การทำความสะอาดสนีกเกอร์ดูเป็นเรื่องง่ายๆ หลายคนคิดว่าแค่ซักกับน้ำยาซักผ้าแล้วตากให้แห้งก็ใช้ได้แล้ว แต่เดี๋ยวก่อน!! ไม่ใช่สนีกเกอร์ทุกคู่ที่สามารถทำความสะอาดได้แบบที่เราเข้าใจ เพราะสนีกเกอร์หลายคู่ต้องการการทำความสะอาดแบบพิเศษ วันนี้เราจึงมีไกด์การทำความสะอาดมาฝากกัน
หลายคนมักคิดว่าสนีกเกอร์หนังต้องทำความสะอาดยาก แต่จริงๆ แล้วสนีกเกอร์หนังทำความสะอาดง่ายกว่าที่คิด เพียงแต่ต้องการความพิถีพิถันกว่าสนีกเกอร์ทั่วไปเท่านั้นเอง โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่นำมาทำความสะอาด อย่างแปรงขัด หรือผ้าที่มีเนื้อหยาบอาจทำให้สนีกเกอร์เกิดรอยได้
ส่วนวิธีการทำความสะอาดคือถอดเชือกรองเท้า และพื้นด้านในออกมาแยกทำความสะอาด ส่วน upper หรือบริเวณอื่นๆ ใช้ผ้าขนหนูเนื้อละเอียดชุบน้ำหมาดเช็ดทำความสะอาดบริเวณที่มีครบเปื้อน ส่วนพื้นรองเท้าสามารถใช้แปรงขัดได้ เพียงแต่ต้องระวังอยากให้โดนหนังโดยตรง เมื่อเสร็จแล้วผึ่งลมให้แห้ง แต่ไม่ควรนำไปตากแดด
สนีกเกอร์ผ้าถักหรือตาข่าย ส่วนใหญ่มักเป็นรองเท้าวิ่ง อย่างแบรนด์ Nike, Adidas ฯลฯ ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองเท้าเบา แต่สนีกเกอร์ประเภทนี้มักทำความสะอาดยาก เพราะผ้าที่เกิดจากการถักหรือผ้าตาข่ายมักมีร่องหลุมที่ทำให้คราบสกปรกเข้าไปฝังลึก แถมเวลาทำความสะอาดยังต้องเบามืออีกด้วย เพราะผ้าพวกนี้จะมีความเปราะบาง ดังนั้นการทำความสะอาดสนีกเกอร์ผ้าถักและตาข่ายจึงต้องระมัดระวัง
แต่ทั้งกนี้สำหรับการทำความสะอาดสนีกเกอร์ประเภทนี้เราสามารถใช้แปรงทำความสะอาดได้ โดยเทน้ำยาใส่แปรง จุ่มน้ำพอหมาด แต่ไม่ควรเปียกจนเกินไป แล้วขัดทำความสะอาด ส่วนการล้างฟองแนะนำให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดออกแทนการล้างด้วยน้ำโดยตรง ที่สำคัญคือการผึ่งให้แห้งควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดตรงๆ
สนีกเกอร์ที่ส่วนใหญ่จะเป็นสนีกเกอร์แฟชั่นที่นิยมใส่ประจำวัน อย่างรองเท้าแบรนด์ Converse หรือ Vans นั่นเอง หลายคนคิดว่าผ้าแคนวาสเป็นรองเท้าที่ทำความสะอาดง่ายที่สุด แต่แท้จริงแล้วสนีกเกอร์ประเภทนี้เป็นผ้าที่ทำความสะอาดยากที่สุดก็ว่าได้ เพราะผ้าแคนวาสเป็นผ้าที่มีความหนาและแข็ง เมื่อมีคราบสกปรกจึงติดแน่นนั่นเอง
การดูแลรักษาและทำความสะอาดของสนีกเกอร์แคนวาสคือต้องทำความสะอาดทันทีเมื่อรองเท้าเลอะ ไม่ควรปล่อยให้คราบแห้งติดรองเท้า เพราะจะขจัดคราบยาก (มาก) ส่วนการทำความสะอาดก็คล้ายกับสนีกเกอร์ผ้าถักหรือตาข่าย คือใช้แปรงขนนุ่มที่ผสมน้ำยาลงไป จุ่มน้ำให้หมาดพอเหมาะ แล้วขัดบริเวณที่สกปรก แล้วค่อยล้างออกด้วยผ้าแทนการโดนน้ำตรงๆ ถ้าหากคราบติดแน่น เราสามารถใช้แปรงขัดซ้ำๆ จนกว่าคราบจะจางได้ หลังจากนั้นก็ผึ่งลมหรือแดดอ่อนๆ จนกว่าจะแห้งสนิท