เทคนิคการขอสินเชื่อให้ผ่านและได้วงเงินตามความต้องการ

เทคนิคการขอสินเชื่อให้ผ่านและได้วงเงินตามความต้องการ

เมื่อจะทำเรื่องการกู้ใด ๆ จำเป็นต้องชนะใจแหล่งการเงิน เช่นธนาคารยิ่งในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กลายเป็นหนี้เสียซึ่งจะเสียเวลา และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้ ในมุมมองของผู้กู้จึงจำเป็นต้องทำการบ้านและเตรียมเอกสาร เพื่อให้การดำเนินการในการขอกู้นี้เป็นไปอย่างราบรื่น เรียกว่ากู้ร้อยครั้งได้ทั้งร้อยครั้ง

1. ยื่นกู้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินทีละแห่ง !

หากท่านสนใจจะซื้อโครงการบ้านใหม่ และต้องการกู้ธนาคาร ให้พึงสังวรณ์ว่าในโลกดิจิตัลปัจจุบัน ทุกการทำธุรกรรมของเราจะได้รับ

การบันทึกไว้ โดยเฉพาะเมื่อเราจะยื่นขอสมัครสินเชื่อก็จะมีการบันทึกโดยเฉพาะ 6 เดือนล่าสุด ก็จะปรากฏในเครดิตบูโร ดังนั้นสถาบันการเงินจะทราบข้อมูลนี้ ยิ่งเห็นว่าผู้ยื่นกู้ยื่นไปแล้วไม่ผ่าน ก็คงจะมีสาเหตุอะไรเป็นแน่แท้ ยิ่งบางคนยื่นถี่และไม่ผ่าน ยิ่งทำให้สถาบันการเงินเรียกว่าจะปิดป้าย ลงข้อมูล แทบจะเรียกว่าติดบัญชีดำไว้ก็เป็นได้ ทำให้เสียประวัติและการกู้ทำให้ไม่ได้รับการอนุมัติ ดังนั้นก่อนการยื่นกู้ใด ๆ ควรศึกษาการกู้ใด ๆ ที่เราจะมีโอกาสได้สูงสุด ในเรื่องการยื่นกู้ต่าง ๆ นี้ รวมถึงการสมัครบัตรเครดิตด้วย ดังนั้นควรเว้นช่วง เว้นระยะให้มีความห่าง อย่าสมัครพร่ำเพรื่อซึ่งจะทำให้เราเสียประวัติ

2. สถานะแสดงว่าผู้ขอกู้มีหนี้

ผู้ที่ยื่นขอกู้หากไม่เคยทำการกู้ หรือเป็นหนี้มาก่อน ธนาคารหรือสถาบันการเงินอาจจะต้องตรวจสอบที่มาของรายได้ต่าง ๆ และการประเมินความสามารถอาจจะทำได้ยาก เพราะ ไม่เคยเห็นประวัติการชำระเงิน ความมีวินัยในการจ่ายค่างวดตรงเวลา กลายเป็นว่าคนที่เคยมีประวัติ มีหนี้สินในระบบ เช่นบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถ, สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อรถจักรยานยนต์ ประวัติหนี้สินทุกอย่างทั้ง วงเงินอนุมัติ ประวัติการชำระหนี้ต่างๆ จะถูกส่งไปรวบรวมที่ เครดิตบูโร และสถาบันการเงินจะเรียกดูทุกครั้งที่มีการขอสินเชื่อเพื่อใช้พิจารณาประกอบการอนุมัติสินเชื่อ

ดังนั้นคนที่ไม่เคยมีประวัติอาจจะไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อในวงเงินสูง เช่นสินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน หรือธุรกิจต่าง ๆ เพื่อเป็นการสร้างภาพ หรือ ฐานข้อมูล ผู้กู้ก็ควรจะมีการได้ใช้สินเชื่อเหล่านี้บ้าง เช่นการใช้บัตรเครดิต และการชำระเงินตรงเวลา ซึ่งยิ่งมีประวัตยาวนานยิ่งเป็นข้อพิสูจน์ต่อสถาบันการเงินที่เราจะไปทำเรื่องกู้ที่เด่นชัดถึงความสามารถและการมีวินัยในการชำระหนี้ของผู้กู้

