ความบังเอิญหรือพรหมลิขิตในวันที่ร้านปิด @youngfolk เชียงใหม่

อารยธรรมแบบล้านนา ภูเขาและท้องฟ้าสีคราม หรือจะเป็นความใจดีของผู้คนที่นี่ ทำให้เราต้องกลับมาเยือนอีกครั้ง ณ เชียงใหม่ เมืองที่ใครๆ ต่างก็ถวิลหาวิถีชีวิตแบบสโลไลฟ์ ร้านค้าน่ารัก วัฒนธรรมและความสวยงามที่น่าจดจำ แม้เส้นทางจะถูกปักหมุดไว้ให้ทุกคนพร้อมมาตามรอย แต่สิ่งหนึ่งที่คุณไม่อาจสัมผัสได้จากตัวอักษรนั่นก็คือมิตรภาพและความมีน้ำใจของผู้คนที่นี่ ที่คุณต้องมาลองสัมผัสด้วยตัวเอง

MEE_7018_resi

จากความเร่งรีบที่เริ่มขึ้นในวันหนึ่งตอนตี 4 เพื่อเดินทางไปให้ถึงยอดดอยอินทนนท์ในตอนเช้า กับความรู้สึกที่อยากสัมผัสอากาศหนาวเย็นก่อนจะถึงช่วงที่ดวงอาทิตย์ขึ้นสู่กลางศีรษะและคงทำให้ความเหนื่อยล้าเข้ามาแทนที่ แม้เราจะมาถึงตอนสายๆ ของวันแต่กระนั้นก็ยังมีลมเย็นๆ พัดมาแตะผิวกายให้รู้สึกสดชื่นที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส

doi1

หลังจากเช็คอิน ณ จุดสูงสุดแดนสยามและขับรถเรื่อยลงมาจนถึงกิ่วแม่ปาน ใจจริงแค่อยากลงไปทักทายถ่ายรูปชิคๆ แบบฮิปสเตอร์แต่กลายเป็นการเดินทางไกลในป่า ขึ้นเขาลงห้วยกันมากกว่า 3 ชั่วโมง กับไกด์ท้องถิ่นใจดี (พี่ด้า) ชายไซต์มินิที่ใจใหญ่กว่าขนาดตัวหลายเท่า จบการเดินทางไกลครั้งแรกบนกิ่วแม่ปานซึ่งนอกจากความสุขที่ได้ร่วมผจญภัยไปกับเพื่อน ยังมาพร้อมความหิวแบบช้างลากและขาดน้ำตาลอย่างถึงที่สุด ฉะนั้นสิ่งแรกที่ลงมาจากดอย ขอเติมน้ำตาลให้ชุ่มชื้นหัวใจสักหน่อยเถอะ และชื่อหนึ่งที่ปิ๊งขึ้นมาในหัว ซึ่งสถานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เราอยู่นัก นั่นคือ “youngfolk” ร้านกาแฟแสนเรียบง่ายที่ตั้งอยู่ในอำเภอจอมทอง

IMG_7565

เลี้ยวรถเข้ามาถึงซอยและพบว่า… ร้านปิด ความหิวที่สะสมมานานหลายชั่วโมงทลายลงตรงหน้า ตรงบริเวณใกล้ๆ ร้านพบคุณลุงคนหนึ่งหน้าตาใจดี ถามไถ่จนได้ความว่าปกติแล้วร้านจะปิดแค่เดือนละ 2 ครั้ง แต่เรากลับได้รับแจ็กพอตนั้นเข้าอย่างจัง ก่อนจะขับรถจากไปทิ้งความหิวไว้ด้านหลัง คุณลุงใจดีกลับแสดงตัวตนว่าเขาคือพ่อของบาริสต้าร้าน youngfolk ที่แวะมาทำธุระแถวนั้นและทำให้เราได้พบกันในครั้งนี้

MEE_7479

ประตูร้านถูกเปิดกว้างพร้อมกับการเชิญชวนของคุณลุงให้เข้ามานั่งพักในร้าน ถ้าไม่รังเกียจลองชิมเค้กรสเลิศที่ทำแบบ Homemade โดยฝีมือหลานรัก แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้ชิมกาแฟฝีมือบาริสต้าคนเก่ง แต่เค้กก็ดูอร่อยนุ่ม น่ารับประทานไม่แพ้กัน ในระหว่างที่ทุกคนกำลังเลือกเค้กกันอย่างถูกอกถูกใจ คุณลุงได้อธิบายถึงเรื่องราวที่มาที่ไปของร้านแห่งนี้

