บิด Café Racer รถมอเตอร์ไซค์ที่เบาที่สุด เร็วที่สุด และทรงพลังที่สุดใต้ปีก Royal Enfield

WHAT: Royal Enfield ส่ง Café Racer “Continental GT” รถจักรยานยนต์ที่เบาที่สุด เร็วที่สุด และทรงพลังที่สุด ให้ชาวร็อกสัมผัสช่วงเวลาของความตื่นเต้นแห่งการขับขี่ที่น่าประทับใจได้อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมสีใหม่ล่าสุด Continental GT Green

cult

รู้จักตัวตน Café Racer

ย้อนกลับไปในอดีตสมัยที่วัยรุ่นอังกฤษมักจะบิดมอเตอร์ไซค์ไปรวมตัวกันที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง (ที่เรียกกันในสมัยนั้น) เมื่อรวมตัวกันและความชอบที่เหมือนกัน จึงคิดหาความตื่นเต้นท้าทาย ท้ากันเป็นเกม โดยการเปิดเพลงจากตู้เพลง และ ขี่รถมอเตอร์ไซค์จากคาเฟ่ไปยังจุดหมายที่กำหนด โดยพยายามที่จะทำความเร็วให้ถึง 100 ไมล์ต่อชั่วโมง แล้วซิ่งกลับมาที่คาเฟ่เดิมก่อนที่เพลงนั้นจะจบลง เพลงมีความยาวประมาณ 2 นาที พวกเขาทำความเร็วได้ดีและมีสกิลในการขับขี่มากเลยทีเดียว โดยวัยรุ่นเหล่านั้นส่วนใหญ่จะนิยมฟังเพลงและแต่งตัวแบบร็อกเกอร์ เท่ในลุคชุดหนัง กางเกงยีนส์ ทำผมทรงเฟี้ยวๆแบบเจมส์ ดีนให้สาวๆกรี๊ด

img_6062

แล้วรถแบบไหนถึงเป็น Café Racer

1. แฮนด์จับโช้ค หรือ แฮนด์หมอบ แล้วแต่ความชื่นชอบ

2.ไฟหัวกระสุนใหญ่ ส่วนมาก 7 นิ้ว

3. ถังตีหลบเข่า เพื่อให้กระชับในการขับขี่นั่นเอง

4 เกียร์โยง เพื่อให้รับกับท่าขับขี่ในรถสไตล์นี้

5. เอาอะไหล่ส่วนต่างๆ ออก ดัดแปลงลดอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ต้าน ลม และเพิ่มน้ำหนักรถ

6. เบาะนั่งโดยสารเดียว ที่เรียกกันว่าเบาะตูดมด หรืออาจเป็นเบาะทรงอื่นก็ได้

เมื่อกระแสรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่มีสไตล์ได้รับความนิยมอีกครั้ง Royal Enfield จึงนำ Café Racer กลับมาสร้างสรรค์ในแบบที่ถูกใจคนเมือง โดยเฉพาะรุ่น

Continental GT (ราคา 219,800 บาท)

continental-gt-red_1

รถจักรยานยนต์สไตล์ Café Racer ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1965 ส่งต่อวัฒนธรรม Café Racer ของชาวร็อกเกอร์จากอังกฤษจากอดีตถึงปัจจุบัน Continental GT  โดดเด่นด้วยการคงอัตลักษณ์ยุค 60  เอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ได้พัฒนาเครื่องยนต์ไปพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสเรื่องราวในช่วงเวลาของความตื่นเต้นแห่งการขับขี่ที่น่าประทับใจได้อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมสีใหม่ล่าสุด Continental GT Green

  • เครื่องยนต์ระบบหัวฉีด 535 ซีซี แรงบิด 44 นิวตันเมตร ทำให้ Continental GT มีอัตราการตอบสนอง การส่งกำลัง และความคล่องตัวมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และแรงที่สุดของ Royal Enfield
  • ท่อไอเสียดีไซน์พิเศษ เพื่อสมรรถนะที่เหนือกว่า ให้เสียงคำรามของเครื่องยนต์ตามแบบฉบับของรถ Sport
  • ควบคุมระบบเบรกด้วยดิสก์เบรก Brembo แบบโฟลทติ้งขนาดใหญ่ 300 มม. ด้านหน้า และขนาด 240 มม. ด้านหลัง โดยจะมีเฉพาะในรุ่น Continental GT เท่านั้นที่ใช้ระบบเบรก Brembo เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
  • แผงหน้าปัดสไตล์ Retro ผสมกับ Digital ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ให้ผู้ขับขี่เห็นข้อมูลต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนและชัดเจนในทุกๆ ย่านความเร็ว
  • ECU ปรับใหม่ เพื่อสมรรถนะและการตอบสนองอย่างเหนือชั้นยิ่งกว่าที่เคย
  • ชุดแฮนด์แบบยึดจับกับกระบอกโช้คที่สามารถปรับระดับได้ ช่วยให้ผู้ขับขี่โน้มตัวลงต่ำได้ตลอดแนวตัวถังรถ เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกับรถจักรยานยนต์

นอกจากนี้ยังมีอีก2 รุ่นสุดเจ๋ง มอบความคลาสสิกและตัวตนร็อกเกอร์ที่ชัดเจนให้กับคุณในปีนี้

Royal Enfield Classic

จักรยานยนต์ที่ไร้กาลเวลาที่จะพาคุณหวนคืนสู่ช่วงเวลาแห่งความทรงจำ ด้วยดีไซน์ยุคหลังสงคราม เป็นที่ปรารถนามากที่สุดในประวัติศาสตร์แห่ง Royal Enfield สำหรับแฟนพันธุ์แท้ตัวจริงเท่านั้น

Royal Enfield Classic  ได้ผสานขุมพลังและการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพเข้ากับความคลาสสิกอันเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความสง่างามที่สะกดทุกสายตาจนยากจะห้ามใจไม่ให้หันกลับไปมอง ทัศนียภาพยามขึ้นนั่งบน Royal Enfield Classic มีความงดงามเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นยามรถวิ่งหรือยามจอดนิ่งอยู่กับที่

classic-black_2

Classic 500 (ราคา 189,800 บาท)

Classic 500 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบหัวฉีดสมรรถนะสูงขนาด 500 ซีซี ภายใต้ดีไซน์ยุคหลังสงครามอันโดดเด่นสะดุดตา ทำให้ Classic 500  กลายมาเป็นรถจักรยานยนต์สุดยอดปรารถนาในประวัติศาสตร์แห่ง Royal Enfield สำหรับแฟนพันธุ์แท้ตัวจริง

Classic Battle Green /Classic Desert Storm / Classic Squadron Blue (ราคา 198,800 บาท)

Classic Desert Storm มาพร้อมโทนสีในแบบ “ผืนทราย” และ Classic Battle Green อันชวนให้ระลึกถึงยุคแห่งสงคราม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รถจักรยานยนต์ Royal Enfield ได้พิสูจน์ให้บรรดาทหารกล้าประจักษ์ถึงสมรรถนะและความคล่องตัวอันสมบูรณ์แบบในสมรภูมิสนามรบและทะเลทรายอันโหดร้าย นอกจากนี้ในทั้ง 2 รุ่นนี้ ยังคงชัดเจนด้วยสไตล์อันเป็นแบบฉบับเฉพาะของ Royal Enfield ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ก้านกระทุ้งระบายความร้อนด้วยอากาศแบบสูบเดียว ห้องเครื่องและกล่องเครื่องมือสไตล์ยุค 1950 สีสันในแบบดั้งเดิม และชิ้นส่วนเครื่องยนต์แบบขัดเงา สัมผัสสุนทรียะแห่งการขับขี่จักรยานยนต์ล้ำสมัย ที่ยังคงภาพสะท้อนแห่งสไตล์คลาสสิกเหนือกาลเวลา นอกจากนี้ยังมีสี Squadron Blue ดีไซน์ใหม่ของรุ่น Classic โดยมีแรงบันดาลใจมาจาก Royal Enfield ที่ใช้ในหน่วยรบกองทัพอากาศทั่วโลก ทั้งในอดีตและในปัจจุบัน

bullet-black_2

Royal Enfield Bullet 500 (ราคา 179,800 บาท)

รถจักรยานยนต์ดีไซน์สูบเดียวแบบวาล์วเหนือสูบอันเป็นเอกลักษณ์จากอังกฤษ ที่มีต้นกำเนิดจาก Royal Small Arms Factory ในเขตเอ็นฟิลด์ กรุงลอนดอน ด้วยประวัติการผลิตต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1932 ทำให้ Bullet เป็นสายผลิตภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของรอยัล เอ็นฟิลด์

กว่า 8  ทศวรรษที่ผ่านมา Royal Enfield รุ่น Bullet ได้ร่ายมนต์สะกดผู้คนทั่วโลก ให้หลงใหลกับสไตล์อันสะดุดตาด้วยตัวถังสีดำขนาดใหญ่ที่ยังคงศิลปะการวาดลวดลายบนตัวถังด้วยมือทุกคัน  โดดเด่นด้วยครอบไฟหน้าที่ตกแต่งไฟนำร่องแบบ “ตาเสือ” ผสานคุณสมบัติแห่งความล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยระบบ Electronic Fuel Injection

Royal Enfield สะท้อนภาพแห่งประวัติศาสตร์ในรูปของการตีความแบบปัจจุบัน ตอบสนองทุกความต้องการ ทำให้ Bullet 500 เป็นรถที่ควรค่าแก่การครอบครองอย่างแท้จริง ใหม่ล่าสุด Royal Enfield Bullet 500 Marsh Grey สีใหม่

bullet-forest-green_1

  • ดีไซน์ที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิม และยังเต็มไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐานครบถ้วน
  • ไฟหน้าแบบถอดแยก หน้าจอเกจ์วัดความเร็วและแอมมิเตอร์ เอกลักษณ์เฉพาะของ Bullet
  • ถังน้ำมันวาดลายเส้นด้วยมือทุกใบ เน้นความละเอียดและสวยงาม ลวดลายบนตัวถังสะท้อนภาพลักษณ์แห่งยุคสมัย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท General Auto Supply Company Limited ซอย สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) โทร. 0-2381-8811

keyboard_arrow_up