เมตาบอลิซึมคืออะไร ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายใน 2 นาที คือ กระบวนการสร้างและสลาย อัตราที่แคลอรี่ถูกใช้ไปเพื่อรักษาการทำงานของร่างกายและชีวิตในวงกว้าง กระบวนการเมตาบอลิซึมจะเปลี่ยนอาหารและเครื่องดื่มที่รับเข้าไปให้กลายเป็นพลังงาน เพื่อนำไปใช้ทำสิ่งต่าง ๆ เช่น หายใจ ไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงอวัยวะ ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย ช่วยไม่ให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง ย่อยอาหาร ขับของเสียออกมาในรูปปัสสาวะหรืออุจจาระ รวมทั้งทำให้สมองและเส้นประสาททำงานได้ดี
แต่เมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการเผาผลาญของเราจะเปลี่ยนแปลงไป นอกจากการออกกำลังกายแล้วเรายังมีอีก 5 วิธีที่ช่วยให้ร่างกายคุณเผาผลาญได้เร็วขึ้นมาฝาก
สังเกตุไหมว่า คนที่ทานอาหารเช้าจะลดน้ำหนักได้ดีขึ้น เพราะทานอาหารในตอนเช้า เป็นตัวส่งสัญญาณไปยังสมองว่าจะมีพลังงานคงที่และร่างกายของคุณมีแนวโน้มที่จะต้องการแคลอรี่น้อยลงเพื่อรักษาพลังงานเอาไว้ เมื่อร่างกายไม่ได้รับพลังงานอย่างต่อเนื่องสมองจะถูกหลอกให้คิดว่าเราอยู่ในโหมดความอดอยาก ดังนั้นจึงร่างกายจะพยายามกักเก็บไขมันไว้เป็นพลังงานสำรองโดยใช้กล้ามเนื้อเป็นแหล่งพลังงานก่อนที่จะดึงไขมันมาใช้”
การดื่มน้ำช่วยเร่งการเผาผลาญได้เร็วขึ้น 10 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์” คนที่ดื่มน้ำในแก้วขนาด 8 ออนซ์ ประมาณ 8-12 ครั้งต่อวัน จะเพิ่มอัตราการเผาผลาญสูงขึ้นกว่าคนที่ดื่มเพียง 4 ครั้งต่อวัน รวมถึงการทานอาหารรสเผ็ดอย่างพริก, อบเชย, ขิง, พริกป่นและพริกไทยดำสามารถเพิ่มการเผาผลาญของคุณได้อีกเล็กน้อย
การทำ Cardio ไม่ใช่แค่การช่วยเผาผลาญแคลอรี่ แต่ยังเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายซึ่งเชื่อมโยงกับการเผาผลาญอาหาร การออกกำลังกายเช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือการออกกำลังกายชนิดใดๆ ที่ทำให้หัวใจเต้นประมาณ 50-75% (หรือมากกว่า) ของอัตราการเต้นสูงสุด ก็เหมารวมเป็นการคาร์ดิโอทั้งสิ้น
ถ้าเราออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นประจำเราจะได้รับผลประโยชน์หลายประการดังนี้
ยิ่งคาร์ดิโอมาก ก็ยิ่งฟิตมาก ยิ่งลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น แต่บางคนที่เล่นเวทต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ต้องการลดเปอร์เซ็นไขมันต่ำกว่า 10% ก็ควรจะจำกัดการคาร์ดิโอแค่ขั้นต่ำก็เพียงพอ ไม่เช่นนั้นการคาร์ดิโอมากไปจะทำให้ร่างกายนำกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงาน เป็นผลให้การเพิ่มกล้ามเนื้อไม่สำเร็จตามเป้าหมาย
อาหารโปรตีนสูงช่วย เพิ่มการทำงานของระบบเผาผลาญ 20 – 35 % เมื่อเปรียบเทียบกับไขมันและคาร์โบไฮเดรต ที่มีเพียงแค่ 5 – 15 % แล้วต้องกินอย่างไรถึงจะส่งผล ควรเพิ่มการรับประทานโปรตีน เป็น 1.2 – 1.6 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และคิดเป็น 20 – 30 % ของพลังงานต่อวันที่ต้องได้รับ อย่าลืมผสมผสานกันระหว่างโปรตีนที่ได้จากสัตว์และจากพืช เพื่อให้ได้กรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน และหลีกเลี่ยงไขมันที่มากเกินไปจากสัตว์ และเลือกแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพ เน้นเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน และสดใหม่ เช่น อกไก่ ไข่ ถั่ว โปรตีนเนื้อขาวจากปลา เช่น แซลมอน ทูน่า เป็นต้น หรือใช้อาหารเสริมเป็นโปรตีนเวย์ก็พึ่งพาได้
น้ำตาลไม่เพียงเปลี่ยนเป็นไขมันเมื่อไม่ได้ใช้เป็นแหล่งพลังงาน และยังเพิ่มระดับอินซูลินเพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดกลับมาเป็นปกติ ระดับอินซูลินที่สูงจะช่วยกระตุ้นการสะสมไขมันและทำให้การเผาผลาญของคุณช้าลง ความหวานคือศัตรูตัวฉกาจ ฉะนั้นถ้าเลือกทานแบบ Low Fat ได้ ก็ช่วยย่นเวลาการลดน้ำตาลได้เช่นกัน