หวนความทรงจำจากไดอารี่ตามแบบฉบับ “บันทึกนึกขึ้นได้”

สำหรับคนที่ชอบอ่านเรื่องเล่าหรือความเรียงบนหน้าเฟซบุ๊ก เราเชื่อว่าคุณคงรู้จักเพจ “บันทึกนึกขึ้นได้” เพจที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านภาพถ่ายหนึ่งภาพกับตัวอักษรที่เรียงรายที่ไม่ยาวและไม่สั้นเกินกว่าจะเสียเวลาสักนาทีมาเปิดอ่าน และทุกครั้งที่ได้อ่าน ความทรงจำเก่าเก็บก็มักหวนกลับมาทุกที

ในวันนี้เรื่องเล่าที่เราเคยเห็นบนหน้าจอก็ได้เปลี่ยนสถานะมาอยู่บนหน้ากระดาษ ซึ่งได้รวบรวมเรื่องเล่าที่ “ง่วง” นึกขึ้นได้มาไว้ในหนังสือเล่มเดียว เป็นหนังสือที่มีชื่อเดียวกับชื่อเพจ “บันทึกนึกขึ้นได้”

จริงอยู่ว่าแรกเริ่มเดิมทีหนังสือเล่มนี้มาจากเพจดังที่มีแฟนเพจติดตามมากกว่าสองแสนคน แต่เบื้องหลังของตัวอักษรเหล่านั้นคือความทรงจำจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของผู้ชายที่ชื่อ ง่วง – ปฐวี ธุระพันธ์ เป็นเรื่องราวที่ฝั่งอยู่ในเซลล์สมองที่วันหนึ่งอยู่ๆ ก็คิดถึงขึ้นมา แน่นอนว่าความทรงจำและความคิดถึงเหล่านั้น ย่อมมีเรื่องราวที่เรียกรอยยิ้มสร้างเสียงหัวเราะ แต่ก็มีอีกหลายเรื่องราวที่เมื่อนึกขึ้นได้ ความเศร้าก็มาเยือนทุกที

หลายครั้งที่ได้อ่านบันทึกความทรงจำของง่วง ความนึกคิดของเราก็มักผุดตามขึ้นมาทั้งเรื่องเศร้าๆ และเรื่องสุขๆ เราจึงขอยกบางส่วนและบางตอนของหนังสือเล่มนี้มาเล่าให้คุณผู้อ่านได้ฟัง ก่อนที่คุณจะเดินไปซื้อฉบับเต็มมาอ่าน เริ่มจากบันทึกเรื่องเกรงใจความฝัน (หน้า 24) ที่ชวนให้เราหันกลับมาตั้งคำถามของตัวเองว่า ฝันที่เคยวาดหวังไว้ ตอนนี้เราก้าวเข้าใกล้แล้วหรือยัง?

เราสนใจสิ่งที่ไม่สำคัญ
ส่วนสิ่งที่มันสำคัญและจำเป็นต่อฝันก้อนนั้น
เรากลับปิดหูปิดตา
บอกตัวเองว่าเดี๋ยวก่อน พรุ่งนี้ยังทัน
แล้วตอนนี้ผ่านมากี่ “พรุ่งนี้” แล้ว

ต้องรออีกนานไหม
กว่าเราจะจริงจังกับฝันของตัวเอง
มากเท่ากับสิ่งที่ไม่น่าสนใจที่เราให้ความสนใจอยู่ทุกวัน

เกรงใจฝันของตัวเองบ้างสิ
มันรอนานแล้วนะ

หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เราจะเกิดคำถามกับสิ่งที่หลงลืมไป แต่บันทึกนึกขึ้นได้ยังชักจูงให้เรากลับมาเดินบนเส้นทางหลักอีกครั้ง หลังจากที่เราเถลไถลเที่ยวชมทิวทัศน์ริมทางมานาน

