คิดทรงไม่ออก ไปบอกช่างตัดผมไม่ถูก แถมจิ้มตามแบบหนังสือก็ไม่ได้ ทรงผม อย่างที่ต้องการ แม้ช่างทำผมจะให้สิทธิ์เราในการออกแบบทรงเองแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายต้องลุกออกจากเก้าอี้นั่งแบบเซ็งๆ ได้ทรงผมแบบจำใจกลับบ้านทุกที วันนี้เรามาหาความเชื่อมโยงระหว่างช่างผมกับเรากันเพื่อให้ได้ทรงตามต้องการ
เริ่มจากรายละเอียดแรกก่อน คือเลือกสไตล์ของผม คุณอยากได้สไตล์แบบทรงปัจจุบัน ดูโมเดิร์นขึ้น หนุ่มเซอร์ หรือหล่อเนี้ยบๆ ถ้าจะให้ดีหาตัวอย่างผมที่คล้ายกับที่เราต้องการ บอกความคาดหวังก่อนจะลงลึกถึงส่วนอื่นๆ ตามมา แต่ไม่ควรบอกสไตล์ที่ชอบเพียงแค่อย่างเดียว ควรบอกให้ครบทุกความต้องการ
บอกความยาวชัดๆ ไปเลย อย่าพูดว่า “ให้สั้นลงกว่าเดิมนิดนึง” หรือ “สั้นกว่านี้” บอกให้ชัดว่าเอาออกประมาณ 1 นิ้ว 2 นิ้วหรือให้ความยาวด้านหลังเท่ากับด้านหน้า อย่าลืมเสริมด้วยว่าคุณตัดผมบ่อยแค่ไหนในแต่ละเดือน เพื่อช่างจะได้กะความยาวของผมก่อนจะถึงการตัดใหม่ครั้งต่อไป
ส่วนใหญ่แล้วทรงผมของผู้ชายแบบรองทรง จะดูต่างก็ตรงการกันทรงด้านหลังศีรษะซึ่งความสั้นยาวจะขึ้นอยู่กับช่วงคอและรูปหน้าของแต่ละคน คุณสามารถเลือกได้ว่าให้กันท้ายทอยทรงเหลี่ยม ทรงโค้ง หรือ V shape เพราะช่างตัดผมส่วนใหญ่มักจะเลือกตัดเองตามใจโดยไม่ได้ถามคุณก่อน แต่รู้หรือเปล่าว่ามันมีผลต่อรูปหน้าของคุณเลย การกันขอบตัดเหลี่ยมช่วยพรางตาให้คอใหญ่ๆ ดูเพรียวขึ้น ในขณะที่ช่วงคอจะดูยาวขึ้นถ้ากันทรงแบบตัดโค้ง ส่วนการกันทรงแบบเฟดเป็นตัว V จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติไม่สะดุดตามากนัก เหมาะกับคนที่อยากให้ดูสมูธกันทั้งทรง
หลังจากบอกเรื่องความสั้น- ยาวของทรงผมเสร็จ อย่าลืมเรื่องการสอยผมด้านข้างหรือเทกเจอร์ด้านบนของศีรษะ ไม่ควรมองข้ามรายละเอียดเล็กๆ อย่างเช่นคำที่ใช้บอกช่าง 2 คำนี้ถ้าพูดไปจะยิ่งเกิดความสับสนให้กับช่าง คือคำว่า “ตัดให้ดูเปลี่ยนไปจากเดิม” หรือ “ตัดผมไล่เลเยอร์” เพราะทั้ง 2 แบบนี้สิ่งที่ช่างจะตัดออกมาให้เห็นคือความยาวที่หายไปเท่านั้นเอง
หวังว่าตัดผมคราวหน้า คุณจะได้ทรงผมตามที่ต้องการก่อนออกจากร้านนะ อย่าให้ทรงผมพลาดๆ กลายเป็นปัญหากวนใจชีวิตคุณอีกต่อไป