3. ประวัติการชำระหนี้ที่ตรงต่อเวลา

มิใช่แค่มีประวัติเป็นหนี้แต่ก็ต้องชำระหนี้ให้ตรงเวลาด้วย ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญและส่งผลต่อการพิจารณาของสถาบันการเงินที่จะปล่อยหรือไม่ปล่อยเงินกู้ให้เนื่องจากข้อมูลที่ค้างในเครดิตบูโร

4. ชำระหนี้ให้ตรงเวลา

                การมีวินัยในการชำระหนี้ ไม่ว่าจะก้อนเล็กก้อนใหญ่ จะกลายเป็นประวัติที่สถาบันการเงินหรือธนาคารสามารถตรวจสอบได้และเป็นปัจจัยในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้ลูกหนี้ที่มีวินัยในการชำระ ในทางตรงกันข้ามถ้าหากลูกหนี้มีประวัติในการชำระเงินที่ไม่ดี แม้แต่เงินจำนวนที่ไม่มาก ทางสถาบันการเงินก็คงจะต้องพิจารณาและมีความคิดในเชิงลบไว้ก่อน

5. ปิดหนี้ที่เคยปรับโครงสร้างหนี้ให้หมดก่อน

                เมื่อใดก็ตามที่จะมีการจะทำการกู้ หากมียอดที่ค้างอยู่ในเครดิตบูโร ซึ่งทางสถาบันการเงินก็จะคำนวณและดูว่าผู้กู้ยังมีภาระ แม้ว่าอาจจะมีวินัยในการชำระ แต่ยอดเงินก็จะลดน้อยลงไปและหากมีประวัติการค้างชำระยิ่งหลายงวดก็จะทำให้ติดบัญชีดำบูโร หรือติดแบล๊กลิสต์บูโร ส่งผลให้ไม่ได้รับการอนุมัติการกู้ เนื่องจากเหตุผลที่มองกันอยู่ที่ชัดเจนว่ายังมีหนี้ค้างอยู่และจะมากู้เพิ่มได้อย่างไร ดังนั้นทางออกตรงนี้คือการปิดบัญชีที่มีปัญหา ที่เคยมีการปรับโครงสร้างหนี้มาก่อนทำให้สถาบันการเงินไม่เห็นประวัติตรงนี้ ทำให้การทำเรื่องกู้ผ่านฉลุยเพราะสถาบันการเงินจะเห็นว่าผู้ขอกู้นั้นมีกำลังส่งและไม่มีภาระติดค้างแต่อย่างใด

6. เดินบัญชีธนาคารสม่ำเสมอ

         การพิสูจน์ว่ามีรายได้เป็นเรื่องสำคัญ สถาบันการเงินจะดูว่าผู้ขอกู้นั้นมีรายได้หรือไม่มีก็จากเอกสารประกอบเท่านั้น การพูดปากเปล่าไม่สามารถรับฟังได้ ให้ขับรถเบนซ์ใส่ทอง ดูภูมิฐานอย่างไร ก็คงไม่เข้าตากรรมการ  ดังนั้นข้อมูลที่สถาบันการเงินเชื่อถือมากที่สุดคือจำนวนเงินเข้าในบัญชีธนาคารนั่นเอง หากผู้ขอกู้มีงานประจำทำอยู่เรื่องนี้คงไม่มีปัญหา เพราะสามารถให้ดูสลิปเงินเดือน หนังสือรับรองการเป็นลูกจ้าง ใบรับรองเงินเดือน ระบุวันที่เริ่มทำงานซึ่งแน่นอนหากมีประวัติการทำงานที่ยาวนานมากกว่าหนึ่งปีก็จะทำให้ได้เปรียบมากกว่าผู้ที่เพิ่งทำงาน แต่สำหรับผู้ที่ทำงานอิสระ พ่อค้าแม่ค้า เกษตรกร หรือมีรายได้ที่ไม่ได้ผ่านระบบนั้น แม้แต่เป็นเจ้าของกิจการเองก็ควรจะต้องแสดงให้เห็นว่ามีรายได้เข้าอย่างต่อเนื่อง ในการนำเงินเข้าธนาคาร ให้เห็นว่ามีเงินหมุนเวียนอยู่ตลอด เพราะ ธนาคาร หรือสถาบันการเงินจะถือเป็นเกณฑ์ว่า ผู้ขอกู้มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากน้อยเพียงใด