Diary_02

นอกจากนี้หนังสือเล่มนี้ยังเปรียบเสมือนไดอารี่ที่คอยปลอบโยนความรู้สึกของเรา เมื่อเราไม่อาจเดินบนทางแห่งฝันได้ เพราะบางครั้งเราก็จำต้องเลือกอยู่ในโลกแห่งความจริงมากกว่าโลกที่ฝันไว้ โดยเฉพาะเมื่อโลกแห่งความจริงมีคนที่พร้อมจะร่วมทุกข์และสุขไปกับเรา จนกระทั่งได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เราจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเราได้ลืมเลือนคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างไป …บันทึกในเรื่องสิ่งที่สำคัญกว่า (หน้า 29)

สิ่งที่สำคัญกว่าการได้งานที่ตัวเองชอบ
คือการได้งานที่เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้
ทำงานที่ชอบอาจเลี้ยงตัวเองไม่ได้
แต่งานที่เราพอทำได้
อาจช่วยพยุงความฝันและดูแลครอบครัวของเราได้

สิ่งที่สำคัญกว่างานที่ดี เงินที่ดี และฐานะที่ดี
คือการได้อยู่กับคนที่ยินดีไปกับเรา
ไม่ว่าเราจะยืนอยู่ตรงไหน
มีความสุขไปกับเรา
ไม่ว่าเงินในกระเป๋าจะมีเท่าไร

สิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตที่หรูหรา
คือชีวิตธรรมดาๆ
ที่มีความสุขกับสิ่งที่มีในทุกๆ วัน

Diary_03

หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่ให้แง่คิดถึงเรื่องปัจเจกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนภาพสังคมในปัจจุบัน ภาพสะท้อนที่อยู่เบื้องหลังสเตตัสบนโลกออนไลน์ เหมือนคำบอกเล่าจากบันทึกเรื่องการแสดงออกต่อหน้าคือมายา (หน้า 113) ที่สะท้อนให้เห็นความจริงใจที่เริ่มหดหายไป

บางทีก็ไม่แน่ใจว่าที่เขาหรือเธอแสดงออกมา
กับตัวหนังสือที่อยู่ในสถานะเฟซบุ๊ก
อะไรคือความรู้สึกของเขาจริงๆ

เราขอโทษกัน ยิ้มให้กัน
เขาที่เพิ่งแยกจากกัน เขาก้มหน้าลง
ละเลงนิ้วบนคีย์บอร์ดแล้วโพสต์
“เกลียดมันจริงๆ เลยว่ะ” ในสามนาทีถัดมา

เพื่อนที่รู้จักเดินผ่าน แต่งตัวดูดี
ทุกคนเอ่ยปากชม
เธออีกคนเปิดทวิตเตอร์แล้วพิมพ์ว่า “ดีออก”

เราคงอยู่ในยุคที่ความรู้สึกที่แท้จริง
คือสิ่งที่โพสต์ลงโซเซียล
การแสดงออกต่อหน้าคือม่านมายา

เทคโนโลยีไม่ได้ทำให้โลกนี้อยู่ยาก
มันทำให้คนเราไว้ใจที่จะวางความรู้สึกที่มีอยู่เต็มโลกใบนี้
ออกมาเป็นตัวอักษร
แทนที่จะแสดงออกอย่างจริงใจ

นั่นหรือเปล่าที่ทำให้เรามีความรู้สึกอยู่ตลอดว่า
ไม่มีใคร “จริงใจ” กับเราสักคน

จากที่กล่าวไปทั้งหมดเป็นเพียงน้ำจิ้มที่นำมาเสิร์ฟให้คุณได้ลิ้มลอง ก่อนที่คุณจะหยิบหนังสือเล่มนี้แล้วตั้งหน้าตั้งตาเสพย์ ‘บันทึกนึกขึ้นได้’ ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ

Diary_04

หนังสือ : บันทึกนึกขึ้นได้
โดย : ง่วง
สำนักพิมพ์ : springbooks
ราคา : 195 บาท

SHOP NOW : www.naiin.com

Story : Taliw
Photo : Wara Suttiwan
keyboard_arrow_up