ถ้าคุณรู้จักการเฟดผมดีแล้ว เราอยากแยกย่อยมันลงไปหน่อย เพราะไม่ใช่แค่การเฟดข้างหรือเฟดหลัง แต่มันคือ Bald fade ที่เราอยากแนะนำให้คุณรู้จัก เพราะมันคืออีกทรงที่ตัดแล้วเท่มีสไตล์ไม่แพ้กัน
แต่ถ้าจะแปลกันตรงๆ คำว่า Bald หรือหัวล้านอาจจะดูไม่อภิรมย์เท่าไรนะ ถ้าบอกช่างตัด อาจจะได้ทรงหัวล้านมาจริงๆ แต่ถ้าพูดรวมกันแบบ Bald fade อันนี้น่าจะเขาใจตรงกัน ซึ่งเป็นเทคนิคที่ยอดเยี่ยมในการตัดผม ซึ่ง Brad Pitt หรือ Jamie Foxx ก็เคยทำทรงนี้มาแล้ว
ไม่ต้องงงถ้าเราเดินไปร้านตัดผมแล้วบอกช่างถึงทรงใดทรงหนึ่งระหว่าง Skin fade และ Bald fade เพราะมันคือเทคนิคการตัดในรูปแบบเดียวกัน คือตัดไล่ระดับผมด้านข้างและด้านหลังจากมากไปน้อยจนกระทั่งเห็นหนังศีรษะ ซึ่งสามารถปรับแต่งใช้คู่ได้กับอีกหลายทรง อาทิการทำปอมปาดัวร์ควบคู่การเฟด หรือควิฟท์ แต่จะถูกแบ่งชนิดออกเป็น 4 รูปแบบคือ
ไถเกรียนแบ่งเป็นชั้นทั้งหมด 3 ชั้น โดยด้านบนให้ไว้ยาวตามปกติ ส่วนชั้นกลางนั้นเหลือความยาวออกมาเล็กน้อย ขณะที่ชั้นล่างหรือโซนที่อยู่ใกล้กับใบหู ให้ไถออกจนสั้นเกรียน
ระดับการเฟดเริ่มสูงขึ้นมาจากหูประมาณ 1 นิ้ว Mid Fade ให้ฟีลเหมือนผมทรงทหารนิด ๆ ทว่ายังมีความเป็นแฟชั่นซุกซ่อนไว้อยู่ โดยผมด้านข้างและด้านหลังจะต้องไถออกจนแทบจะเกรียนติดหนังศีรษะเลยก็ว่าได้
จะทำทรงนี้ได้ต้องมั่นใจมากๆ รวมถึงโครงศีรษะสวยด้วย เนื่องจากต้องไถผมรอบศีรษะออกเกือบหมด เหลือไว้เฉพาะตรงกลางเท่านั้น ถ้ามั่นใจอยู่แล้วว่าศีรษะตัวเองสวยได้รูป ก็จัดทรง High Fade ไปเลยครับ
ทรงนี้หลายคนรู้จักกันดี และมันถือว่าเป็นทรงที่ฮิตมาก ๆ สำหรับคนที่ชอบแนวไถข้าง ทรง Taper Fade ก็เป็นไอเดียดีสำหรับคนที่เริ่มทดลองการเฟดผม เพราะมันไม่ต้องไถเกรียน แต่ตัดจากระดับความยาวหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง (จากจุดสูงสุดของศีรษะ ไล่มาด้านข้าง และลงมายังช่วงต้นคอ) โดยจะตัดให้ผมด้านบนมีความยาวมากที่สุด และสั้นไล่ระดับลงมาเรื่อยๆ
จะเห็นได้ว่าทรงผมสไตล์เทเปอร์เฟด (Taper fade) จะมีการผสมผสานการไล่ระดับ แต่ยังตัดไม่ให้สั้นมาก ซึ่งต่างจากทรงผมเฟดโดยทั่วไป
บอกไว้ก่อนว่าที่ผมทรง fade นั้นน่าทำ เพราะมันสามารถดีไซน์ลวดลายเท่ๆ เพิ่มเติมบนศีรษธได้อีก จะเป็น Text หรือ ICON ก็แจ้งความประสงค์กับช่างได้เลยครับ