7. เก็บเอกสาร/หลักฐานรายได้

จากการทำการเดินบัญชี เติมเงินเข้าเรื่อย ๆ แต่ถ้ากรณีเจ้าของกิจการ/ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ยังมีหลักฐานทางการค้า เช่น ใบสั่งซื้อ/สัญญาสั่งซื้อ/บิลกำกับภาษี หรือรายการเสียภาษีนิติบุคคลหรือภาษีบุคคลธรรมดา มาประกอบการสมัครขอเงินกู้ ยิ่งเอกสารแสดงถึงความมั่นคงอายุของบริษัทและผลประกอบการยิ่งทำให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในการปล่อยเงินกู้ได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่มีเอกสาร

8. ใช้บัตรเครดิต/ บัตรกดเงินสด/ โอดี ไม่เต็มวงเงิน

หากท่านใช้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด โอดี เต็มวงเงินแทบทุกบัญชีที่มีอยู่ สถาบันกันการเงินก็จะถือว่าท่านอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาในการชำระเงิน ยิ่งการไปขอวงเงินเพิ่มเพื่อให้ดูว่าไม่เต็มวงเงินในขณะที่ยังคั่งค้างหนี้เก่าอยู่ยิ่งทำให้ดูแย่ลงไปเสียอีก ตามที่เราแนะนำในข้อแรกว่าไม่ควรขอกู้ติดต่อกันยิ่งทำให้โอกาสได้การอนุมัติวงเงินนั้นยากขึ้นไปอีก

รีไฟแนนซ์ เพื่อลดภาระผ่อนชำระต่อเดือน

               เมื่อยื่นเรื่องกู้สถาบันสถาบันการเงินจะนำยอดภาระผ่อนของทุกสินเชื่อมาหักออกจากรายได้ต่อเดือนของผู้ขอกู้ก่อนนำมาคำนวน ว่าผู้ขอกู้มีความสามารถในการชำระหนี้เหลือเท่าไหร่ ก็จะเป็นวงเงินสินเชื่อที่สามารถกู้ได้จริง ๆ วิธีการหนึ่งที่จะทำให้ดอกเบี้ยลดลงคือการรีไฟแนนซ์ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อบ้าน/ สินเชื่อส่วนบุคคล ไปยังสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยลดลง จะสามารถลดยอดผ่อนชำระต่อเดือนได้ หรือ รีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตจากร้อยละ 20-28 เปอร์เซนต์มาเป็นอัตราการผ่อนขั้นต่ำที่ 10% เป็น สินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีภาระผ่อนชำระลดลง และในบางกรณีสถาบันการเงินจะมีโปรโมชั่นที่มีดอกเบี้ยถูกกว่าอีกด้วยในกรณีรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต หรือรีไฟแนนซ์บ้าน ที่มักจะมีโปรโมชั่น สินเชื่อรีไฟแนนซ์ดีๆมาให้เราได้เลือกมากจากจากสถาบันการเงินที่แข่งกันดุเดือด ดังนั้นอย่าละเลยสิทธิของเราทุก ๆ 3 ปี ที่สามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ เพื่อประหยัดดอกเบี้ยได้แบบง่ายๆ

10. ใส่เบอร์โทรศัพท์บ้านและที่ทำงาน

             การให้เบอร์โทรศัพท์ ที่สามารถติดต่อได้ ทั้งที่บ้าน หรือที่ทำงานเป็นเรื่องสำคัญ แสดงถึงความมีตัวตนของกิจการ และ ในแง่ของลูกจ้าง สถาบันการเงินก็สามารถติดต่อได้โดยตรงกับฝ่ายบุคคลเพื่อยืนยันความถูกต้องของรายได้ เงินเดือน อายุการทำงาน

         กล่าวโดยสรุปการเตรียมความพร้อมด้านเอกสาร แสดงถึงความพร้อมและความสามารถในการผ่อนชำระในการกู้เป็นเรื่องที่สำคัญ ที่จะทำให้ได้รับการอนุมัติได้โดยง่าย

keyboard_arrow_up