MEE_7432

จากเดิมพื้นที่ตรงนี้คุณลุงตั้งใจจะสร้างเป็นที่พักอาศัยในแบบสไตล์ชาวเหนือแท้ๆ มีการเล่นสเต็ป และชานนั่งเล่นใต้ถุนบ้าน รวมถึงพื้นที่บริเวณเคาน์เตอร์ชงกาแฟเดิมถูกวางไว้ให้เป็นโรงรถเช่นกัน แต่ลูกชายนำมาดัดแปลงใหม่ให้กลายเป็นโซนทานกาแฟของร้าน ตกแต่งด้วยไม้เก่าทั้งหน้าต่างและบานประตู โดยมีพี่ชายที่เป็นสถาปนิกคอยช่วยออกแบบให้ทั้งหมด

MEE_7444

โต๊ะและเก้าอี้ไม้เก่าชวนให้ย้อนรำลึกถึงเวลานั่งเรียนสมัยประถม ผนวกกับดอกไม้ที่ปักไว้ในขวดโหลแก้ว ช่วยเพิ่มความละมุนในบรรยากาศแสนอบอุ่นยิ่งนัก เค้กถูกเสิร์ฟมาบนถาดไม้ในสไตล์เดียวกันให้ความรู้สึกเสมือนมานั่งทานขนมที่บ้านเพื่อน  ทั้งทีรามิสุ เค้กสตอร์เบอรี่ โอรีโอ ชีสเค้ก เค้กส้มรวมถึงเค้กช็อกโกแลตถูกลำเลียงออกมาจากตู้แช่เย็น และทานหมดภายในไม่กี่นาที

MEE_7455

หลังจากได้ความหวานมาช่วยคลายความหิว คุณลุงชวนขึ้นไปดูยังที่นั่งชั้นสองของบริเวณบ้าน ได้ความรู้สึกไปอีกแบบกับการนั่งทานบนเสื่อ รอบๆ ตกแต่งด้วยของเก่าและของสะสมของบาริสต้า ที่คุณลุงแอบเอามาใส่แซมบ้างเล็กน้อย ตามแบบฉบับของคุณพ่ออารมณ์ดี

MEE_7490

เดินต่อมาอีกหน่อยบริเวณหน้าบ้านที่สะดุดตาในความร่มรื่นของต้นไม้ปกคลุมทั่วเต็มพื้นที่ เหลือบไปเห็นป้าย”เชิญหยิบฟรีคนละ 1 ต้น” เลยถามไถ่ถึงที่มาจากคุณลุง ได้ความว่า “จริงๆ แล้วเราอยากคืนกำไรให้กับลูกค้า ด้วยการนำแก้วกาแฟที่ใช้เสร็จแล้ว มาทำเป็นกระถางต้นไม้ พอลองปลูกลองเพาะต้นกล้าไปเรื่อยๆ จาก 1 แตกเป็น 2 3 4 5 และนั่นเป็นที่มาที่ทำให้ทางร้านอยากมอบความสุขคืนให้กับลูกค้าด้วยการหยิบต้นไม้ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปคนละต้น”

MEE_7468

จบการเดินทางกับมื้อขนมหวานแสนพิเศษ ที่ถึงแม้วันนี้เราไม่ได้ชิมกาแฟรสเลิศจากฝีมือบาริสต้า แต่เราก็ได้รับความสุขและความอิ่มเอมใจจากคุณลุงผู้เป็นพ่อ ที่รักลูกสุดหัวใจและยังเผื่อแผ่ความรักนั้นมาสู่ลูกค้าดั่งญาติคนสนิท ทำให้เราเห็นความมีน้ำใจของคนเหนือที่ยังคงเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ตาม คงไม่ใช่ความบังเอิญที่พาเรามาถึงจุดนี้ แต่คงเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้ได้พบกับคุณลุง และแน่นอนว่าเราจะกลับมาอีกครั้งในวันที่ร้านเปิด @Youngfolk

FB: www.facebook.com/YoungfolkcafeChiangmai

เวลาเปิด-ปิด:  Mon-Sun: 7:30 am – 5:30 pm

สถานที่ตั้ง: เลี้ยวซ้ายบริเวณสี่แยกไฟแดงแท่นคำ ด้านข้างที่ว่าการอำเภอจอมทอง เข้าไปประมาณ 200 เมตร

 

Story: Porko

Photo: Wara

keyboard_arrow_up