว โดยไม่ต้องกลัวว่าจะหลงหรือพลาดของดีอย่างแน่นอน

Story : Taliw
Photo : Wara Suttiwan
VDO : Sroisuwan.T
Graphic : SaveSep
Creative : Porko
© COPYRIGHT 2024 AMARIN PRINTING AND PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED.