กลับมาอีกครั้งกับสกู๊ปการเดินทางที่ชวนคุณผู้อ่านไปเที่ยวตามแบบฉบับ ‘Travel on Budget เงินไม่มาก แต่เที่ยวได้ทั้งวัน’ การเดินทางที่ตีกรอบเงินในกระเป๋า โดยในครั้งนี้เราจะพาคุณผู้อ่านเดินทางไปปั่นจักรยาน พร้อมชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ และสูดโอโซนจากธรรมชาติสองข้างทางในสถานที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ณ “คุ้งบางกระเจ้า”
โดยความพิเศษของทริปนี้ไม่เพียงแต่ตีกรอบเงินในกระเป๋าคนละไม่เกิน 500 บาทแล้ว เรายังเพิ่มความสนุกในการเดินทางครั้งนี้ด้วยคอนเซ็ปต์จากความไม่แน่นอนของฟ้าฝน ซึ่งเราขอตั้งชื่อคอนเซ็ปต์ให้ทริปนี้ว่า ‘เมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ ความสนุกของการเดินทางจึงเกิดขึ้น’ จนกลายเป็นทริปสนุกๆ ให้เราได้เก็บภาพสวยไปอวดเพื่อนๆ ในชื่อเรื่องว่า “ปั่นจักรยานท่ามกลางฝนพรำที่บางกระเจ้า” และแน่นอนเมื่อไปเยือนบางกระเจ้าก็ต้องปั่น ‘จักรยาน’ ซึ่งเป็นพาหนะยอดนิยมที่ใช้การในเที่ยวครั้งนี้ …จะเปียกปอนและสนุกแค่ไหน ตามไปดูกัน!
– 01 –
ชมอุโบสถเก่าแก่ สักการะหลวงพ่อใหญ่ก่อนออกเดินทาง @วัดบางน้ำผึ้งนอก
จุดสตาร์ทการเดินทางครั้งนี้ เราเริ่มกันที่ “วัดบางน้ำผึ้งนอก” โดยเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกสตาร์ทการเดินทางกันที่นี่ เพราะภายในวัดมีพื้นที่ให้เราได้จอดรถและยังมีจุดให้เช่าจักรยาน วัดบางน้ำผึ้งนอกจึงถือว่าเป็นจุดสตาร์ทที่สะดวกสบายสำหรับคนกรุงที่เดินทางไปเที่ยวบางกระเจ้า
สำหรับจักรยานที่เราใช้เดินทางในวันนี้เป็นจักรยานจาก ‘ลุงจวบ’ จุดเช่าจักรยานที่ตั้งอยู่ในวัดบางน้ำผึ้งนอก และแม้ว่าลุงจะมีจักยานเพียงไม่กี่คันให้เลือก แต่จักรยานของลุงก็มีสภาพดีในราคาที่ไม่แพง เพียงคันละ 50 บาทตลอดวัน นอกจากนี้คุณลุงยังใจดีให้หยิบยืมแผนที่ปั่นจักรยาน พร้อมอธิบายเส้นทางให้เราเข้าใจอีกด้วย
หลังจากที่เราได้จักรยานคู่ใจเราก็เริ่มออกเดินทาง ซึ่งสถานที่แรกที่เราไปเยือนก็คือ “อุโบสถเก่าแก่ ณ วัดบางน้ำผึ้งนอก” เพื่อสักการะหลวงพ่อใหญ่ โดยอุโบสถเก่าแก่นี้เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่เจือกลิ่นอายสถาปัตยกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเอาไว้ คาดว่ามีอายุกว่า 300 ปี ภายในอุโบสถและรอบๆ จึงมีบรรยากาศเคร่งขรึมที่แฝงเสน่ห์ลึกลับ และจากการดูแลรักษาอย่างดีทำให้ภายในอุโบสถยังคงภาพวาดฝาผนังให้เราได้ชื่นชม แต่ในวันที่เราไปเยือนนั้นอุโบสถเก่าแก่แห่งนี้กำลังอยู่ในช่วงบูรณะ ทำให้เราเก็บภาพมาฝากคุณผู้อ่านได้เพียงบางมุมเท่านั้น
– 02 –
เติมพลังด้วยเครื่องดื่มแก้วโปรดก่อนตะลุยบางกระเจ้า @ Beehive Coffee House
หลังจากที่เราสักการะหลวงพ่อใหญ่แล้ว เราก็เริ่มปั่นจักรยานออกจากวัดบางกอกน้อย โดยจุดมุ่งหมายต่อไปของเราคือการเติมพลังด้วยเครื่องดื่มแก้วโปรด หลังจากปั่นจักรยานออกจากวัดบางน้ำผึ้งนอกก็ให้เลี้ยวซ้าย มุ่งไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ปั่นไปตามถนนเส้นหลักจะพบกับร้าน Beehive Coffee House คาเฟ่สีฟ้าที่ซ่อนตัวท่ามกลางสวนในบรรยากาศร่มรื่นและสงบ
ระหว่างทางไปร้านคาเฟ่ เราจะผ่านตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ซึ่งในวันที่เราไปเยือนนั้นตลาดน้ำบางน้ำผึ้งปิด เราจึงพลาดโอกาสที่จะไปเยี่ยมชมและหาขนมของกินมาเติมพลังงาน โดยตลาดน้ำบางน้ำผึ้งมีความพิเศษอยู่ที่เสน่ห์วิถีชีวิตชาวบ้านริมคลอง ซึ่งตลาดน้ำแห่งนี้จะเปิดให้เราได้เที่ยมชมเดินชิมของอร่อยกันทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น หากคุณผู้อ่านตัดสินใจไปปั่นจักรยานเที่ยวบางกระเจ้าในวันหยุดก็อย่าลืมแวะสัมผัสเสน่ห์วิถีชีวิตชาวบ้านริมคลองกันด้วย
และความสนุกแรกของการเดินทางก็เริ่มขึ้น เมื่อเราหลงทาง! แต่การหลงทางครั้งนี้กลับไม่ใช่เรื่องชวนผิดหวัง เพราะทำให้เราได้ภาพสวยๆ มาฝากคุณผู้อ่านกัน อีกเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกไปเยือนบางกระเจ้าในครั้งนี้คือธรรมชาติสองข้างทางที่ให้เราได้ไปสูดออกซิเจน นอกจากนี้บางกระเจ้ายังคงความเป็นชุมชนเอาไว้อยู่มาก ทำให้ระหว่างปั่นเราได้ชมวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของคนที่นี่อีกด้วย
– 03 –
สูดออกซิเจน พร้อมถ่ายรูปกลางสายฝน @ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์
หลังจากที่แวะเติมพลังกันแล้ว เราวางแผนไปเยือนสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ กันก่อน เพราะเป็นช่วงเวลาสายของวันที่แดดไม่แรงมากนัก การไปเยือนสวนสาธารณะแห่งนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดี แม้ต้องปั่นจักรยานในเส้นทางที่อ้อมไปไกลสักหน่อย สำหรับการไปเยือนสวนศรีนครเขื่อนขันธ์นั้น จากคาเฟ่ Beehive Coffee House ให้เราปั่นจักยานไปยังซอยเพชรหึงษ์ 33
ระหว่างทางก็เกิดเรื่องไม่คาดขึ้น เมื่อฟ้าฝนเริ่มลงเม็ดให้เราได้ชุ่มฉ่ำไปทั้งตัว เปลี่ยนอากาศที่ร้อนอบอ้าวให้เย็นสบาย และชวนให้เราปั่นจักรยานสบายๆ แบบไม่กลัวเปียก แต่หลังจากฝนหยุด แน่นอนว่าต้นไม้สองข้างทางและในสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ก็พลอยเขียวชะอุ่มไปด้วย
สำหรับสวนศรีนครเขื่อนขันธ์มีพื้นที่กว่า 200 ไร่ และจากภูมิศาสตร์ที่โอบล้อมด้วยแม่น้ำที่มีสีเขียวมรกต ทำให้สวนศรีนครเขื่อนขันธ์มีต้นไม้หลากชนิดมากมายทั้งพันธุ์ไม้น้ำและพันธุ์ไม้ท้องถิ่น ผนวกกับเดิมที่แห่งนี้เป็นสวนผลไม้เก่า ทำให้สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติแห่งนี้กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมจากฝีมือมนุษย์ นอกจากนี้รัฐบาลยังกำหนดให้สวนศรีนครเขื่อนขันธ์เป็นพื้นที่สีเขียวหรือ “ปอดของกรุงเทพฯ” อีกด้วย
– 04 –
ศึกษาธรรมชาติระหว่างทาง @ แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติในพื้นที่ราชพัสดุคุ้งบางกระเจ้า
หลังจากที่ใช้เวลาสูดออกซิเจนที่สวนศรีนครเขื่อนขันธ์กว่า 2 ชั่วโมงแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางอีกครั้ง โดยเรามุ่งหน้าไปเที่ยวชมธรรมชาติกันที่แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติในพื้นที่ราชพัสดุคุ้งบางกระเจ้า โดยปั่นจักรานผ่านพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย มุ่งสู่ซอยเพชรหึงษ์ 57 ผ่านซอยเพชรหึงศ์ 52 เข้าสู่ซอยเพชรหึงษ์ 28
สำหรับแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติในพื้นที่ราชพัสดุคุ้งบางกระเจ้านี้ เป็นสถานที่ระหว่างทางที่เราไปพบเข้าโดยบังเอิญ โดยจุดสังเกตทางเข้าคือ ศาลาไม้สีเข้มทรงแปดเหลี่ยม แม้แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติแห่งนี้จะแฝงเสน่ห์ของป่าธรรมชาติเอาไว้ แต่ด้วยระยะเวลา ผนวกกับขาดการดูแลทำให้ทางเดินที่สร้างจากไม้ชำรุดเป็นส่วนใหญ่ จนไม่สามารถเดินเข้าชมได้ เราจึงได้เพียงแต่ถ่ายภาพบางส่วนมาฝากคุณผู้อ่านเท่านั้น
ใครที่ไปเที่ยวบางกระเจ้าช่วงวันหยุด หลังจากที่ออกจากสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ เราขอแนะนำให้คุณแวะไปเยือน “พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย” กันก่อน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ และถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ แต่ที่นี้จัดสร้างเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ภายในจึงกว้างขวางและร่มรื่นด้วยต้นไม้
– 05 –
พักขา เติมพลังกันที่ @ Bangkok Tree House
หลังจากที่แวะถ่ายรูปกันที่แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติในพื้นที่ราชพัสดุคุ้งบางกระเจ้าแล้ว เราก็ปั่นจักรยานไปเติมพลังกับมื้อเที่ยงกันที่ Bangkok Tree House โดยปั่นจากซอยเพชรหึงษ์ 28 ไปตามเส้นทางทาง ซึ่ง Bangkok Tree House แห่งนี้ตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา เป็น Green Hotel ท่ามกลางธรรมชาติและมีร้านอาหารให้บริการ โดยเราสามารถปั่นจักรยานเข้าไปถ่ายรูปและนั่งทานอาหารได้
ตลอดทางที่มุ่งสู่ Bangkok Tree House บนถนนปูนสายเล็กสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ ถือได้ว่าเป็นอีกสถานที่ในบางกระเจ้าที่เราต้องปักหมุดไว้ และเมื่อออกจาก Bangkok Tree House หากเลี้ยวไปทางขวาจะไปเยือน “บ้านธูปหอม” หรือบ้านธูปสมุนไพร แหล่งเรียนรู้การผลิตธูปหอมสมุนไพรแบบต่างๆ ของท้องถิ่น แต่หากเลี้ยวไปทางซ้ายจะเป็น “ถนนสีเขียว” ให้เราได้กินบรรยากาศชมวิวสองข้างทาง เพราะตลอดสองข้างทางบนถนนสายเล็กๆ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ โดยฝั่งหนึ่งของถนนจะเห็นแม่เจ้าพระยานั่นเอง
– 06 –
หลงเสน่ห์ของวิหารเก่า @ วัดบางกระสอบ
