การจะเป็น พ่อบ้านใจกล้า ที่ดีได้นั้นต้องเรียนรู้ที่จะ‘ โกหกเมีย ’ในบางเรื่องไม่ให้ถูกจับได้เสียก่อน ซึ่งในวันนี้เรามีทริคง่ายๆ ในการโกหกอย่างไรให้เนียนจนดูสมจริงมาฝากกัน ชาว Fav Forward ที่อยากปฏิวัติตัวเองสามารถนำไปลองใช้กันดูได้เลย
*คำเตือน: เพราะเมียแต่ละคนมีสกิลในการจับโกหกที่ไม่เหมือนกัน ทางเราไม่ขอรับประกันความปลอดภัยใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะคนที่กำลังพูดโกหกมักจะมีอาการประหม่าและหดเกร็งของกล้ามเนื้อ การขยับตัวหรือศีรษะไปมาย่อมทำให้ผู้ที่กำลังฟังเราพูดนั้นสามารถสังเกตท่าทีที่เปลี่ยนไปได้
ในขณะที่เราโกหก ร่างกายจะสะท้อนความกังวลผ่านอัตราการเต้นของหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตที่เปลี่ยนไป ด้วยเหตุนี้เองจึงดูเหมือนว่าคนที่กำลังโกหกมักจะหายใจลึกมากกว่าที่เคย ถ้าหากเราฝึกการควบคุมลมหายใจไว้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วล่ะก็ รับรองเธอทั้งหลายต้องจับไม่ได้อย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับในภาพยนตร์ที่ผู้ร้ายหรือคนที่กำลังทำความผิด เวลาถูกจับได้มักจะยืนแข็งทื่อพร้อมพูดปฏิเสธ ซึ่งอาการนิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงออกถึงภาวะที่กำลังต่อสู้กับระบบประสาทและความคิดของร่างกายนั่นเอง
การพูดชักแม่น้ำทั้ง 5 วกไปวนมาล้วนไม่เป็นผลดีสำหรับการโกหกเอาเสียเลย เพราะผู้หญิงมักจะมีเซ้นส์จับโกหกจากประโยคที่เราพูดวกวนได้ ฉะนั้นควรเริ่มซ้อมพูดตั้งแต่ขับรถเข้าปากซอยหมู่บ้านเลยจะเป็นการดีที่สุด
คนที่กำลังโกหกอยู่มักจะมีอาการประหม่าซึ่งส่งผลถึงท่าทางที่แสดงออกมาได้โดยตรง มือไม้ที่เคยอยู่เป็นสุขก็มักจะลูบๆ คลำๆ เกาคาง เกาหัว ลูบนั่นลูบนี่หรือกุมมือบ้าง ทางที่ดีเก็บอาการสักนิดตอนพูดจะดูเนียนกว่านะเออ
การกระดิกเท้าหรือกระดิกขา มักเป็นพฤติกรรมที่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้กำลังโกหกอยู่แต่มันก็ดูน่ารำคาญในสายตาผู้หญิงเสมอ เชื่อว่าชาว Fav Forward ร้อยละ 90 ต้องเคยโดนเหล่าเธอๆ ตะคอกให้หยุดกระดิกอวัยวะเหล่านี้กันมาบ้าง เพราะฉะนั้นควบคุมร่างกายเสียหน่อยเธอจะได้ไม่โมโหไปมากกว่าเดิมเอานะจ๊ะ
การเงียบนั้นแย่ยิ่งกว่าการพูดวกไปวนมาเสียอีก เพราะเมื่อไหร่ที่เราเงียบนั่นแสดงถึงการได้รับชัยชนะของเหล่าสาวๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เพราะมันจริงใช่มั้ยเลยไม่ยอมเถียง บลาๆ ฯลฯ)
เพราะในขณะที่เรากำลังพูดโกหกร่างกายจะแสดงสัญชาตญาณออกมาโดยอัตโนมัติเพื่อข่มผู้ฟังให้รู้สึกตกเป็นรอง ดังนั้นผู้ชายหลายๆ คนจึงมักที่จะชี้หน้าและเผลอมีปากเสียงเพื่อหวังจะให้เธอๆ ทั้งหลายเลิกเซ้าซี้ ขอบอกเลยว่าเป็นวิธีการที่ผิดมหันต์เพราะมันจะบานปลายเสียยิ่งกว่าเดิม
*ข้อมูลทั้งหมดมาจากผลการวิจัยของ Dr. Lillian Glass ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษาพฤติกรรมของภาษากาย หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่เคยร่วมงานกับองค์กร FBI
เรื่องโดย: Nomad609
ภาพประกอบ: pexels