How to เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม ฉบับค่อยเป็นค่อยไป

How to เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม ฉบับค่อยเป็นค่อยไป

เริ่มต้นปีใหม่ทั้งทีก็อยากเปลี่ยนตัวเอง เพื่อเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม แต่จะให้เปลี่ยนปุบปับก็ดูจะเขินอายหรือฝืนตัวเองเกินไป เราจึงอยากนำเสนอ How to เปลี่ยนตัวเองฉบับค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปที่ทำได้จริงมาฝากกัน!!

• LIFE

การเริ่มเปลี่ยนให้ชีวิตดีขึ้น อยากแนะนำให้เริ่มจากเรื่อง “เวลา” แม้ว่าทุกคนจะมีเวลาเท่ากัน แต่ใช้เวลาให้คุ้มค่าในแต่ละคนต่างไม่เท่ากัน “การบริหารเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่หลายคนกลับละเลย”

การบริหารเวลาสามารถเริ่มจากจุดง่ายๆ อย่างการตื่นเช้าขึ้น ซึ่งอาจจะค่อยๆ เลื่อนเวลาตื่นให้เร็วขึ้น เช่น อาทิตย์แรกอาจเริ่มจากตื่นเช้ากว่าเดิมสักครึ่งชั่วโมง แล้วอาทิตย์ถัดไปอาจตื่นให้เร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ฯลฯ การตื่นนอนให้เร็วขึ้น หมายความว่าเราจะมีเวลาทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น อาทิ มีเวลาดริปกาแฟ แล้วดื่มด่ำแบบไม่เร่งรีบหรือทำอาหารเช้าทานเองที่บ้าน แน่นอนว่าเมื่อเราต้องตื่นเช้าขึ้น เราก็ต้องนอนให้เร็วขึ้นด้วย และต้องนอนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ สิ่งที่ได้ก็ทั้งสุขภาพที่แข็งแรงและอารมณ์ที่แจ่มใส ที่สำคัญมีเวลาทำตามฝันหรืองานอดิเรก แล้วคำว่า ‘ไม่มีเวลา’ จะไม่เกิดขึ้น

• WORK

การเปลี่ยนแปลงเรื่องงานที่ไม่ได้หมายถึง “การเปลี่ยนงาน” ซะทีเดียว แต่เป็นการเปลี่ยนให้เราสนุกกับการทำงานมากขึ้น หลายคนเริ่มเบื่อหน่ายกับการทำงานเดิมๆ แต่อยากแนะนำให้ลองมอง ‘ข้อดี’ ของงานที่เราทำก่อน มองหา ‘ความสนุก’ ของงานนั้นๆ หรือมองย้อนกลับไปยังวันแรกของการทำงาน เหตุผลที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกทำงานนี้ ฯลฯ โดยเฉพาะวันแรกของการเริ่มทำงานหลังจากหยุดยาว ซึ่งจะมาพร้อมความรู้สึกกระตือรือร้น อยากให้เก็บความรู้สึกนี้ไว้ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้เราทำงานสนุกได้ทุกวัน

ในแง่รูปธรรมอาจเริ่มสิ่งใหม่ๆ ทั้งการจัดโต๊ะทำงานใหม่ ปรับเปลี่ยนตำแหน่งของสิ่งของบนโต๊ะ หาสิ่งของใหม่ๆ มาเพิ่มเติม ส่วนของที่ไม่ใช้งานก็บริจาคหรือให้คนอื่นไป การปรับเปลี่ยนโต๊ะเป็นจิตวิทยาที่ทำให้เรารู้เกิดการกระตือรือร้นในการทำงาน นอกจากการปรับเปลี่ยนโต๊ะแล้ว ก็ลองจัดลำดับการทำงานใหม่ๆ งานเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่สำคัญแต่จำเป็นต้องทำ อาจเก็บไว้ทำก่อนกลับบ้าน ส่วนงานใหญ่ที่สำคัญก็ทำในช่วงเช้า เป็นต้น