ใครที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมเก่าแก่ต้องไปพลาดที่จะไปเยือน “วัดบางกระสอบ” หลังจากปั่นจักรยานจากถนนสีเขียว ให้มุ่งหน้าสู่ถนนเพชรหึงษ์ โดยปั่นไปตามถนนเส้นหลักจนถึงซอยเพชรหึงษ์ 18 ซึ่งเป็นทางเข้าสู่วัดบางกระสอบ เมื่อปั่นไปตามทางจักรยานจนสุดสายก็จะพบกับวัดบางกระสอบเพื่อชมวิหารเก่าแก่ สำหรับวัดบางกระสอบมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 และจากความเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 200 ปี ทำให้วิหารแห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์จากสถาปัตยกรรมโบราณ โดยเฉพาะเสน่ห์จากอิฐ ซึ่งทำให้ที่แห่งนี้มีมนตร์ขลังและลึกลับ ไม่แพ้อุโบสถเก่าของวัดบางน้ำผึ้งนอก
สำหรับวัดบางกระสอบนั้นอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ยอดนิยมอื่นๆ ของบางกระเจ้า โดยเราต้องปั่นจักรยานบนถนนเส้นหลักซึ่งเต็มไปด้วยรถยนต์ การเดินทางไปเยือนวัดบางกระสอบด้วยการปั่นจักรยานจึงค่อนข้างไม่ปลอดภัย ดังนั้นอีกทางเลือกหนึ่งของการไปเยือนวัดบางกระสอบคือ หลังจากปั่นออกจากถนนสีเขียวก็นำจักรยานไปคืน แล้วขับรถยนต์ไปเยือนวัดบางกระสอบแทน เพราะเส้นทางกลับกรุงเทพฯ เราต้องผ่านถนนเพชรหึงษ์และผ่านวัดบางกระสอบอยู่แล้ว จึงไม่เป็นการเสียเวลามากนัก
– 07 –
พักเหนื่อย ทานขนมยามบ่ายแบบ Afternoon Tea @ ปั่นกินแฟ Bike & Café
จากที่เราตัดสินใจเดินทางไปวัดบางกระสอบด้วยสองล้อของจักรยาน ขากลับเราจึงแวะจิบกาแฟทานขนมเพิ่มพลังกัน โดยร้านที่เราตั้งมั่นต้องเข้าไปเยือนสักครั้งคือร้านปั่นกินแฟ Bike & Café ซึ่งอยู่ติดกับถนนเพชรหึงษ์จึงสะดวกในการแวะพักนั่นเอง แม้ตัวร้านจะตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ก็กว้างขวางและเปิดโล่ง ส่วนเมนูเครื่องดื่มและขนมนั้นก็มีหลากหลายให้เราได้เลือกทานกัน นอกจากร้านปั่นกินแฟ Bike & Café จะเป็นคาเฟ่ให้พักเหนื่อยแล้ว ร้านนี้ยังมีจักรยานให้เช่าอีกด้วย
– 08 –
The End @ สวนสุขภาพลัดโพธิ์
เราขอจิบทริปนี้กันที่สวนสุขภาพลัดโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ทางผ่านก่อนกลับกรุงเทพฯ เราจึงตัดสินใจนำจักรยานไปคืนก่อนจะมาที่นี่และเลือกที่จะชมวิวกินบรรยากาศกันรอบนอกสวน โดยไฮไลท์ของสวนสุขภาพแห่งนี้อยู่ที่สถาปัตยกรรมจาก ‘สะพานพระราม 9 และสะพานภูมิพล (หรือสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม)’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายภาพที่ไม่ควรพลาด ถัดไปอีกนิดจะเป็นพื้นที่ริมน้ำใต้สะพานให้เราได้ไปนั่งชิลรับลมและเก็บภาพยามเย็นริมน้ำเจ้าพระยา โดยมีสะพานที่ได้ชื่อว่ายาวที่สุดของไทยเป็นนายแบบในวันนี้นั่นเอง
…และด้วยความตั้งใจที่จะให้ทริป ‘ปั่นจักรยานท่ามกลางฝนพรำที่บางกระเจ้า’ เป็น One Day Trip เราจึงเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้า โดยเดินทางไปถึงบางกระเจ้าในเวลา 9.00 น. และจบทริปนี้ในเวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาและการเที่ยวที่ดี แม้ในช่วงเช้าและเย็นอาจจะต้องผจญกับสภาวะรถติดอยู่บ้างก็ตาม แต่ความอิ่มเอิมใจที่ได้ปั่นจักรยานชมธรรมชาติสองข้างทางและวิถีชุมชนของคุ้งบางกระเจ้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของฟ้าฝนก็เป็นความสนุกอย่างหนึ่งที่เราอยากแนะนำให้คุณผู้อ่านไปสนุกด้วยสักครั้ง!