นอกจากนี้การมาทำงานให้เร็วขึ้น มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานให้มากขึ้น และลองรับงานชิ้นใหม่มาท้าทายตัวเอง เพื่อลดอาการเบื่องานหรือการหมดไฟได้ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเรื่องเล็กๆ แต่เมื่อเราลองปฏิบัติ เชื่อว่าเราจะสามารถทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งพัฒนาตัวเองได้มากขึ้น

• STYLE

การเปลี่ยนตัวเองที่เห็นชัดที่สุดคือการแต่งตัว แต่หลายคนไม่กล้าที่จะเปลี่ยนเพราะ ‘เขินอาย’ ดังนั้นสิ่งที่จะแนะนำในการเปลี่ยนตัวเองแบบไม่ฝืนใจและไม่ทำให้เขินอาย เริ่มจากการมองหา Reference อาจจะเป็น IG คนดัง เน็ตไอดอล หรือสไตล์การแต่งตัวจากนิตยสารแฟชั่นผู้ชาย สิ่งสำคัญคือค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างเล็กอย่างละน้อย

อาจเริ่มจากการหันมาดูแลใส่ใจตัวเองมากขึ้น ทั้งการดูแลผิว ทานอาหารที่มีประโยชน์ ไปเล่นฟิตเนสให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 วัน ฯลฯ หลังจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนสิ่งที่มองเห็นได้ง่าย อย่างเปลี่ยนทรงผม ทั้งการตัดผมทรงใหม่ การเช็ตผม แล้วค่อยเริ่มเปลี่ยนสไตล์ของเสื้อผ้าในเวลาต่อมา ซึ่งอาจเริ่มจากเสื้อผ้า 2-3 ชุดก่อน ใส่แบบสลับกับชุดเดิมที่มีอยู่ เพื่อให้เพื่อนร่วมงานและคนรอบตัวเริ่มคุ้นเคยกับสไตล์ใหม่นั่นเอง

• THINKING

การเปลี่ยนความคิดเป็นการเปลี่ยนที่ยากที่สุด โดยเฉพาะการเปลี่ยนให้เป็นคนมองในแง่ดีและคิดบวก แต่ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนไม่ได้ แค่คิดว่าจะเปลี่ยนความคิดตัวเองให้มองโลกในแง่ดี ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีเยี่ยมแล้ว ส่วนคำแนะนำอื่นๆ ที่สามารถปฏิบัติได้จริงคือ เริ่มจาก “การอ่านหนังสือ” โดยเฉพาะหนังสือ How to จิตวิทยาที่เกี่ยวกับการคิด หรือบันทึกการเดินทางที่มาพร้อมแง่คิดดีๆ

เมื่อเราได้อ่านเรื่องที่นำเสนอความคิดในด้านบวก จะผลักดันให้เราอยากเป็นคนมีความคิดดีๆ เป็นเสมือนยาชูกำลังที่ทำให้เรามีแรงฮึดในการเปลี่ยนตัวเอง นอกจากนี้ลองอยู่กับเพื่อนที่คิดบวกให้เยอะขึ้น ลองฟังสิ่งที่เขาคิดเขาพูด แล้วสิ่งดีๆ ที่เขาคิดจะค่อยๆ แทรกซึมในความคิดของเรานั่นเอง เพราะการอยู่ใกล้คนมองโลกในแง่ดีจะทำให้เราซึมซับความคิดและนิสัยของเขาไปด้วยนั่นเอง

การเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม อ่านแล้วเหมือนจะทำง่าย ดูไม่ยาก แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ง่ายอย่างที่ได้อ่าน แต่ถ้าเราตั้งใจแล้ว เชื่อว่าทุกคนสามารถเปลี่ยนตัวเองได้อย่างแน่นอน


SEE MORE…

http://www.favforward.com/40115/lifestyle/lifestylehow-tomen-health-bad-exercise/

keyboard_arrow_up